วันที่ 31 พ.ค. พ.ต.ท.สายันต์ นาพา สารวัตร (สอบสวน) สภ.บ้านผือ จ.อุดรธานี ได้รับแจ้งเหตุมีรถปิกอัพตราโล่ชนรถจยย. ที่บริเวณทางแยกบ้านนารายณ์ ถนนบ้านผือ-น้ำโสม บ้านโนนวารี ต.บ้านผือ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี มีผู้เสียชีวิต จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมแพทย์เวร ร.พ.บ้านผือ และเจ้าหน้าที่อาสากู้ภัยมูลนิธิสว่างเมธาธรรมจุดบ้านผือ
เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
ที่เกิดเหตุเป็นถนน 2 เลนกำลังก่อสร้างขยายถนนอยู่ พบศพ นายอำพร ยุบลพันธุ์ อายุ 62 ปี นอนคว่ำหน้าเสียชีวิตอยู่กลางถนน สภาพศพคอหัก แขนซ้ายหัก ห่างไปเล็กน้อยพบรถกระบะอีซูซุ ดีแมกด์ ทะเบียนตราโล่ 50612 ภ.จว.เลย เสียหลักตกไปอยู่ที่ไหล่ถนนลึกประมาณ 30 ซม. บริเวณด้านหน้ารถด้านขวามีรอยเฉี่ยวชน และบนพื้นถนนมีรอยเบรกห้ามล้อยาวประมาณ 15 ซม.ก่อนรถตกถนน
ใกล้กันพบรถจยย.ฮอนด้าเวฟ สีดำ ทะเบียน 1กอ-7302 อุดรธานี ตกไหล่ถนนตรงข้ามกัน สภาพพังยับเยิน นอกจากนี้ทราบว่ามีผู้บาดเจ็บอีก 1 ราย เป็นเด็กชาย อายุ 6 ขวบ หลานของ นายอำพร มีบาดแผลบริเวณหน้าผาก เจ้าหน้าที่นำส่งโรงพยาบาล และได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนคนขับรถกระบะตราโล่คือ พ.ต.ท.สมนึก เหล่าจันดา อายุ 59 ปี รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.เชียงกลม จ.เลย ยืนรอพบเจ้าหน้าที่อยู่
จากการสอบสวน พ.ต.ท.สมนึก ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุได้ขับรถมาจาก สภ.เชียงกลม จ.เลย จะเดินทางไป จ.หนองบัวลำภู โดยใช้เส้นทางลัด ปากชม-น้ำโสม-บ้านผือ-หนองบัวลำภู แต่เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นถนน 2 เลน และกำลังมีการก่อสร้างขยายถนน ทำให้ไม่มีไหล่ทาง ขณะที่ตนกำลงขับรถมุ่งหน้าเข้า อ.บ้านผือ ผู้ตายได้ขี่รถจยย.สวนทางมา และเลี้ยวขวาตัดหน้าเข้าหมู่บ้านนารายณ์แบบกระชั้นชิด ตนเบรกรถเต็มที่แต่ไม่ทันทำให้รถชนผู้ตายกระเด็นตกถนนเสียชีวิตคาที่
ด้าน พ.ต.ท.สายันต์ เปิดเผยว่า จากการสอบสวนญาติผู้เสียชีวิตทราบว่า นายอำพร ผู้ตายเป็นตา ซึ่งเลี้ยงหลานคนนี้มาตั้งแต่แบเบาะ เพราะพ่อแม่ไปทำงานที่ กทม. ก่อนเกิดเหตุ นายอำพร พาหลานไประบายสีตุ๊กตาที่ร้านแห่งหนึ่งในเขตเทศบาลตำบลบ้านผือ จากนั้นได้แวะตลาดซื้อกับข้าวกลับบ้าน เมื่อขี่รถมาถึงที่เกิดเหตุได้เลี้ยวขวาจะเข้าหมู่บ้าน ทำให้ถูกรถปิกอัพขับมาชนเสียชีวิตทั้งคู่
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ใช้เครื่องเป่าวัดปริมาณแอลกอฮอล์ พ.ต.ท.สมนึก ปรากฏว่าเป็นศูนย์ และจะได้เจาะเลือดผู้ตายเพื่อตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์เช่นกัน และจะได้สอบสวนพยานที่เห็นเหตุการณ์ และตรวจกล้องวงจรปิดบริเวณที่เกิดเหตุ เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
