ภัยแล้งคุกคามโคราชหนัก นาข้าวเสียหายนับหมื่นไร่ ขณะที่ประชาชนหลายพื้นที่เริ่มขาดแคลนน้ำใช้หลังไร้วี่แววฝนตก ขณะที่ปริมาณภาพรวม5 เขื่อนใหญ่ เหลือน้ำใช้เพียง 29 เปอร์เซ็นต์ ชป.8 งดส่งน้ำทำเกษตร ต้องเร่งทำฝนหลวงช่วยบรรเทาความเดือดร้อน
วันนี้ (23กรกฎาคม 2562)ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ฝนทิ้งช่วงนานหลายเดือนส่งผลทำให้ข้าวนาปีที่กำลังเจริญเติบโต ของเกษตรกรในพื้นที่อำเภอเมืองยาง จังหวัดนครราชสีมา กว่า1หมื่นไร่ กลับยืนต้นตายทั้งหมดแล้ว หลังประสบภาวะฝนทิ้งช่วงติดต่อกันนาน3เดือน ส่วนปริมาณน้ำตามแหล่งน้ำขนาดใหญ่ก็แห้งขอดเกือบหมด โดยเฉพาะปริมาณน้ำในลำน้ำมาศและลำน้ำมูลในพื้นที่ อำเภอชุมพวงที่ไหลผ่านอำเภอเมืองยาง ปริมาณน้ำแห้งขอดหนักส่งผลให้เกษตรกรไม่สามารถสูบน้ำขึ้นมาใช้ในการเกษตรกรได้ อีกทั้งพื้นที่ปลูกข้าวนาปีส่วนใหญ่ เป็นพื้นที่ราบ ก็ไม่มีแหล่งน้ำไหลผ่านรอคอยเพียงน้ำฝนที่จะตกลงมาตามฤดูกาลเท่านั้น
นายจรัส เลาะไธสง อายุ54ปี ชาวนาบ้านเมืองยาง หมู่ที่1ตำบลเมืองยาง อำเภอเมืองยาง บอกว่า ปีนี้เป็นปีที่ภัยแล้งยาวนานที่สุดในรอบ50ปี และคาดว่าจะเข้าขั้นวิกฤติมากยิ่งขึ้น เนื่องจากไร้วี่แววที่ฝนจะตกลงมาในพื้นที่ ทำให้เกษตรกรผู้ทำนาปลูกข้าวหลายอำเภอได้รับความเดือดร้อน นาข้าวนับแสนไร่เตรียมยืนต้นตายทั้งหมดหากฝนไม่ตกลงมาภายในสัปดาห์นี้
ขณะที่สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ของ จ.นครราชสีมา พบว่า อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั้ง 5 แห่ง ประสบกับปัญหาฝนทิ้งช่วง ทำให้น้ำไม่มีน้ำฝนลงมาเพิ่มเติมและปริมาณน้ำลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยมีปริมาณน้ำเหลือเพียงแค่ 326 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็น 32.39 เปอร์เซ็นต์ของความจุกักเก็บ เป็นน้ำใช้การได้ 285 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็น 29.53 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น โดยอ่างเก็บน้ำที่ยังคงเหลือปริมาณน้ำมากกว่าที่อื่น คืออ่างเก็บน้ำลำตะคอง อ.สีคิ้ว มีปริมาณน้ำใช้การได้ 130.44 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 44.71 เปอร์เซ็นต์ ส่วนอ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง อ.ปักธงชัย วิกฤติหนัก เหลือปริมาณน้ำใช้การได้ 22.66 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 14.69 เปอร์เซ็นต์ , อ่างเก็บน้ำมูลบน อ.ครบุรี เหลือปริมาณน้ำใช้การได้ 32.53 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 24.28 เปอร์เซ็นต์ , อ่างเก็บน้ำลำแชะ อ.ครบุรี มีปริมาณน้ำใช้การได้ 75.89 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 28.32 เปอร์เซ็นต์ และอ่างเก็บน้ำลำนางรอง อ.เสิงสาง มีปริมาณน้ำใช้การได้ 23.75 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 20.13 เปอร์เซ็นต์
ซึ่งสำนักงานชลประทานที่ 8 นครราชสีมา งดปล่อยน้ำให้เกษตรกรสำหรับเพาะปลูกไว้ชั่วคราวก่อน เพื่อเก็บน้ำไว้สำหรับอุปโภคบริโภค และได้ประสานกับหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงนครราชสีมา ให้ช่วยบินทำฝนหลวงในพื้นที่ทุกวัน โดยเน้นไปที่พื้นที่ทำการเกษตรเป็นหลักก่อน เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับเกษตรกรที่อยู่ในช่วงเพาะปลูก
