มิน แซ่บ สองนรี บทฮิสทีเรียได้ผู้ชายเป็นร้อย-ยันรักช่อง 7 ไม่คิดย้ายตาม ปุ๊กลุก
วันที่ 17 ม.ค. ที่ช่อง 7 มิน-พีชญา วัฒนามนตรี นางเอกสาว มาร่วมงานบวงสรวงละคร สองนรี ของค่ายพอดีคำ จากนั้นให้สัมภาษณ์ถึงการพลิกคาแร็กเตอร์สุดท้าทายในบทฮีสทีเรีย และอัพเดตสัญญากับต้นสังกัด หลังเพื่อนซี้ ปุ๊กลุก-ฝนทิพย์ วัชรตระกูลโบกมือลาย้ายไปช่องพีพีทีวี เรียบร้อยแล้ว
โดยมิน เผยว่า “สำหรับบทบาทในเรื่อง สองนรี ก็เหมือนกับเราสั่งสมทักษะในการแสดงของเรามาพอสมควรแล้ว ถึงเวลาที่ผู้ใหญ่เห็นสมควร ทั้งวัยวุฒิ การแสดง เขาก็เลยคิดว่าถึงเวลาแล้ว เราก็ไม่ได้เล่นบทฝาแฝดมานานแล้ว คิดถึงบทบาทฝาแฝดเหมือนกัน นานแล้วนะตั้งแต่เรื่องแรก(ปลาบู่ทอง) เรื่องนี้ได้กลับมาเล่นอีก”
บทหวือหวามากไหม ?
“แต่ว่าอันนี้ไม่เหมือนแฝดอันโน้นนะคะ อันนั้นเบาๆ เหมือนเด็กๆ แต่อันนี้มินว่าเป็นการพลิกคาแรคเตอร์จริงๆ ตัวมินเองตอนแรกยังก็รู้สึกเขินๆ ทั้งการแต่งตัว การแสดง คำพูด ที่ไม่มีความเป็นตัวเราเลย ตัวเราจะเป็นคล้ายตัวน้อง ตัวสอง แต่ว่าตัวหนึ่งจะมีเรื่องราวอะไรของเขาเยอะมาก สนุกมาก อ่านบทแล้วตื่นเต้น คือเราไม่ได้ตื่นเต้นแบบนี้มานานแล้ว ในการที่เรารู้สึกว่าเป็นสิ่งใหม่ ที่ท้าทาย เราก็ไม่ได้ชินในการเล่นแบบนี้ สามีเยอะมากในเรื่อง(หัวเราะ) เชื่อว่าหลายคนอาจจะอิจฉามิน”
ในเรื่องมีสามีกี่คน ?
“น่าจะเป็นร้อย เปิดมาไม่กี่วันก็ได้ช่างแอร์ เป็นโรคฮิสทีเรีย เป็นอาการทางจิต แล้วจริงๆ จะมีเฉลยตอนท้ายว่า เหตุผลทำไมเขาถึงเป็นแบบนี้ ถามว่าต้องถึงเนื้อถึงตัวมันยากขนาดไหน บางทีก็มีเสมือนจริง บางทีภาพช่วย ก็กลับบ้านไปไมเกรนมินขึ้นเลย(หัวเราะ) คือมันใช้สมาธิเยอะมากในการเล่นพวกซีนแบบนี้ ซีนเลิฟซีน แบบนัวเนีย มีฉากแรงๆ”
เรื่องนี้ยากกว่าดราม่าปกติที่เราเล่นไหม ?
“ยากมาก คือเราไม่เคยไง ร้องไห้ง่ายกว่า(หัวเราะ) แต่เรารู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่ท้าทาย เรื่องนี้ก็ร้องไห้ แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องแสดงอารมณ์เยอะมาก เขาเป็นคนที่อารมณ์เยอะมาก 1 นาที 10 อารมณ์ มินว่าเขาป่วย หมายถึงว่าจริงๆ แล้วมันก็เป็นอะไรที่อิงกับปัจจุบันนะ มันมีความเครียดและหลากหลายมากขึ้น ก็มีอะไรแปลกๆ ในคนที่มีมุมมองที่ไม่กล้าเปิดเผย รวมถึงในเรื่องของสังคมด้วย เวลามีเหตุการณ์ข่มขืนแล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับเด็ก มันก็ให้ข้อคิด”
มินศึกษาเคสพวกนี้อย่างไร ?
“จริงๆ ตอนแรกก็เหมือนมีไปหาหมอแล้วก็ไปเรียนการแสดง ปรึกษาหมอว่าเคสแบบนี้จะเป็นอย่างไร อาการพวกนี้เป็นอย่างไร เราต้องเข้าใจอาการพวกนี้ มินอยากไปดูเขาที่โรงพยาบาลได้มั้ย ผู้ใหญ่บอกว่าไม่อยากให้ดู แต่ว่าอยากให้เราเข้าใจอาการมากกว่าเป็นอย่างไร และการสร้างคาแร็กเตอร์มาตั้งแต่วัยเด็กเป็นอย่างไร เขาถูกเลี้ยงดูมาอย่างไร มันจะทำให้เราเล่นอะไรออกมาก็ได้ โดยที่ไม่ได้ไปกำหนด ว่ามันต้องเป็นอย่างไรในซีนนี้ ก็จริง พอเราไปเรียนกับครูเงาะเสร็จ วันแรกที่เราเข้าฉาก หนึ่งซีน เราเล่นสามแบบ หมายถึงว่าไดอะล็อกเดิม มีเมา มันก็ตลก มีทั้งแรง มีทั้งตลก มันสนุกมาก ท้าทายทุกวันที่เข้ากองละครเลย ”
เลิฟซีนเยอะแค่ไหน ?
“เยอะ ยั่วยวนตลอดเวลา ต้องการตลอดเวลา(หัวเราะ) ใครก็ได้ ช่างแอร์ก็ได้ หยิบได้หมด ถามว่าลิมิตถึงเนื้อถึงตัวเราได้แค่ไหน จริงๆ ก็จะมีผู้ใหญ่คอยดูให้ เพราะว่าจริงๆ ช่อง7จะคุมเรื่องของภาพลักษณ์อยู่แล้ว ในเรื่องจริยธรรมเพราะว่าเด็กก็ดู จะมีเซนเซอร์อยู่แล้วในตอนออกอากาศ ก็จะคอยดูว่าเราสามารถเผยแพร่ได้ขนาดไหน เพราะว่าจริงๆ เรื่องนี้อยากจะสอนคนว่าลึกๆ คือมันเป็นเรื่องที่คนไม่กล้าพูดเนอะ เรื่องเพศ แต่ว่าจริงๆ แล้วมินเชื่อว่ามันเป็นเรื่องที่อยู่ในตัวเราทุกคน”
กลัวแฟนคลับรับไม่ได้ไหม เพราะว่าเราก็มาจากบทใสๆ ?
“ไม่ได้รู้สึกว่าแฟนคลับจะรับไม่ได้นะคะ แต่รู้ว่าแฟนคลับจะสนุกมากกว่า เพราะก่อนหน้านี้เราก็เล่นนางทิพย์ มันก็มีกลิ่นแล้ว เหมือนเป็นการปูทาง ว่ามีความร้าย แต่ว่าเรื่องนี้คือสุดๆ ไปเลย คืออย่างช่วงไปสวัสดีปีใหม่ลูกค้า เราก็บอกว่า แรงนิดนึงนะคะ ไม่ต้องตกใจนะคะ”
กลัวไหมว่าบทไปสุดแล้วจะกลับไปใสไม่ได้ คือมันต้องสุดๆ ไปเรื่อยๆ ?
“ผู้ใหญ่เขาบอกว่าหน้าเรามันก็ไม่ได้ไปทางไหนอยู่แล้ว เราแล้วแต่คาแรกเตอร์ เราเป็นนักแสดงเล่นอะไรก็ได้ เพราะว่าจริงๆ มันไม่ได้น่ากลัว เพราะว่ามีตัวแฝดอีกตัวนึงมาคอยเบรก ถามว่าได้ค่าตัว 2 เท่ามั้ย ก็ประมาณนั้น”
คนเม้าธ์ว่าเล่นเรื่องนี้ทิ้งทวนช่อง ?
“อุ๊ย ไม่จริงค่ะ สัญญากับช่องก็ยังเหมือนเดิม มินยังยืนยันคำเดิม อยู่ช่อง 7 มาเป็นสิบปีแล้ว เหมือนเป็นครอบครัว ณ ปัจจุบันไม่มีความคิดจะออกไปไหน ถามว่ายังมีสัญญาอยู่มั้ย จริงๆ สัญญาก็เป็นกระดาษ เราอยู่เพราะเรารักช่อง 7 เราเลือกที่นี่แล้ว รายละเอียดสัญญามันก็มีอยู่ ซึ่งไม่ควรเปิดเผยเท่าไหร่ สำหรับเราขอแค่ทำงานที่เรารัก มีผู้ใหญ่เอ็นดูเมตตามีงานดีๆ ให้ทำแบบนี้ตลอด ได้ท้าทายความสามารถตัวเองไปเรื่อยๆ ก็แฮปปี้แล้ว”
แสดงว่าต่อให้หมดสัญญาก็จะยังอยู่ที่นี่ ?
“เราอยู่มานานจริงๆ อยู่มาตั้งแต่ยุคไหนก็ไม่รู้ เราก็ไม่มีความคิดที่จะไปที่ไหน ปัจจุบันมีความสุขดี”
ล่าสุดเพื่อนซี้ ปุ๊กลุก-ฝนทิพย์ ย้ายช่องไปแล้ว ได้ชวนเราไปด้วยไหม ?
“ต้องออกตัวก่อนว่ามันไม่ใช่เรื่องของมินโดยตรง มินกับปุ๊กเป็นเพื่อนสนิทกันก็จริง ไม่ใช่แค่เรื่องนี้หรอก ทุกเรื่องสำหรับชีวิตเขา อะไรที่เขาทำ เขาตัดสินใจแล้ว เขาเลือกแล้วมีความสุขมินก็จบ เพราะเราก็รักเพื่อน เพื่อนมีความสุขเราก็โอเค เราให้เกียรติและเคารพการตัดสินใจของเพื่อน”
ปุ๊กลุกได้มาปรึกษาเราไหม ?
“ไม่ๆ จริงๆ เราก็ได้ยินแหละ แต่เราไม่เคยถาม เวลาเจอกันก็กินข้าวกันปกติ ก็จะมีคนมาพูดอะไรอย่างนี้แหละ แต่เราไม่ถามเพราะว่าเราอยู่กันมานาน มินเองเวลาผ่านเรื่องอะไรมาปุ๊กก็จะรู้ว่าจริงๆ ลึกๆ มินก็แคร์ความรู้สึกปุ๊ก ขอแค่เขามีความสุข เจอหน้ากันเราก็รู้ว่าไม่ต้องพูดแล้ว พูดเรื่องอื่นดีกว่า เพราะเขาจัดการตัวเขาได้ เขาเก่งอยู่แล้ว”
อยู่ต่างช่องก็เป็นเพื่อนกันได้ ยังสนิทเหมือนเดิม ?
“ได้สิ เหมือนเดิม แต่ช่วงนี้อาจจะเปิดกล้องเยอะ แล้วตัวเขาเองก็ยุ่งกับการทำงานของเขา ก็ถ่ายรูปด้วยกันปกติเหมือนเดิม ปกติมินก็ถ่ายกับต่างช่องเยอะนะ มินเป็นคนที่ยึดในเรื่องความสัมพันธ์ ความรัก ครอบครัว เพื่อนมากๆ เลย วันนี้เราอายุเท่านี้ เรามีงานมีหมวกที่เราต้องสวมไม่ว่าจะเป็นอาชีพหน้าตาในสังคม แต่สิ่งพวกนี้มันไม่ได้ยั่งยืนเท่ากับความรักความรู้สึก ไม่ว่าเราจะไปที่ไหนอยู่ที่ไหนเราก็สามารถคิดถึงกันได้ มีความจริงใจต่อกันได้ มินว่ามันมั่นคงและถาวร สำหรับมินความสัมพันธ์มาก่อน เรื่องงานก็เป็นบทบาท วันหนึ่งอาจจะเคยอยู่คนละที่ วันหนึ่งได้มาอยู่ที่เดียวกัน เราอยู่กันอีกนานก็อยากใช้ชีวิตให้มีความสุขก็พอแล้ว นอกนั้นก็เป็นแค่เรื่องที่ผ่านเข้ามา ก็เป็นกำลังใจให้ทุกเรื่อง”
อินสตาแกรม@minpechaya