โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

ยอดขายรถยนต์ของทั้งโลก อาจเลยจุดสูงสุดไปแล้ว

ลงทุนแมน

อัพเดต 19 พ.ย. 2562 เวลา 09.04 น. • เผยแพร่ 21 พ.ย. 2562 เวลา 03.10 น. • ลงทุนแมน

ยอดขายรถยนต์ของทั้งโลก อาจเลยจุดสูงสุดไปแล้ว / โดย ลงทุนแมน

“ยอดขายรถยนต์ของทั้งโลก อาจเลยจุดสูงสุดไปแล้ว”
นี่คือคำเตือนจากนักเศรษฐศาสตร์ของ IMF (กองทุนการเงินระหว่างประเทศ)
ทำไมอุตสาหกรรมรถยนต์ทั่วโลกกำลังชะลอตัว
แล้วมันเป็นเหตุการณ์ชั่วคราวหรือไม่
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
┏━━━━━━━━━━━━┓
บทความนี้โพสต์ล่วงหน้าใน Blockdit
Blockdit โซเชียลมีเดีย รูปแบบใหม่
Blockdit.com/download
┗━━━━━━━━━━━━┛

ในปี 2018 มูลค่าการค้าของโลกเท่ากับ 590 ล้านล้านบาท
แต่รู้หรือไม่ว่า กว่า 30% เกิดจากอุตสาหกรรมรถยนต์

ขณะที่มูลค่าของอุตสาหกรรมรถยนต์ทั่วโลกนั้น ใหญ่กว่าขนาด GDP ของฝรั่งเศสที่มีมูลค่าประมาณ 80 ล้านล้านบาท เสียอีก

หมายความว่า ถ้าอุตสาหกรรมรถยนต์มีปัญหา ย่อมส่งผลต่อเศรษฐกิจโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

เมื่อไม่นานมานี้ IMF ได้ให้ความเห็นว่า
สิ่งที่ทำให้เศรษฐกิจโลกโตช้ากว่าที่คิด เนื่องจากการชะลอตัวของอุตสาหกรรมรถยนต์
พร้อมทั้งตั้งข้อสังเกตว่า
ความเจริญรุ่งเรืองของอุตสาหกรรมรถยนต์นั้นอาจผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว

ปัจจัยที่ทำให้อุตสาหกรรมรถยนต์ชะลอตัวในปัจจุบันนั้น มีอยู่ 3 ปัจจัยหลัก

1. การตั้งกำแพงภาษี และการกีดกันทางการค้าระหว่างประเทศ

ซึ่งส่งผลให้ต้นทุนรถยนต์นั้นเพิ่มสูงขึ้น อย่างกรณีของสหรัฐอเมริกาที่ประกาศเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมจากประเทศคู่ค้า ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตรถยนต์โดยเฉลี่ยของสหรัฐอเมริกานั้นเพิ่มขึ้น

2. การออกมาตรการ รวมทั้งกฎหมายอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

ต้นทุนในการผลิตรถยนต์ทั่วโลกนั้นเพิ่มขึ้นอย่างมาก เพราะบริษัทรถยนต์ต้องการลงทุนและพัฒนาเทคโนโลยีด้านเครื่องยนต์เพื่อลดมลพิษ จึงทำให้ราคารถนั้นสูงขึ้น จนกระทบต่อผู้บริโภค

3. การเกิดขึ้นของ Sharing Economy

ซึ่งคือสังคมเศรษฐกิจแบบแบ่งปัน ที่เกิดจากความคิดที่ว่า ผู้ที่มีทรัพยากรต้องการสร้างมูลค่าเพิ่มของสินทรัพย์ในรูปแบบของค่าเช่าหรือค่าบริการ

การเกิดขึ้นของ Uber, Lyft, Grab ซึ่งเป็นการใช้รถยนต์ร่วมกันระหว่างผู้มีรถยนต์ และผู้ต้องการใช้รถยนต์ เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ความต้องการรถยนต์นั้นลดลง

ปัจจัยที่กล่าวมานี้ ทำให้ยอดขายรถยนต์ในแต่ละประเทศที่เคยทำจุดสูงสุดไว้ ยังไม่เคยทำลายสถิติอีกเลยนับจากนั้น

สหรัฐอเมริกา ยอดขายรถยนต์ทำจุดสูงสุดในปี 2016
บราซิล ยอดขายรถยนต์ทำจุดสูงสุดในปี 2014
สหภาพยุโรป ยอดขายรถยนต์ทำจุดสูงสุดในปี 2000

ญี่ปุ่น ยอดขายรถยนต์ทำจุดสูงสุดในปี 1990 หรือเกือบ 30 ปีที่แล้ว

แม้แต่ประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลกอย่างจีนและอินเดีย ที่ผู้เกี่ยวข้องหลายฝ่ายในอุตสาหกรรมรถยนต์คาดหวังว่าจะเข้ามาพยุงความต้องการรถยนต์ทั่วโลกนั้น ก็กำลังมีปัญหา

เนื่องจากทั้ง 2 ประเทศนี้เป็นประเทศที่มีมลภาวะทางอากาศมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก จึงทำให้รัฐบาลออกมาตรการและกฎหมายต่างๆ เพื่อลดมลภาวะจากการใช้รถยนต์

พอเรื่องเป็นแบบนี้
ยอดขายรถยนต์ในจีนเดือนกันยายน ลดลงกว่า 12% จากปีที่แล้ว
ที่สำคัญคือ ยอดขายรถยนต์ในจีนนั้น ลดลงติดต่อกันถึง 15 เดือนแล้ว

รวมทั้งที่อินเดีย ประเทศที่ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของโลก ก็กำลังประสบกับยอดขายรถยนต์ที่ปรับตัวลดลงกว่า 14% จากปีที่แล้ว

ซึ่งขัดแย้งกับสิ่งที่หลายคนคิดไว้ก่อนหน้าว่า
รายได้ของประชากรทั้ง 2 ประเทศที่เพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา น่าจะทำให้ตลาดรถยนต์ใน 2 ประเทศนี้เติบโตต่อเนื่อง แต่ตอนนี้เรื่องราวกลับตรงกันข้าม

แม้แต่ในประเทศไทยที่ตลาดรถยนต์เดือนกันยายน ลดลงกว่า 14% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ทำให้บริษัทผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ในประเทศมีการประกาศหยุดงานบางส่วน

ความไม่แน่นอนของอุตสาหกรรมรถยนต์ ที่กำลังเจอความท้าทายทั้งเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว

กฎเกณฑ์ใหม่ที่ออกมาเพื่อควบคุมมลภาวะจากรถยนต์

รวมทั้งความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี จนเกิดสังคมแห่งการแบ่งปันทรัพยากร

จึงทำให้หลายคนสงสัยว่า การชะลอตัวของอุตสาหกรรมรถยนต์นั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นชั่วคราวหรือไม่ และยอดขายรถยนต์ทั่วโลกได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้วหรือยัง

เรื่องนี้สะท้อนไปยังการให้มูลค่าของบริษัทรถยนต์ต่างๆ ที่อยู่ในตลาดหุ้น นักลงทุนตอนนี้กำลังให้มูลค่าบริษัทรถยนต์หลายแห่งทั่วโลกต่ำมาก

เรามาดูค่า Price to Earnings (P/E) ของบริษัทรถยนต์เหล่านี้ ซึ่งเป็นค่าวัดความถูกแพงของหุ้นที่นักลงทุนในตลาดหุ้นมักนิยมใช้

Toyota ค่า P/E อยู่ที่ 8.8 เท่า
Hyundai Motor ค่า P/E อยู่ที่ 8.0 เท่า
BMW ค่า P/E อยู่ที่ 6.8 เท่า
General Motors ค่า P/E อยู่ที่ 5.9 เท่า
Honda ค่า P/E อยู่ที่ 4.9 เท่า
Nissan Motor ค่า P/E อยู่ที่ 3.7 เท่า

ใครจะไปคิดว่าเรากำลังซื้อบริษัทรถยนต์ชั้นนำของโลกทั้ง Toyota, BMW, Honda ในราคา P/E ที่ถูกกว่าบริษัททั่วไปในตลาดหลักทรัพย์ไทยเสียอีก

จากข้อมูลดังกล่าว ดูเหมือนว่าราคาหุ้นของบริษัทรถยนต์หลายแห่งนั้นถูก

แต่อีกมุมก็หมายความว่า นักลงทุนอาจไม่มั่นใจว่าอุตสาหกรรมรถยนต์ในอนาคตจะสามารถทำกำไรได้เพิ่มขึ้นหรือไม่

อย่าว่าแต่กำไรเพิ่ม ที่ P/E ในระดับนี้ นักลงทุนน่าจะกำลังคาดการณ์กำไรที่ถดถอยลงจากปัจจุบันด้วยซ้ำ

เรื่องนี้ก็เป็นข้อมูลที่น่าสนใจให้ รัฐบาลไทย หรือ ผู้ประกอบการไทยที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมรถยนต์

เพราะต้องยอมรับว่าประเทศไทยในปัจจุบันก็เป็นฐานการผลิตรถยนต์ที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก

แต่ไม่ว่าเราจะใหญ่แค่ไหน
ถ้าอุตสาหกรรมรถยนต์ของโลกทั้งหมดชะลอตัวลง
แล้วประเทศไทยจะฝืนต่อไปได้อย่างไร..
———————-
บทความนี้ของลงทุนแมน โพสต์ล่วงหน้าใน
Blockdit โซเชียลมีเดีย รูปแบบใหม่
http://www.blockdit.com
———————-

References
-https://markets.businessinsider.com/news/stocks/auto-industry-shrinking-at-peak-car-dragging-global-economy-lower-2019-10-1028644883
-https://www.wto.org/english/news_e/pres19_e/pr837_e.htm
-https://www.bloomberg.com/news/articles/2019-10-12/historic-slump-in-china-car-market-continues-as-sales-drop-6-6
-https://reaction.life/the-west-has-hit-peak-car-thats-bad-news-for-the-auto-industry/
-https://media.gm.com/content/dam/Media/gmcom/investor/2019/oct/gm-q3-2019-earnings-press-release-1029.pdf
-https://www.fircroft.com/blogs/the-automotive-industry-employs-more-people-than-you-think-71462610395

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0