เมื่อวันที่ 7 เม.ย. 63 ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) แถลงสถานการณ์ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19ประจำวันโดยมีเนื้อหาสรุปดังนี้
-พบผู้ป่วยรายใหม่ 38 ราย ยอดสะสม 2,258 ราย ใน 66 จังหวัดของประเทศ
***************************
-ผู้ป่วยรายใหม่ 38 ราย จำแนกได้ดังนี้
1.ผู้ป่วยสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยยืนยันรายก่อนหน้านี้ 17 ราย (ส่วนใหญ่เป็นกรุงเทพฯ 11 ราย มีทั้งติดจากในบ้าน ที่ทำงาน และกลุ่มเพื่อน)
2.ผู้ป่วยกลุ่มอื่นๆที่ไม่เกี่ยวข้องกับผู้ป่วยก่อนหน้านี้ 16 ราย แบ่งเป็น
2.1คนไทยเดินทางกลับจากต่างประเทศ 3 ราย
2.2ไปสถานที่ชุมนุมชน เช่น ห้างสรรพสินค้า ตลาดนัด สถานที่ท่องเที่ยว 3 ราย
2.3อาชีพเสียง เช่น ทำงานในสถานที่แออัด หรือทำงานใกล้ชิดสัมผัสชาวต่างชาติ 7 ราย (เป็นผู้ทำงานที่เกี่ยวข้องกับชาวต่างชาติ (กทม.2 ชลบุรี กระบี่) ชาวต่างชาติทำอาชีพเสี่ยง (ภูเก็ต3)
2.4บุคลากรด้านการแพทย์และสาธารณสุข 3 ราย
3.อยู่ระหว่างการสอบสวนโรค 5 ราย
****************************
-ผู้ติดเชื้อได้รับการรักษาหายแล้ว 824 ราย
-ผู้ป่วยเสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย รวมสะสม 27 ราย
-ผู้ป่วยเสียชีวิตรายที่ 27 เป็น ชายอายุ 54 ปี ไม่มีโรคประจำตัว มีประวัติไปงานเลี้ยงหลายที่ และไปสถานบันเทิงย่านทองหล่อ เริ่มป่วยเมื่อวันที่ 13มี.ค. 63 มีอาการเหนื่อยเข้ารักษาที่โรงพยาบาลเอกชน จากนั้นเริ่มมีอาการเหนื่อยมากขึ้นต้องใส่ท่อช่วยหายใจ ตรวจพบติดเชื้อโควิด-19 ผลเอกซ์เรย์พบมีอาการปอดอักเสบรุนแรง และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 6 เม.ย. 63 ด้วยอาการระบบทางเดินหายใจล้มเหลว
****************************
-ตัวเลขผู้ป่วยใหม่ที่ลดลง เกิดจาก 3 ประเด็น คือ 1.การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินและเคอร์ฟิว 2.การควบคุมกันเองของประชาชนทั่วประเทศ 3.การจัดสถานที่รองรับเพื่อกักกันกลุ่มเสี่ยงอย่างชัดเจน
-รัฐบาลจะเพิ่มจำนวนการตรวจเชื้อไวรัสโควิด-19ให้มากขึ้น โดยศักยภาพการตรวจในปัจจุบัน ใน กรุงเทพฯตรวจได้วันละ 10,000 ราย และ ต่างจังหวัดรวมกันได้วันละ 10,000ราย
-วันที่ 7 เม.ย.63 พบผู้ฝ่าฝืนเคอร์ฟิวออกนอกเคหสถาน 1,217 ราย รวมกลุ่มชุมนุมหรือมั่วสุม 76 ราย / เจ้าหน้าที่ตักเตือน 246 ราย ดำเนินคดี 1,047 ราย
-แม้ประชาชนส่วนใหญ่จะให้ความร่วมมือกับประกาศเคอร์ฟิว แต่ยังมีคนบางกลุ่มฝ่าฝืน โดยยอดเพิ่มขึ้นตลอด 4 วันที่ผ่านมา หากยอดผู้ฝ่าฝืนยังเพิ่มต่อเนื่อง รัฐบาลจะมีมาตรการเข้มข้นกว่าเดิมออกมา