กรณีการเสียชีวิตของ "น้ำตาล เดอะสตาร์" กลับมาได้รับความสนใจอีกครั้ง หลังทุกคนได้ทราบว่าเธอป่วยเป็นวัณโรคหลังโพรงจมูก ซึ่งยังมีหลายข้อกังวลจากประชาชนที่รับรู้ข่าวสาร วันนี้เราจึงจะพาไปทำความรู้จักเกี่ยวกับโรคนี้กันให้มากยิ่งขึ้น ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล บอกว่า กรณีของน้องน้ำตาล ได้ส่องกล้องเข้าไปดูบริเวณหลังโพรงจมูกและพบบริเวณเยื่อบุหลังโพรงจมูกมีสีผิดปกติไป จากปกติขนาดประมาณ 0.5-1 ซม. จึงตัดชิ้นเนื้อบริเวณดังกล่าวเพื่อนำมาตรวจวินิจฉัยทางพยาธิวิทยาหาสาเหตุการเสียชีวิต ในระหว่างตัดชิ้นเนื้อพบมีเลือดไหลออกมาจำนวนมาก หลังจากย้อมชิ้นเนื้อพบว่าเข้าได้กับ "วัณโรค" แต่ไม่พบเชื้อ จากนั้นจึงตรวจอีกวิธีให้แน่ใจที่เรียกว่า PCR (Polymerase Chain Reaction) คือการตรวจหา DNA ของเชื้อวัณโรคได้ผลเป็นบวก บ่งชี้ว่ามีเชื้อวัณโรคหลังโพรงจมูก ซึ่งในกรณีนี้มีโอกาสติดต่อกันได้น้อย เพราะจากสถิติของประเทศไทยในปี พ.ศ. 2560 พบคนไทยเป็นวัณโรคประมาณ 80,000 คนจากประชากร 69 ล้านคน โดยร้อยละ 83 จะตรวจพบที่ปอดร้อยละ 17 ตรวจพบนอกปอด สำหรับ"วัณโรคหลังโพรงจมูก" พบได้น้อยกว่าร้อยละ 1 ของวัณโรคที่พบนอกปอด เป็นกรณีที่ไม่ปกติ จริง ๆ เจอน้อยมาก อีกทั้งวัณโรคสามารถเป็นได้ตามอวัยวะอื่น ๆ ของร่างกาย มีรายงานทางการแพทย์ทั่วโลกพบว่าวัณโรคหลังโพรงจมูก ผู้ป่วย 1 ใน 3 อาจไม่มีอาการใด ๆ และประมาณร้อยละ 70 มีต่อมน้ำเหลืองที่คอโต หรือมีก้อนบริเวณหลังโพรงจมูก จึงมักได้จากการตรวจชิ้นเนื้อที่ก้อนหรือต่อมน้ำเหลือง ในประเทศไทยตั้งแต่ พ.ศ. 2535 จนถึงปัจจุบัน พบการป่วยเป็นวัณโรคหลังโพรงจมูก ทั้งหมด 39 ราย พบที่ จ.กาญจนบุรี 1 ราย, จ.ขอนแก่น 23 ราย, รพ.ศิริราช 15 ราย และ กทม. 1 ราย โดยรักษาหายทั้งหมด เนื่องจากสามาถตรวจพบก่อน แต่กรณีของน้องน้ำตาล ไม่มีแสดงอาการใด ๆ นอกจากนี้ยังมีเลือดออกมากกว่าผู้ป่วยทั่วไป และจากการรายงานทั่วโลกยังไม่พบอาการเช่นนี้มาก่อน จึงเป็นกรณีที่ถือว่าหายากมาก วิธีการรักษานั้น รักษาเหมือนกับวัณโรคทั่วไป ซึ่งในระยะเวลาในการรักษาใช้เวลาประมาณ 6 เดือน ขึ้นอยู่กับอาการ วัณโรคจะไม่มีการแสดงออกการออกอย่างชัดเจน จึงไม่สามารถตอบได้ว่าระยะเวลาที่น้องน้ำตาลเป็น โดยหลังจากที่ผลการวินิจฉัยออกมา อย่างไรก็ตาม ข้อแนะนำประชาชน คือ 1.อุบัติการณ์ของวัณโรคในไทยยังไม่ลดลง สามารถเกิดได้กับทุกคนทุกเพศทุกวัยและเกิดขึ้นได้ในหลากหลายอวัยวะ 2.ควรตรวจร่างกายเป็นประจำทุกปี หากพบสิ่งผิดปกติใด ๆ จำต้องสืบค้นจนพบสาเหตุของความผิดปกตินั้น โดยการตรวจร่างกายประจำปีนั้น สามารถครอบคลุมได้ ร้อยละ 80 ของวัณโรคทั้งหมด และ 3.แม้การตรวจร่างกายจะปกติ แต่หากมีอาการผิดปกติระยะเวลาหนึ่ง เช่น น้ำหนักลดไม่ทราบสาเหตุ เบื่ออาหาร มีไข้ต่ำ ๆ คลำได้ก้อนผิดปกติ ควรพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุ.
*อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง… *
