วันนี้(11ธ.ค.61)นายกมลบูรณพงศ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เปิดเผยว่าจะมีการประชุมคณะกรรมการกลาง เพื่อพิจารณาการปรับขึ้นอัตราค่าโดยสารรถขนส่งสาธารณะในภาพรวม ได้แก่ รถโดยสารประจำทางที่ใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (รถเมล์เอ็นจีวี) 489 คันขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) รถร่วมบริการ ขสมก. ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล 4,000 คัน รถตู้โดยสารสาธารณะหมวด 1 เส้นทางกรุงเทพฯ-ปริมณฑล รวมไปถึงรถโดยสารร่วมบริการของบริษัทขนส่งจำกัด (บขส.) ในต่างจังหวัด ซึ่งคณะกรรมการฯจะพิจารณาอัตราค่าโดยสารตามที่ผู้ประกอบการเรียกร้องมาอย่างรอบด้าน หากคณะกรรมการฯ เห็นชอบให้ปรับขึ้นค่าโดยสารแล้วต้องมีการรับรองผลการประชุมจากนั้นจะจัดทำตารางรายละเอียดของค่าโดยสารอัตราใหม่ คาดว่าจะประกาศใช้ได้ในต้นปี62
นายกมล ยังกล่าวถึง กรณีการประชุมคณะทำงานศึกษาอัตราค่าจ้างบรรทุกคนโดยสารและค่าเซอร์ชาร์จสำหรับรถยนต์รับจ้าง หรือแท็กซี่มิเตอร์ในเขตกรุงเทพฯ ซึ่งมี ขบ. สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) และตัวแทนสมาคมแท็กซี่เข้าร่วมเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาด้วยว่า ยังไม่มีข้อสรุปเรื่องปรับค่าโดยสาร เป็นเพียงการรวบรวมข้อคิดเห็นจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงพิจารณาแนวทางการปรับขึ้นค่าโดยสารแท็กซี่แต่จะเน้นเรื่องคุณภาพการให้บริการเป็นตัวตัดสิน จะเร่งให้ได้ข้อสรุปภายใน 60 วัน รวมทั้งมอบหมายมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานครไปศึกษาแนวทางปรับจูนมิเตอร์หากปรับราคาด้วย
ทั้งนี้การพิจารณาปรับขึ้นค่าโดยสารรถเมล์เอ็นจีวีจาก 11-23 บาทต่อเที่ยว เป็น 13-25 บาทต่อเที่ยว รถร่วมบริการ ขสมก. รถร้อน จาก 9 บาทเป็น 12 บาท รถปรับอากาศเพิ่มระยะละ 2 บาท รถเมล์ใหม่เริ่มต้นที่ 20 บาทใน 4 กม.แรก และระยะต่อไปให้จัดเก็บ 25 บาท, รถตู้โดยสารสาธารณะหมวด1เส้นทางกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ปรับขึ้น 5 บาทส่วนรถร่วมบขส.ขอปรับขึ้นค่าโดยสาร 10 สต./กม.
ด้านนายวิฑูรย์ แนวพานิช ประธานเครือข่ายสหกรณ์แท็กซี่ในเขตกรุงเทพฯกล่าวว่า คาดว่าน่าจะอนุมัติให้ปรับขึ้นค่าโดยสารมากกว่า 5% ตามที่เคยตกลงไว้เนื่องจากราคาไม่สะท้อนต้นทุนที่แท้จริงและคำนวณไว้ตั้งแต่ปี 57 ปัจจุบันค่าเชื้อเพลิงปรับขึ้นต่อเนื่องทั้งในส่วนของน้ำมันและก๊าซส่วนรูปแบบการปรับราคามีหลายทางเลือกทั้งขึ้นราคาเริ่มต้นจาก 35 บาท, ปรับเฉพาะเวลาที่รถติด, ปรับแบบขั้นบันไดเหมือนในอดีต,ปรับพื้นที่ชั้นในและชั้นนอก เป็นต้น
