'จิ้งจอกสยาม' เลสเตอร์ ซิตี้ จากทีมเล็กๆ เป็นม้านอกสายตาที่ตีตั๋วคัมแบ็กสู่สังเวียน พรีเมียร์ลีก เมื่อปี 2014 จู่ๆ ตอนนี้กลายมาเป็นหนึ่งในทีมที่มีเกมรุกอันตรายที่สุดใน พรีเมียร์ลีก เฉยเลย
แน่นอนว่าการมีสถานะเป็นแค่สโมสรต๊อกต๋อยๆ ณ วันนั้นนักเตะส่วนใหญ่ก็เป็นแค่พวกโนเนม ให้ระลึกชาติจนตายก็ไม่รู้ว่าแต่ละคนมันเป็นใครมาจากไหน ? แต่พอเวลาผ่านไปมันก็มีหลายคนที่แจ้งเกิดขึ้นมาจนมีหน้ามีตาในสังคม แถมยังทำกำไรให้สโมสรได้มากมายด้วยซึ่งวันนี้ 'ขอบสนาม' ขอเสนอ 'อดีต 6 แข้งเผ่า จิ้งจอกสยาม ที่ทำกำไรให้ทีมได้มหาศาล'
เจฟฟรี่ย์ ชลุปป์
เปิดหัวที่ เจฟฟรีย์ ชลุปป์ ก่อนเลย! แข้งสารพัดประโยชน์ที่สามารถประจำการในตำแหน่งฟูลแบ็กก็ได้ เป็นปีกซ้ายก็ได้ พี่แกโตมาจากการเป็นเด็กในคอกของอคาเดมี่ 'จิ้งจอกสยาม' และนับตั้งแต่ได้โอกาสผจญภัยไปกับทีมชุดใหญ่ก็มีบทบาทสำคัญใช้ได้เลยทีเดียว ไล่ตั้งแต่การช่วยฝ่าฟันพา เลสเตอร์ ซิตี้ เลื่อนชั้นกลับมา พรีเมียร์ลีก ตลอดจนการเถลิงบัลลงก์แชมป์ลีกอย่างยิ่งใหญ่ในปี 2016 แต่ด้วยบทบาทที่เริ่มลดน้อยลง บวกกับแผนการประยุกต์สร้างทีมใหม่ก็เลยทำให้เขาไม่เป็นที่ต้องการของทีมอีกต่อไป ก่อนจะเก็บข้าวของหอบไปอาศัยอยู่กับ คริสตัล พาเลซ ในปี 2017 แต่การจากลาของพี่แกนั้นในฐานะเด็กเก่าของที่นี่ก็สามารถทำกำไรให้ เลสเตอร์ ซิตี้ ได้ตั้ง 12 ล้านปอนด์แหนะ
เอมิล เฮสกีย์
เอมิล เฮสกีย์ หลายๆ คนอาจจดจำหน้าและสถานะของพี่แกในฐานะเด็กเก่าของ 'หงส์แดง' ลิเวอร์พูล แต่หารู้ไหมว่าในสมัยตัวยังกะเปี๊ยก เสียงยังไม่แตกหนุ่ม ขนยังไม่ขึ้น ไอ้หมอนี่เคยเป็นเด็กในเครืออคาเดมี่ เลสเตอร์ ซิตี้ มาก่อน และก็วาดลวดลายโชว์ฟอร์มได้น่าประทับใจมากๆ ยามถูกลากขึ้นมารับใช้ทีมชุดใหญ่ ก่อนที่ช่วงต้นปี 2000 ลิเวอร์พูล เป็นทีมที่รับช่วงต่อเสนอตัวขอดูแลอนาคตของ เอมิล เฮสกีย์ จนพี่แกมีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักมากขึ้น โดยผลงานที่พีคที่สุดคือฤดูกาล 2000-01 ที่เล่นระเบิดตาข่ายไปทั้งหมด 22 ประตูรวมทุกรายการ ขอบอกเลยว่า เลสเตอร์ ซิตี้ ควรดีใจนะที่เห็นเด็กที่ปั้นมาไปได้ดีกับทีมที่ใหญ่กว่า ณ เวลานั้น แถมตอนย้ายไปก็ทำกำไรให้ทีมเก่าเต็มๆ ที่ตัวเลข 11 ล้านปอนด์ เพราะพวกเขาไม่ต้องเสียเงินซื้อมาเลยแม้แต่บาทเดียว
แดนนี่ ดริงค์วอเตอร์
ถึงแม้ปัจจุบันชีวิตจะตกอับดับสูญสุดๆ สำหรับคุณชายดื่มน้ำ แดนนี่ ดริงค์วอเตอร์ แต่ถ้าย้อนเวลากลับไปสัก 3-4 ปีก่อนเขาเคยได้รับการสรรเสริญว่าเป็นหนึ่งในมิดฟิลด์ตัวรับที่ดีที่สุดของอังกฤษ พร้อมกับเป็นกลไกสำคัญที่พา เลสเตอร์ ซิตี้ สร้างตำนานเทพนิยายจิ้งจอก เอาไว้เมื่อปี 2016 ด้วยการเสกถ้วยแชมป์ พรีเมียร์ลีก สมัยแรกในประวัติศาสตร์ นับเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าสุดๆ เพราะ เลสเตอร์ ไปพรากพี่แกที่เป็นส่วนเกินของ แมนฯ ยูไนเต็ด มาตั้งแต่อายุยังน้อย แถมไม่ได้อยู่ในแผนการทำทีมด้วย ดูแล้วยังไงค่าตัวก็ถูกแสนถูกแน่ๆ ส่วนตอนขายไปก็ได้กำไรสุดๆ เพราะนั่นเป็นการย้อมแมวขายให้ เชลซี ในราคาที่สูงถึง 35 ล้านปอนด์เลยทีเดียว มันต้องใช้คำว่าย้อมแมวจริงๆ นะ เพราะก่อนจะย้ายไอ้หมอนี่ก็เจอโรคเดี้ยงถามหาเสียแล้ว พอย้ายไปลอนดอนก็ใช้เวลาโคตรนานกว่าจะฟื้นตัวกลับมา แถมยังปรับตัวไม่ได้อีก เล่นก็ไม่เข้าระบบ จึงไม่แปลกที่จะโดนกุนซือทุกคนหมางเมินและโดนเทในที่สุด
ริยาด มาห์เรซ
ปัจจุบัน ริยาด มาห์เรซ กลายเป็นแข้งดังระดับซูเปอร์สตาร์ไปแล้วหลังย้ายมา แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และก็มีถ้วยแชมป์ประดับไว้ในโปรไฟล์ด้วย แต่ถ้าย้อนกลับไปก่อนที่พี่แกย้ายมา เลสเตอร์ ซิตี้ ใหม่ๆ ค่าตัวตอนนั้นโคตรถูก แค่ 400,000 ปอนด์เท่านั้นโดยซื้อมาจาก เลอ อาฟร์ ทีมเล็กๆ จาก ลีก เดอซ์ ฝรั่งเศส แต่พอเวลาผ่านไปไอ้เงินต้นที่ 400,000 ปอนด์นั้นมันเริ่มผลิดอกออกผลอัพมูลค่าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากฟอร์มการเล่นที่ดีขึ้น ดีขึ้น ดีขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการสร้างสรรค์เกมให้เพื่อนๆ รวมถึงยิงประตูเอง และเทคนิคต่างๆ เขาคืออีกหนึ่งท่าไม้ตายที่ช่วยพา เลสเตอร์ ซิตี้ คว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ในปี 2016 และการย้ายมา แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในปี 2018 ก็ปิดดีลได้ด้วยเงินจำนวน 60 ล้านปอนด์ คิดดูนะซื้อมา 400,000 ปอนด์ แต่ขายได้ 60 ล้านปอนด์มันยิ่งกว่าโคตรกำไรเสียอีก
เอ็นโกโล่ ก็องเต้
เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ได้รับการบูชาชาบูว่าเป็นมิดฟิลด์ตัวรับที่ดีที่สุดในโลกลูกหนังยุคนี้ มีความรวดเร็ว คล่องตัว อ่านเกมขาด ตัดบอลได้อย่างแม่นยำ ขอบอกเลยว่าศัตรูทุกคนต้องปวดกบาลแน่ๆ เมื่อได้ประจันหน้ากับชายคนนี้ หลายๆ คนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า การมี เอ็นโกโล่ ก็องเต้ อยู่ในทีม เหมือนมีผู้เล่น 12 คน และมันก็ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า มันคือเรื่องจริง! เพราะไม่ว่าลูกบอลจะอยู่ที่ไหน ก็องเต้ จะไปปรากฏตัวอยู่ตรงนั้นเสมอราวกับว่าเป็นจอมเวทย์ที่สามารถใช้สกิลเทเลพอร์ตได้ และการที่ เลสเตอร์ ซิตี้ มีเขาอยู่ในทีมก็นับว่าเป็นส่วนสำคัญที่สุดที่พาทีมก้าวสู่ยุครุ่งเรือง ก่อนจะขายให้ เชลซี ในปีต่อมาในราคา 32 ปอนด์ ทำกำไรให้สโมสรได้ราวๆ 26 ล้านปอนด์เลยทีเดียว เพราะตอนซื้อมาจาก เลอ อาฟร์ ก็องเต้ มีค่าตัวแค่ 5.6 ล้านปอนด์เท่านั้น เรียกได้ว่าคุ้มซะยิ่งกว่าคุ้ม แต่ เลสเตอร์ คงเสียดายน่าดู น่าจะขายให้ เชลซี แพงกว่านี้ เพราะจนถึงตอนนี้ผลงานของไอ้หมอนี่ก็ยังคงเจ๋งเป้งคงเส้นคงวาไม่มีตก
แฮร์รี่ แม็คไกวร์
ปิดท้ายที่ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ แม็คไกวร์ นี่คือคนที่ทำกำไรให้ เลสเตอร์ ซิตี้ ได้มากที่สุดแล้วในประวัติศาสตร์สโมสรหลังขายให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในค่าตัวสถิติโลกของกองหลังที่ 80 ล้านปอนด์ ส่วนตอนซื้อมาจาก ฮัลล์ ซิตี้ ค่าตัวก็แค่ 12 ล้านปอนด์เท่านั้น บอกเลยว่านี่เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าสุดๆ และพี่แกก็ใช้เวลาแค่ไม่นานในการก้าวขึ้นมาเป็นแข้งระดับซุปตาร์ เพราะถ้าย้อนเวลากลับไปตอนปี 2017 แฮร์รี่ แม็คไกวร์ ยังเป็นแค่แข้งธรรมดา เฉิ่มๆ ไม่ได้เป็นจุดสนใจของทีมใหญ่แต่อย่างใด แต่เพียงแค่ 2 ฤดูกาลในสีเสื้อ 'จิ้งจอกสยาม' แม็คไกวร์ ก็โชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่น ตลอดจนการไปรับใช้ทีมชาติอังกฤษในทัวร์นาเมนต์ ฟุตบอลโลก 2018 ก็ยังรักษาฟอร์มได้คงเส้นคงวาไม่มีเปลี่ยนเลย
