เมื่อพูดถึงบิวตี้บล็อกเกอร์ที่แซ่บที่สุดยุคนี้ เชื่อว่าชื่อของ นุ้ย Sononui จะต้องติดอันดับต้นๆ อย่างแน่นอน ด้วยดีกรีความแซ่บที่เป็นเอกลักษณ์ กับภาพของเธอทั้งในบล็อกและ Instagram ที่มีความอาร์ตโดดเด่นกว่าใคร เราจึงต้องส่งเทียบเชิญเธอและสามี (เจ้าของผลงานการถ่ายภาพสุดเริ่ด) มาพูดคุยกันในวันนี้
• จุดเริ่มต้นของความเป็น “Sononui”
"ย้อนเล่าเรื่องราวแรกเริ่มของนุ้ยเองคือตั้งแต่เรียนจบก็ไปสมัครเป็นแอร์ และได้พบกับเขา ( ผายมือไปที่คุณสามี #Zacharyเดอะหลัว ที่มาด้วยกัน) เขาชวนเรามาทำธุรกิจเสื้อผ้า ซึ่งเราก็ได้พบว่า โอ้โห! มันไม่ใช่แนวของเราเลยแหละ เราไม่ถนัดกับการต้องมานั่งดูไลน์การผลิต ดูโรงงาน ก็เลยเบนเข็มมาช่วยธุรกิจของทางบ้านของสามี นั่นก็คือธุรกิจการทำธงชาติ เช่นธงที่ใช้กันในวันชาติสิงคโปร์ ซึ่งจะมี army parade นำธงชาติขึ้นสู่ฟ้า ก็จะมีการพัฒนาทุกปีทั้งในเรื่องของขนาด ธงขึ้นฟ้าจะต้องดูสง่า ไม่โบกสะบัดจนเกินไป ซึ่งก็เป็นธุรกิจที่เป็นผู้ช้ายย ผู้ชาย เราก็เลยหันมาเปิดบล็อกเพื่อเป็นที่ให้เราได้ผ่อนคลายจากความเครียด ได้อยู่กับอะไรสวยๆ งามๆ ตามสไตล์ผู้หญิงบ้างสักนิดนึง"
"ด้วยความที่เป็นคนชอบเขียน และชอบถ่ายรูป ตอนนั้นยังไม่มีการทำรีวิวแบบเป็นคลิปเหมือนในปัจจุบัน ซึ่งก่อนหน้านี้คืออยู่ในสายแฟชั่นมาก่อน ชอบเขียนลงในเว็บไซต์ต่างๆ เช่น lookbook.nu หลังจากนั้นก็ไปอยู่ในเว็บจีบัน เขียนแชร์เคล็ดลับความสวยความงามต่างๆ พอทำมาได้สักระยะหนึ่งก็พบว่าคอนเทนต์ของเราเองเริ่มมีจำนวนเยอะ และมีเรื่องบางอย่างที่อยากลองแบ่งปัน หรือมีของบางอย่างที่เราอยากจะรีวิวแบบเจาะลึก แต่ไม่สามารถทำได้ ด้วยเป็นกฎของทางเว็บ จึงลองออกมาเปิดช่องทางของตัวเองก็คือ sononui.com เพื่อที่จะได้เขียนรีวิวของเราเองได้เต็มที่ ในบล็อกของนุ้ยเองหลักๆ ก็จะมีเรื่องราวของความสวยความงาม แฟชั่น และยังมีเรื่องราวของความสัมพันธ์ (Relationship) ที่คนตามอ่านแล้วชอบกัน นอกจากนี้ใน Instagram ก็จะมีเรื่องราวของการท่องเที่ยวอยู่ด้วย ตอนนี้ก็ทำบล็อกของตัวเองมาประมาณ 4 ปีแล้วค่ะ"
A post shared by Keira Phitchakorn Balla (@sononui) on May 14, 2018 at 1:34am PDT
• คอนเทนต์ที่ทำให้ปัง
"แรกๆ คอนเทนต์ที่นุ้ยทำจะเป็นแนว DIY ก็มีแฟนๆ ตามอยู่ประมาณหนึ่ง แต่คิดว่าคอนเทนต์ที่ทำให้คนเริ่มรู้จักเราน่าจะเป็นการแต่งหน้าเลียนแบบฟานปิงปิง เพราะตอนนั้นยังไม่ค่อยมีใครเล่นแต่งหน้าเลียนแบบ cover เป็นดารา เราก็เลยลองทำ แล้วพอจัดแสงถ่ายรูปออกมามันก็เหมือนต้นฉบับพอสมควร คิดว่าหลายคนเห็นก็เลยเริ่มติดตาม"
• เคล็ด (ไม่) ลับ ฉบับ Sononui
"เรื่องรูปร่างจะเน้นออกกำลังกายค่ะ เพราะนุ้ยกินเก่งมาก สามารถกินได้เกือบทุก 2ชั่วโมง และเป็นคนติดแป้งมาก และช่วงนี้สามีกำลังอินกับการทำอาหาร เรายิ่งแฮปปี้ กินได้ตลอด ก็ต้องวิ่งคาร์ดิโอ สควอท และยกเวท วันเว้นวันสลับกันไป วันละอย่างน้อย 30นาที ให้เหงื่อออก ส่วนผิวกายจะใช้เบบี้ออยล์หลังอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ เพื่อให้ผิวนุ่มชุ่มชื่น"
"ในส่วนของผิวหน้า นุ้ยดูแลหนักมาก เพราะเป็นสิวง่าย ดังนั้นถ้าหน้ายังไม่สะอาด นุ้ยจะไม่ยอมนอนเด็ดขาด หากวันไหนน็อก ไม่ไหวจริงๆ มีแรงตื่นเมื่อไหร่จะต้องรีบล้างหน้าทันที นอกจากนี้ก็ดื่มน้ำเยอะๆ กลัวผิวแห้ง พอผิวแห้งจะลอก และเป็นสิวง่าย"
"เจาะลึกไปที่ขั้นตอนการล้างหน้า จะใช้ผลิตภัณฑ์ล้างเครื่องสำอางตามจุดต่างๆ บางคนใช้อย่างเดียวล้างทั้งหน้า ซึ่งเรามองว่าเมคอัพแต่ละจุดมีความติดทนที่ไม่เท่ากัน อย่างเครื่องสำอางที่อยู่บริเวณรอบดวงตาจะกันน้ำมาก ถ้าเราใช้คลีนซิ่งธรรมดาทั้งหน้า เราก็ต้องถูรอบดวงตาเป็นพิเศษ ทำให้เกิดรอยย่นได้ แต่หากเราเอาอายรีมูฟเวอร์มาเช็ดทั้งหน้า สิวก็จะขึ้นอีกเพราะมีส่วนผสมของน้ำมันเยอะ ดังนั้นเรื่องนี้ต้องพิถีพิถันเป็นพิเศษ จากนั้นตามด้วยโฟมล้างหน้า และโทนเนอร์เช็ดให้รู้สึกสะอาด จากนั้นรีบตามด้วยน้ำตบทันทีเพื่อกักเก็บความชุ่มชื้น อย่ารอให้พ้นช่วง 3นาทีเพราะผิวจะไม่กักเก็บความชุ่มชื้นอะไรแล้ว ทาไปครีมไปก็ไม่ได้ผลลัพธ์ที่ดีเท่าที่ควร"
"นอกจากนี้ยังไปตรวจสภาพผิวทุก 3 เดือน เนื่องจากทราบมาว่าผิวเรามีการเปลี่ยนเปลงโดยเฉลี่ยคือทุก 3เดือน และนุ้ยเองเป็นคนที่เดินทางบ่อย กลัวผิวจะแห้ง เวลานอนจะไม่หนุนหมอนเพราะกลัวนอนตะแคงแล้วผิวจะเป็นรอยย่น และต้องหาอะไรมาปิดตาให้หลับสนิท เพราะหากมีแสงแยงเข้ามาเราจะขมวดคิ้ว เดี๋ยวริ้วรอยจะถามหา"
• เบื้องหลังชีวิตบล็อกเกอร์
"ส่วนใหญ่ทุกคนจะมองว่าการเป็นบิวตี้บล็อกเกอร์เป็นชีวิตที่สวยงาม ได้เครื่องสำอางมาใช้ฟรีๆ แต่ความจริงแล้วมันก็มีแง่มุมอื่นที่หลายคนยังไม่ทราบ เช่นเวลาที่เราลองใช้ผลิตภัณฑ์ตัวไหนแล้วเราไม่ชอบ แต่หากจะรีวิวแนะนำ เราก็ทำไม่ได้ บางทีก็ต้องบอกกับทางแบรนด์ไปตามตรงว่าเราใช้แล้วไม่เห็นผล ขออนุญาตไม่โพสต์ให้ บางทีก็โดนต่อว่า ก็เป็นเรื่องที่ลำบากใจ เราเองก็ไม่อยากโพสต์แนะนำไปทั้งๆ ที่เราไม่อินกับของชิ้นนั้น แล้วคนอื่นก็อาจมาว่าเราทีหลังได้ คิดเล่นๆ ก็คงเหมือนเจ้าเมืองใหญ่ที่จะมีบรรดาหัวเมืองส่งลูกสาวมาให้แต่งงานด้วย แต่ถ้าเราไม่ชอบ เราจะไม่ใส่ใจเลยก็ไม่ได้ เดี๋ยวหัวเมืองรุมเกลียดเราจะแย่ไปอีก เราก็ต้องหาทางประนีประนอมให้ได้"
"การจะเป็นบล็อกเกอร์ไม่ใช่เรื่องยาก ทุกวันนี้เราทุกคนมีสื่ออยู่ในมือสามารถเขียนหรือแชร์เรื่องราวต่างๆได้ด้วยตัวเอง แต่การจะรักษาคุณภาพ หรือพัฒนาบล็อกของเราไม่ใช่เรื่องง่าย คือตอนเปิดบล็อกใหม่ๆ เรามีตัวอย่างที่คนอื่นๆ ทำไว้ เราก็สามารถเลือกทำตามได้ หรือทำให้ดีกว่าก็ย่อมได้ แต่เมื่อเรามาถึงจุดที่เร่ทำมาหมดทุกอย่างแล้ว เราไม่มีต้นแบบให้ทำตาม เราต้องคิดให้เยอะกว่าเดิม มันจะเริ่มเหนื่อยตรงนี้ แต่มันสนุก โชคดีที่นุ้ยเป็นคนชอบคิดทำอะไรใหม่ๆ อยู่ตลอด ก็เลยยังสนุกกับตรงนี้อยู่"
• ก้าวต่อไปของ Sononui
"อยากทำคอนเทนต์ที่เป็นคลิปวิดิโอของตัวเอง สาเหตุที่ยังไม่เริ่มสักทีเพราะรู้สึกว่า ที่คิดไว้มันยังไม่เป๊ะ แต่อีกไม่นานนี้จะเริ่มแล้วค่ะ ทุกอย่างพร้อมแล้ว รอติดตามนะคะ"
• เล่าถึงการทำงานร่วมกับสามีที่ “แตกต่างแต่ลงตัว”
ตัวเราเองจะเป็นคนชอบคิดอยากทำนั่นทำนี่ ไปทาง creative แต่ทางสามีเองจะไปทาง technical skill คิดวิเคราะห์เยอะมากๆ ยกตัวอย่างเช่นเวลาถ่ายรูปกัน เราจะเถียงกันตลอด แต่เราจะเถียงกันเฉพาะเวลาทำงานเท่านั้น พอจบงานก็กลับสู่โหมดปกติค่ะ ❤
A post shared by Keira Phitchakorn Balla (@sononui) on May 3, 2018 at 3:54am PDT
Sononui’s Favorites
1. โลชั่นน้ำตบลูกเดือย Hatomugi ทาตัว
2. Facial Treatment Essence ของ SK-II
3. กันแดดของ Shiseido Perfect UV Protection สีฟ้า รุ่นใหม่มีเทคโนโลยีใหม่ที่ให้ความสดชื่นแม้มีเหงื่อออก
4. เบบี้ออยล์ของ Johnson & Johnson
5. เซรั่มของ Skin Inc
6. RNA ของ ESTEE LAUDER กู้ผิวที่พังมาทั้งวันให้ดีขึ้นจริงๆ
7. อายครีมของ Pond’s สีแดง อันนี้รักมาก ดีมากกก
8. ลิปสครับ ยี่ห้อไหนก็ได้ สครับปากทุก 3เดือน เสร็จแล้วใช้แปรงสีฟันขัดต่ออีกที แล้วตามด้วยลิปบาล์ม ของ LA MER
9. ลิปบาล์มของ Glam Glow - เนื้อแมท อันนี้สามีชอบมากเพราะไม่มันวาว
10. ลิปกลอส ยูวี spf42 ของ Shiseido
A post shared by Keira Phitchakorn Balla (@sononui) on May 7, 2018 at 3:20am PDT
"รู้หรือไม่"
ที่สาวนุ้ยเธอมีความอาร์ตขนาดนี้เพราะได้รับการหล่อหลอมมาเมื่อครั้งตั้งแต่วัยเด็ก ที่เธอได้เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนอยู่ที่ประเทศอิตาลี เมืองแห่งศิลปะและแฟชั่นเชียวนะ และชื่อของ "Sononui" นั้นก็มาจากภาษาอิตาลี ที่แปลว่า "I am Nui" นั่นเอง
บทความ โดย Double T.
วีดีโอ โดย @mintnisara และ th.hanabi
