จากกรณีวันที่ 8 ธ.ค. 62 เวลา 01.00 น. นายศุภชัย นวมทอง อายุ 42 ปี อาชีพช่างรับเหมาก่อสร้างบ้าน ก่อเหตุใช้อาวุธปืนขนาด 11 มม. ไล่ยิงกลุ่มวัยรุ่นที่มีเรื่องกับลูกชาย แต่ยิงพลาดโดนรถตู้โดยสาร ซึ่งกระสุนปืนพุ่งทะลุไปโดน น.ส.อริสา ปราบภัย อายุ 27 ปี ชาวบุรีรัมย์ จนได้รับบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ที่ อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา ส่วนผู้ก่อเหตุได้เข้ามอบตัวกับตำรวจ และถูกแจ้งข้อหาแล้วนั้น
ล่าสุด วันที่ 9 ธ.ค. 62 นายศุภชัย นวมทอง ถูกควบคุมตัวอยู่ที่ สภ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหา คือฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ใช้อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนซึ่งไม่ได้รับอนุญาต มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต
โดยมีการนำตัวผู้ต้องหา ไปบันทึก DNA ที่กองพิสูจน์หลักฐานจังหวัด นายศุภชัยมีสีหน้าที่เคร่งเครียดตลอดเวลา พร้อมเปิดใจว่าไม่ได้ตั้งใจ วันเกิดเหตุลูกชายไปเที่ยวงานประจำปีที่อำเภอแปลงยาว แล้วโทรมาบอกว่ามีเรื่องกับวัยรุ่นในงาน ถูกไล่ฟันมาถึงอำเภอพนมสารคาม ตนเองจึงรีบขับรถมอเตอร์ไซค์ไปหาลูกชาย เพื่อจะรับกลับบ้าน พร้อมกับนำอาวุธปืนติดตัวไปด้วยเพื่อป้องกันตัว
ตนยอมรับว่ายิงคนเดียวทั้งหมด 5 นัด โดยการยิงขึ้นฟ้า แต่นัดสุดท้ายรถจะเสียหลัก จึงเอามือลงมากดแฮนด์รถ ทำให้วิถีกระสุนไล่ระดับต่ำลงมา จนไปถูกรถตู้ที่วิ่งมา ตนเองขอโทษผู้เสียชีวิตด้วย“ผมไม่ได้ตั้งใจ ผมไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้”
นางพิน ญาติของผู้ต้องหา เดินทางมาที่ สภ.พนมสารคาม กล่าวว่า นายศุภชัยไม่ได้ตั้งใจจะก่อเหตุ ไม่ทราบว่ามีคนตาย หลังก่อเหตุก็ยังกลับไปนอนที่บ้าน ไม่ได้มีเจตนาจะหลบหนี จนกระทั่งวันต่อมาเวลาประมาณเที่ยง นายศุภชัยเห็นข่าว จึงทราบว่าตัวเองฆ่าคนตาย จึงติดต่อผู้ใหญ่ในพื้นที่เป็นธุระประสานกับตำรวจขอเข้ามอบตัว
วันเกิดเหตุ ลูกชายผู้ก่อเหตุ อายุ 16 ปี ไปเที่ยวงานประจำปี ใน อ.แปลงยาว ช่วงเวลาประมาณเที่ยงคืน ได้โทรหาพ่อบอกว่ามีเรื่องกับวัยรุ่นในงาน และถูกไล่ฟัน นายศุภชัยด้วยหัวอกคนเป็นพ่อ เป็นห่วงลูก จึงขับรถมอเตอร์ไซด์ออกจากบ้านไปกับหลาน พร้อมกับนำปืนติดตัวไปด้วย ซึ่งนายศุภชัยตั้งใจแค่ยิงขู่ เพราะหากตั้งใจยิงจริง ๆ เด็กวัยรุ่นกลุ่มนั้นคงไม่รอด และตัวนายศุภชัยก็ตั้งใจมาเอาลูกกลับบ้าน ไม่ได้ตั้งใจมาเอาเรื่อง
บรรยากาศที่ ต.หนองไทร อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ สถานที่ตั้งศพของ น.ส.อริสา เป็นไปอย่างโศกเศร้า นางรำพึง ปราบภัย อายุ 58 ปี แม่ของผู้ตาย เปิดเผยว่า ยังทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ได้กอดหลานชายวัย 8 ขวบ และ 2 ขวบ ซึ่งเป็นลูกของผู้เสียชีวิตร้องไห้ปานจะขาดใจ ตนเองมีลูกสาวเพียงคนเดียว และหวังจะเป็นที่พึ่งของครอบครัว ไม่คาดคิดว่าเหตุการณ์แบบนี้จะมาเกิดขึ้นกับครอบครัว ทั้งที่ไม่ได้เกี่ยวข้องหรือรู้เรื่องด้วย ทั้งเสียใจและสงสารลูกสาวมาก ลูกสาวเป็นคนขยันทำมาหากิน และพึ่งจะกลับมาช่วยที่บ้านเกี่ยวข้าว กำลังจะเดินทางกลับไปทำงานที่กรุงเทพฯ ตนอยากให้ผู้ก่อเหตุได้รับกรรม และให้มารับผิดชอบเยียวยาครอบครัวด้วย
นายสะอาด ปราบภัย พี่ชายของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า อยากให้ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ให้มาพูดคุยกับทางครอบครัวตนเองว่าจะทำอย่างไรกับเรื่องที่เกิดขึ้น น้องสาวก็เป็นเสาหลักของครอบครัว และอยากวอนขอความเป็นธรรม เพราะครอบครัวตนเองยากไร้ น้องสาวก็มีลูก 2 คน หลานก็ต้องมาเสียแม่ไป ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือด้วย และอยากให้ผู้รู้เรื่องกฎหมาย หรือทนายความ ยื่นมือมาช่วยเรื่องคดีความด้วย เพราะครอบครัวลำบากมาก
