โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

บันเทิง

ฟิล์ม รับปรึกษา บอย หวั่นกระแสไม่เปรี้ยงเท่าเมีย 2018

INN News

อัพเดต 19 ต.ค. 2561 เวลา 15.04 น. • เผยแพร่ 19 ต.ค. 2561 เวลา 13.40 น.
ฟิล์ม2

ขึ้นแท่นเป็นพระเอกสุดฮอตครองตำแหน่งสามีแห่งขาติที่มีงานรุมแน่นมาก สำหรับฟิล์ม – ธนภัทร โดยล่าสุดในงานแถลงข่าว “ONE สนั่นจอ ตุลาคม “ หนุ่มฟิล์มก็เปรยๆว่าตอนนี้มีพรีเซ็นเตอร์อยู่ 7 ตัว พร้อมเผยมีโอกาสได้พูดคุยปรึกษากับ บอย – ถกลเกียรติ เรื่องการวางตัว และการแสดงที่หวั่นใจว่ากระแสจะไม่ปังเท่าเมีย 2018

พี่บอย ถกลเกียรติ ให้สัมภาษณ์ว่าเราเข้าไปคุยกับเขา บอกกลัวเรื่องต่อไปจะไม่ปัง?
“ด้วยความที่กระแสเมีย2018 และทุกๆ อย่างมันได้จังหวะพอดีไปหมด เราเลยแค่กลัวว่าคนดูจะติดภาพบอสวศิน เลยต้องทำการบ้านอย่างหนัก และคิดว่าคงต้องทำการบ้านอย่างหนัก คุยเรื่องการแสดงว่าเราจะทำยังไงให้คนเชื่อและลืมภาพตัววศินไปให้ได้”

เรานอยด์ใช่ไหม?
“ไม่ได้นอยด์ครับ มันเป็นความท้าทายนี้แหละ มันเป็นอะไรที่ควรค่าแก่การที่จะเอาชนะ เป็นการท้าทายตัวเองและพัฒนาตัวเองไปมากกว่าครับ”

แล้วถ้าเรื่องใหม่ไม่ปังเท่ากระแสเมีย2018 เราจะรู้สึกยังไง?
“ไม่ได้รู้สึก คือถ้าไม่ปังเท่าเมียฯ แต่เราเล่นได้ดีขึ้น ผมจะไม่รู้สึกเสียใจเลย มันแค่อาจจะไม่ถูกจังหวะกับความชอบของคนดูมากกว่า แต่ถ้าเราเล่นได้แย่กว่าเรื่องที่แล้ว อันนั้นคือสิ่งที่เราจะเสียใจมากกว่า”

แบบนี้จะกดดันตัวเองไหม?
“กดดันเรื่องอะไรครับ ถ้าเรื่องการแสดงมีบ้างนิดหน่อยแต่เราก็พยายามทำการบ้าน หาอะไรมาเติมให้ตัวเรามีความแปลกใหม่และพัฒนาไปเรื่อยๆ”

แต่น่าจะมีความกังวลเรื่องกระแสไหม ถึงขั้นเข้าไปคุยกับคุณบอย?
“ไม่หรอกครับ มีคุยบ้างเป็นประเด็นปกติมากกว่า ไม่ได้ซีเรียส”

เห็นว่าคุณบอยก็สอนเรื่องการใช้ชีวิตและการวางตัวในวงการ?
“ใช่ครับ ไม่ใช่แค่เรื่องการแสดงอย่างเดียวแต่มันสามารถนำไปใช้ได้กับทุกๆ เรื่อง”

ช่วงนี้งานยัง 7 วันอยู่ไหม?
“ก็ 7 วันแต่เป็นถ่ายละครครับ เพราะถ่าย 7 วัน ส่วนอีเวนต์มีบ้าง คือเรากลับไปที่จุดเริ่มต้นของเรา เราเข้ามาเป็นนักแสดง ส่วนอย่างอื่นคือโบนัสของเรามากกว่า”

ได้ข่าวว่าอีเวนต์ตอนนี้ก็หลักแสนแล้ว?
“ก็ต้องถามผู้จัดการครับ เรามีหน้าที่ทำก็ทำอย่างเดียว ส่วนจะมีค่าตัวขึ้นจริงมั้ย ก็ต้องถามผู้จัดการอีกนั่นแหละครับ คือมันแล้วแต่งาน ไม่ได้เท่ากันทุกงานเพราะแล้วแต่ดีเทลงาน”

แบบนี้ค่าตัวละครเราขึ้นไหม จากเรื่องแรก?
“อาจจะมีบ้างแหละ แต่ต้องถามผู้ใหญ่เพราะละครยังไม่ออน เราก็ไม่รู้”

เป็นตามสเต็ปว่าดังแล้วขึ้นค่าตัว?
“ผมว่ามันหลายอย่าง ไม่ใช่แค่ความดัง แต่มันคือฝีมือ ว่านักแสดงคนนั้นพัฒนาฝีมือตัวเองเหมาะกับที่จะได้ค่าจ้างราคานี้หรือเปล่า ถ้าเราเล่นฝีมือเท่าเดิมแต่เขาต้องมาจ่ายแพงขึ้น มันก็ไม่แฟร์กับคนที่ต้องจ่ายเงิน”

ตอนนี้พรีเซนเตอร์กี่ตัวแล้ว?
“7 ตัวครับ เป็นครั้งแรกที่ได้เป็นพรีเซนเตอร์ รู้สึกดีใจที่ลูกค้าทุกคนชื่นชอบในผลงานและตัวตนของเรา ให้โอกาสผมได้ไปร่วมงานกับเขา”

มีวิธีประคับประคองตัวเองยังไง ถ้าวันนึงต้องมีขึ้นมีลง?
“ผมว่ามันเป็นสัจธรรมของโลก ทุกสายอาชีพ มีขึ้นลงปกติ เราวางแผนชีวิตตัวเองดีกว่าว่าจะทำยังไงให้อยู่รอดไปตลอด ผมว่าถ้าเรามีฝีมือไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน คนก็ยังจ้างงานเรา อย่างเราได้เห็นนักแสดงรุ่นใหญ่หลายคนก็ยังทำงานตั้งแต่เด็นจนแก่แล้ว แต่เขาก็ยังเป็นนักแสดงได้อยู่ ซึ่งอยู่ได้เพราะฝีมือจริงๆ”

ได้ข่าวว่าพรีเซนเตอร์ตัวนึงไม่ต่ำ

กว่า 5 ล้าน?
“โอ้ยไม่ถึงหรอก ไม่ได้แพงขนาดนั้น”

มีกระแสว่าเขาจะดันขึ้นให้แทนที่พระเอกรุ่นพี่อย่าง ฌอห์ณ จินดาโชติ?
“ผมว่าไม่หรอก ทุกคนมีคาแรกเตอร์ของตัวเอง ไม่สามารถไปแทนใครได้”

คิดว่าเราก้าวกระโดดไวไปไหม?
“ถ้าเรื่องการเป็นที่รู้จักก็อาจจะใช่ แต่ในส่วนของเรื่องฝีมือและประสบการณ์ เรายังต้องพัฒนาอีกเยอะ คงไม่ไปเทียบเขาไม่ได้หรอก”

กลัวตัวเองจะหลงระเริงกับสิ่งที่ขึ้นไวไหม?
“สำหรับตัวเองอาจจะมีกังวลบ้าง กลัวตัวเองหลงไป แต่สุดท้ายเรายังเตือนตัวเองอยู่เสมอว่า จริงๆ เราเริ่มจากอะไรมากกว่า ยังใช้ชีวิตปกติทุกอย่าง ไม่ได้ใส่แว่นดำอะไร แต่ก็พิสูจน์กันด้วยผลงานครับ”

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0