บุรีรัมย์ - คืบหน้าแม่ยายถูกลูกเขยวัย 15 ปี แจ้งจับและยื่นฟ้องศาล ฐานยักยอกลอตเตอรี่ 12 ล้าน ยันบริสุทธิ์ไม่เคยเห็นลอตเตอรี่พร้อมขึ้นศาล เชื่อถูกใส่ร้ายเหตุพ่อแม่ฝ่ายชายไม่พอใจที่ให้มาสู่ขอตามประเพณี ขู่ฟ้องกลับ ฐานแจ้งเท็จทำเดือดร้อนเสื่อมเสีย
วันนี้ (15 ก.ค.) จากกรณีที่หนุ่มน้อยวัย 15 ปี พร้อมมารดา ชาว อ.ห้วยแถลง จ.นครราชสีมา ได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองหงส์ จ.บุรีรัมย์ ให้เอาผิดกับ นางมานิตย์ เต็มปักษี อายุ 44 ปี ชาวบ้านหนองไผ่ ม.13 ต.เสาเดียว อ.หนองหงส์ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นแม่ยายของหนุ่มวัย 15 ปีเอง พร้อมด้วย น.ส.สมศรี สายสมคุณ อายุ 21 ปี บุตรสาวคนโต และ นางฉวีวรรณ ลูกจันทร์ อายุ 30 ปี หลานสาว โดยกล่าวหาว่าทั้ง 3 ยักยอกทรัพย์ สลากกินแบ่งรัฐบาล รางวัลที่ 1 หมายเลข 412073 งวดวันที่ 1 เม.ย. 2561 จำนวน 2 ใบ เป็นเงินรางวัล 12 ล้านบาท ที่หนุ่มวัย 15 ซึ่งเป็นลูกเขย ที่อยู่กินกับลูกสาวคนเล็กอายุ 14 ปี อ้างว่าถูกรางวัลที่ 1 แล้วนำ ลอตเตอรี่ทั้ง 2 ใบมาฝากไว้กับนางมานิตย์ ผู้เป็นแม่ยาย แต่กลับถูกแม่ยายนำไปขึ้นเงิน ทั้งนี้ลูกเขย ยังได้มอบอำนาจให้ผู้เป็นมารดาจ้างทนายความให้ยื่นฟ้องศาลด้วย ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังบ้านขอ งนางมานิตย์ ผู้เป็นแม่ยายที่ถูกลูกเขยแจ้งความและฟ้องเอาผิดฐานยักยอกลอตเตอรี่ 12 ล้านบาทอีกครั้ง พบว่านางมานิตย์ ยังดำเนินชีวิตตามปกติคือมีอาชีพเลี้ยงวัวทำสวน และทำนา เมื่อเข้าไปสอบถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น นางมานิตย์ เล่าให้ฟังด้วยสีหน้าที่เป็นกังวลว่า หลังทราบว่าลูกเขย และผู้เป็นแม่ฝ่ายชาย แจ้งความกล่าวหาว่าตนยักยอกลอตเตอรี่ที่ถูกรางวัล 12 ล้าน ก็ตกใจมาก จนกินไม่ได้นอนไม่หลับ
พร้อมยืนยันว่าทั้งตน ลูกสาวคนโต และหลานสาว ไม่ได้ยักยอกลอตเตอรี่ตามที่ถูกกล่าวหา และยืนยันว่าไม่เคยเห็นลอตเตอรี่ฉบับดังกล่าว ตามที่ลูกเขยและลูกสาวอ้างว่าถูกรางวัลเลย ตัวเองอยากให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงให้กระจ่างเช่นกัน ว่าลูกเขยและลูกสาวถูกลอตเตอรี่จริงหรือไม่ และหากถูกจริงใครที่เป็นคนนำลอตเตอรี่ไปขึ้นเงิน เพราะกรณีที่เกิดขึ้นทำให้ตนเองเดือดร้อนและเสียหายเป็นอย่างมาก
นางมานิตย์ เชื่อว่า สาเหตุที่มีการแจ้งความและฟ้องร้องเอาผิดตนในครั้งนี้ อาจเกิดจากที่ครอบครัวฝ่ายชายไม่พอใจ ที่ตนเคยโทรศัพท์ไปบอกให้ครอบครัวของฝ่ายชายมาผูกแขนสู่ขอลูกสาวตามประเพณี 2-3ครั้ง เพราะทั้งสองอยู่กันแบบสามีภรรยามาร่วมปีแล้วแต่ลูกสาวตนเป็นฝ่ายเสียหายเพราะเป็นผู้หญิง แต่แม่ฝ่ายชายปฏิเสธตลอดอ้างแต่ว่าทั้งสองฝ่ายเป็นเด็กหากแต่งงานกันแล้วอาจอยู่กินกันไม่นาน
กระทั่งต่อมาเกิดเรื่องดังกล่าวขึ้นจึงเชื่อว่า อาจเป็นชนวนเหตุที่ทำให้ครอบครัวฝ่ายชายไม่พอใจก็เป็นได้ จึงได้แจ้งความเพื่อกลั่นแกล้งใส่ร้ายตนเอง รวมถึงลูกสาวคนโต และหลานสาว จึงอยากเรียกร้องขอความเป็นธรรมด้วย ส่วนที่ศาลจังหวัดนางรอง ได้นัดไต่สวนมูลฟ้อง ในวันที่ 23 ก.ค.นี้ ก็ยืนยันว่าจะเดินทางไปอย่างแน่นอนเพราะมั่นใจในความบริสุทธิ์
ด้าน นางฉวีวรรณ ลูกจันทร์ หลานสาวของนางมานิตย์ ที่ถูกแจ้งความเอาผิดอีกคน มายืนยันเช่นกันว่า ไม่ได้ยักยอกลอตเตอรี่ไปขึ้นเงินตามที่ถูกกล่าวหา และหลังเกิดเรื่องตนพยายามจะไปสอบถาม ด.ญ.เอ (นามสมมติ) ซึ่งเป็นลูกสาวของนางมานิตย์ ว่าถูกลอตเตอรี่จริงหรือไม่แล้วทำไมทางแฟน และแม่ของแฟน จึงไปแจ้งความเอาผิดกับผู้เป็นแม่ พี่สาว และตนเอง ทั้งที่ไม่ได้นำลอตเตอรี่มาให้ตามที่กล่าวอ้าง แต่ไม่ได้รับคำตอบ ทั้งครอบครัวฝ่ายหลายเขยก็พยายามกีดกันไม่ให้พบหรือพูดคุยกับ ด.ญ.เอ และล่าสุดได้พาไปทำงานที่ จ.จันทบุรี ไม่สามารถติดต่อได้ จึงทำให้ไม่รู้ข้อเท็จจริงแต่เชื่อว่าความจริงก็คือความจริงแม้จะถูกกล่าวหาใส่ร้ายแต่ก็มั่นใจในความบริสุทธิ์
อย่างไรก็ตามหากสิ้นสุดกระบวนการและมีการตรวจพิสูจน์แล้วว่าตนไม่ได้ยักยอกลอตเตอรี่ หรือผู้ที่แจ้งความไม่ได้ถูกรางวัลที่ 1 จริง อาจจะมีการฟ้องกลับฐานแจ้งความเท็จจริง เพราะทำให้ตนเดือดร้อนเสียหาย
ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองหงส์ ให้ข้อมูลเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวว่า ได้มีการแจ้งความกรณีดังกล่าวจริงเมื่อช่วงกลางเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยได้มีทนายความเดินทางมา พร้อม ด.ช.วัย 15 ด.ญ.วัย 14 ซึ่งเป็นแฟนกัน รวมถึงมารดาของ ด.ช.วัย 15 มาด้วย แต่เนื่องจาก ด.ช.วัย 15 ซึ่งอ้างว่าเป็นผู้ถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 ยังเป็นเด็กจึงมอบอำนาจให้มารดาแจ้งความร้องทุกข์แทน ว่าถูกยักยอกลอตเตอรี่ที่ถูกรางวัลแต่ไม่มีหลักฐานใดมาแจ้ง มีเพียงประจักษ์พยานซึ่งเป็น ด.ช. และ ด.ญ.ที่อ้างว่าถูกรางวัลเท่านั้น ซึ่งตำรวจรับแจ้งความไว้ตามหน้าที่ และขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างทำหนังสือขอหลักฐานจากกองสลากเพื่อยืนยันว่าใครเป็นผู้ไปขึ้นเงินรางวัลลอตเตอรี่ฉบับดังกล่าว ส่วนที่ศาลนัดไต่สวนนั้นทนายเป็นผู้ยื่นฟ้องเอง
