โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

บันเทิง

ยายชา ชีวิตพลิกตอนโดนคัดออกจาก ระเบิดเถิดเทิง ได้กินข้าวแค่วันละมื้อ

ไทยรัฐออนไลน์ - บันเทิง

อัพเดต 24 ม.ค. 2563 เวลา 11.11 น. • เผยแพร่ 24 ม.ค. 2563 เวลา 10.18 น.
ภาพไฮไลต์
ภาพไฮไลต์

ยังจำกันได้ไหม ยายชา ผู้ที่เคยรับบทเป็นหญิงสูงวัย นั่งขายกล้วยแขกในซอยเถิดเทิง จากซิทคอมเรื่อง ระเบิดเถิดเทิง ที่เคยได้รับความนิยมมานานกว่า 18 ปี มาวันนี้รายการได้ปิดตัวลง และตัว ยายชา เองก็หายจากหน้าจอไปสักระยะ ซึ่ง ยายชา ได้บอกว่า ในชีวิตจริงนั้นตัวเองเป็นผู้ชาย แต่งงานมีภรรยาแล้ว ล่าสุด ยายชา ได้มาเปิดใจเล่าชีวิตตัวเองผ่านรายการ ตัวแม่มาแล้ว ทางไทยรัฐทีวี ช่อง 32 โดยเจ้าตัวเล่าว่า 

มีหลายคนเคยสงสัยว่า ยายชา นั้นตายไปแล้ว แต่จริงๆ ยังไม่ตาย มันเป็นหนังของยาย เพราะสื่อมันออกไปเอง จริงๆ แล้วนั้นยายเป็นผู้ชาย ไม่ใช่ผู้หญิง เพราะเราอยากได้ตังค์เค้า จะทำยังไงถึงจะได้ตังค์ มาเล่นตลกตั้งแต่เด็กๆ ได้รับค่าตัว สิบบาท ยี่สิบบาท สองร้อยบาท พอมั้ย ไม่พอหรอก และบังเอิญเป็นนักพากย์หนังกลางแปลงก็เลยทำได้ เราเป็นนักพากย์สมัยก่อนเนี่ยเราจะดัดแปลงอะไรก็ได้

จากข่าวลือที่บอกว่า ยายชาตกอับนั้น ยายชาเล่าว่า ตกอับมันก็ไม่เชิง เขาคัดดาราซอยเถิดเทิงออก พวกเราก็เซ แต่ไม่ถึงตกอับ เพียงแต่ว่าเราจับจุดว่าเราจะไปยังไง ทำอะไรต่อ เพราะอยู่มาถึง 18 ปี ยายชาตกอับไม่มีตังค์ใช้ มันเป็นไปไม่ได้ เรามี แต่เราก็ต้องประหยัดบ้าง และช่วงไม่มีงานทำก็อยู่บ้าน

มันมีรายจ่าย แฟนก็ทำงานอยู่กรุงเทพฯ ฉันก็อยู่บ้านเลี้ยงหมา เลี้ยงแมวอีรุงตุงนัง ก็ซื้อข้าวเข้าไปสัก 2 โล กินตั้งเกือบอาทิตย์ จะกินอะไรมากมาย กินแค่มื้อเดียวพอ ถ้ากิน 3 มื้อ 4 มื้อ ต่อให้วันละ 500 ก็ไม่พอ  ต้องประหยัดเอา แต่ถ้ามีงานมีตังค์มา ไม่ใช่ว่ามีเท่าไรก็ใช้หมด ฉันเก็บตังค์ไม่ได้ ฉันเลยส่งเงินมาให้ภรรยาช่วยเก็บ เอาตังค์ฝากธนาคารไม่ทำบัตรเอทีเอ็ม ถ้าทำบัตรเอทีเอ็มใจเรามันเติบ เดี๋ยวเราก็ไปกดออก 

ยายชา ได้ย้อนกลับไปเล่าให้ฟังว่า ตอนเด็กนั้นเริ่มกินเหล้าตั้งแต่อายุประมาณ 7 ขวบ เคยทำอาชีพประมงน้ำจืดมาก่อน ที่ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี ทอดแห กระโดดน้ำลงงม พอขึ้นเรือมาก็ยกเหล้ากินรอบละนิดนึงจนติด พอตกเย็นหลังจากทำอะไรเสร็จเรียบร้อยเราก็จะไปกินเหล้ากับเพื่อน พอเห็นพ่อแม่ทะเลาะกัน ตีกัน เราก็สงสารแม่ จนเรามาคิดได้ว่า เหล้าเนี่ยมันไม่ดีเลย ก็เลยหักดิบเลิกตอนอายุ 20 ปี

ตอนอายุประมาณ 7 ขวบ เวลาไปกินเหล้าก็จะไปกินที่ศาลาพักศพ หรือแถวๆ ป่าช้า ไปกินกับเพื่อน และเมาหลับตรงที่ป่าช้า ซึ่งตอนหลับเราเองก็จะได้ยินเสียงคนคุยกันผ่านหัวว่า ไอ้นี่เมาหลับ กลับเช้าชัวร์ และตอนนั้นเพื่อนกลับไปหมดแล้ว ด้วยความเมาเราก็บ่นตอนเมาว่า เฮ้ยคุยกันเบาๆ หน่อย คนจะหลับคนจะนอน

จนเราจะดุ้งตื่นมาได้สติแล้วคิดขึ้นมาว่าเสียงใครที่คุยกับเรา แต่ไม่ได้สนใจอะไรก็เลยเดินออกทางป่าช้าไป ระหว่างทางก็จะมีต้นโพธิ์ใหญ่โอบ 3 คนไม่มิด ก็เห็นต้นโพธิ์ต้นใหญ่สั่นครึ่งต้น เราก็เลยพูดด้วยความนักเลงว่า เออสั่นไปเหอะ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกูไม่ช่วยมึงหรอก และตอนจะเดินออกจากป่าช้าก็จะมีขี้เหล็กต้นเท่านิ้วก้อยนิดนึง ก็เห็นผีมาแกว่งขา เราก็เลยพูดว่า ทำเอามากๆ ตกใจ ตกมาจะกระทืบซ้ำด้วย

และยายชาเผยว่า กินเหล้าที่ไหนไม่อร่อยเท่าที่ป่าช้ามันได้อารมณ์ซะมากกว่าไปกินที่อื่นๆ บางทีผีก็ไม่มาหลอกจนผิดสังเกต ยายชาบอกถึงประสบการณ์เจอผีครั้งแรกคือกลัวสุดขีด ตอนที่ตกจากหลังคาบ้านมาที่พื้นทั้งๆ ที่หลังคาบ้านไม่มีอะไรเลย จนท่องนะโมตัสสะหลายครั้ง เลยกลับบ้านมาอยู่เป็นอาทิตย์ นานๆ มาเข้าก็ชิน

ส่วนเรื่องแฟน ยายชาบอกว่า คบกันมาตั้งแต่เขาอายุ 17 ปี ตอนนี้เขาอายุ 49 ปี เราอายุ 67 ปี ไปเจอกันที่ปั๊มน้ำมัน เพราะส่วนใหญ่ตลกไปเปลี่ยนเสื้อผ้าและก็แบ่งตังค์กัน แล้วเขาก็เข้ามาขอลายเซ็นเรา จากนั้นก็นัดเที่ยวกันและก็โทรคุยกัน ตอนไปเที่ยวด้วยกันครั้งแรกพกเงินสดเตรียมไป 50,000 บาท จะลองดูใจว่าผู้หญิงคนนี้จะเอาตังค์เราไปใช้อะไรหรือเปล่า

เราก็ถามเขากินอะไรไหม อยากได้ของอะไรมั้ย ถึงขั้นแบรนด์เนมเลย เขาบอกว่าไม่เอา กินข้าวไหม บอกไม่เอา แต่ซื้อมามีอยู่สิ่งนึงที่เราประทับใจมากเลย แพงสุดขีดคือ ผ้าผูกผมอันละ 5 บาท เราก็ลองมานั่งคิดดูว่าถ้าเราเอาผู้หญิงคนนี้มาเป็นแฟน มาเป็นภรรยาของเรา คงเก็บตังค์ให้เราได้ พอเราได้เสียกับผู้หญิงคนนี้เสร็จ เราก็ให้เขาพาไปหาพ่อของเขา ตอนแรกที่เจอพ่อของเขาคำแรกเลยคือ ลุงมาหาใคร (หัวเราะ)

เราก็เลยยอมรับว่า เราได้กับลูกสาวของเขาแล้ว พ่อเขาก็บอกว่า พ่อไม่ได้ว่าอะไรหรอก ก็อยู่กันไปดูแลลูกพ่อให้ดีก็แล้วกัน เราก็บอกว่า ไม่ได้ครับพ่อ เราอยากทำอะไรที่พิเศษๆ เพราะในชีวิตเรามีภรรยามาเยอะไม่เคยแต่งงานกับผู้หญิงคนไหน แต่คนนี้ผมขอแต่งได้ไหม จากนั้นผมก็จัดงานแต่งเลย ส่วนสินสอดพ่อเขาบอกแล้วแต่เอ็งเลย และก็อยู่ด้วยกันจนปัจจุบัน ไม่เคยทะเลาะกันแม้แต่คำเดียว

สมัยหนุ่มๆ เราทำมาแล้วหลายอาชีพ เคยขายกล้วยแขก ห่อหมก ขนมหวาน ใครจ้างมาก็ทำหมด บางทีก็มีรับจ้างงมแหวน รับจ้างร้องไห้หน้าศพก็เคย เริ่มต้นมาตั้งแต่สมัย 6-7 ขวบ เขาถามว่าร้องไห้หน้าศพได้ไหม ได้มา 500 เงินเยอะมาก เหมือนกับว่าคนที่ตายนั้นคือญาติของเรา ร้องไห้ตั้งแต่เที่ยงถึงบ่ายสาม มันเป็นประเพณีของคนบ้านนอก ทำได้อยู่ 3-4 งานก็เลิกเพราะไมไหว ร้องไห้ไม่ไหว ตาช้ำไปหมด

ครั้งนึงเคยเสี่ยงตายเพราะอยากเล่นระเบิดเถิดเทิง มีคนท้าให้ไปกระโดดขวางหน้ารถคุณปัญญา แล้วบอกอยากเล่นระเบิดเถิดเทิง เราเลยไปกระโดดขวางหน้ารถคุณปัญญา จากนั้นก็บอกเขาว่า ผมอยากเล่นระเบิดเถิดเทิง เขาก็เลยขอเบอร์ติดต่อมา ถามว่ากลัวไหม ไม่กลัว เพราะว่าคุณปัญญาเขาขับรถอย่างระมัดระวัง ไม่รีบไม่ร้อน ขับสบายๆ คุณปัญญาเขาถามว่าเคยเล่นประจำที่ไหน เราก็บอกไป เขาบอกว่าจะเล่นมุกไหนก็ได้แต่จะต้องแต่งเป็นคนแก่ ไม่ต้องพูดอะไร นั่งอยู่ขอบเวทีคืนละ 3 รอบ

ที่เหลือก็เป็นกรุงธนบุรีคอมเพล็กซ์ กรุงธนบุรีพลาซ่า ตั้งแต่เล่นตลกครั้งแรกมาปี 2519 อยู่กับตลกเล็กๆ แถวสายใต้เก่า พอมาคณะตลกซิ่งชิงแชมป์เริ่มเล่นที่ใหญ่ เริ่มมีงานมากขึ้น ตั้งแต่นั้นมาก็อยู่กับคุณปัญญาถึง 18 ปี.

ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง

ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0