พี่สาวเมีย "เฮียตี๋" เสี่ยเต็นท์รถรมควันตายยกครัว เผย น่าจะเป็นการสมัครใจตายยกครัว ดูจากโน้ตที่เมียเฮียตี๋ทิ้งไว้ ขณะที่ตำรวจพิษณุโลก ชี้ คดีไม่ซับซ้อน หลักฐานบ่งชี้เป็นการฆ่าตัวตาย
จากกรณี นายกัณตภณ แป้นวงศ์ อายุ 38 ปี หรือ เฮียตี๋ เจ้าของเต็นท์รถยนต์มือสอง กัณตภณออโต้ ที่ จ.พิษณุโลก ที่กินยานอนหลับและยาแก้แพ้พร้อมกับแม่ พี่สาว ภรรยา และบุตรชาย ก่อนจุดเตาอั้งโล่จำนวน 2 เตาในห้องน้ำ เพื่อรมควันฆ่าตัวตายพร้อมกัน ภายในห้องนอนของแม่ที่เปิดแอร์ทิ้งไว้ทำให้เสียชีวิต รวมกับสุนัขอีก 6 ตัว ที่บ้านพักด้านหลังเต็นท์รถ โดยตำรวจคาดสาเหตุเกิดจากความเครียดเรื่องหนี้สินที่ยืมเพื่อนมา รวมทั้งเงินของเพื่อนอีกส่วนหนึ่งที่มาร่วมลงทุนทำธุรกิจเต็นท์รถและสถานตรวจสภาพรถเอกชน รวมแล้วเกือบ 20 ล้านบาท แล้วหมุนเงินไม่ทัน ไม่มีเงินปันผลให้เพื่อน และส่งดอกเบี้ยเงินกู้ โดย นายธงชัย แป้นวงศ์ อายุ 61 ปี หรือ ตี๋สั้น พิษณุโลก บิดาของเฮียตี๋ ยังไม่ปักใจเชื่อว่าบุตรชายตนเองจะลงมือฆ่าตัวตายพร้อมกับครอบครัว และไม่เชื่อว่าไปยืมเงินเพื่อนมามากมายถึงสิบล้านบาท ตามที่เสนอข่าวไปตามลำดับแล้วนั้น
ล่าสุด เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 23 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.อัจฉรา พานนาค อายุ 43 ปี ปลัดอำเภอเมืองพิษณุโลก พี่สาวของ นางยอดขวัญ แป้นวงศ์ ภรรยาของเฮียตี๋ ซึ่งนำร่างของน้องสาวกับลูกชายมาตั้งสวดพระอภิธรรมศพที่วัดธรรมจักร ต.ในเมือง อ.เมือง จ.พิษณุโลก เปิดเผยว่า ขณะนี้ทั้งสองครอบครัวยังมีเรื่องที่ยังติดใจและเข้าใจไม่ตรงกัน แต่ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด ส่วนใหญ่เจอน้องสาวก็จะพูดคุยไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบกันตามประสาพี่น้อง ระยะหลังสังเกตเห็นน้องสาวมีสีหน้าไม่สู้ดี เมื่อถามน้องสาวก็ตอบเพียงว่าไม่สบายเป็นไข้เป็นหวัดติดกันทั้งบ้าน ไม่ได้มีเรื่องเครียดเรื่องอื่น
ส่วนเรื่องการดูแลรายรับรายจ่ายของเต็นท์รถนั้น เท่าที่ทราบจะเป็นหน้าที่ของ น.ส.สุธิพร แป้นวงศ์ พี่สาวของเฮียตี๋เป็นคนดูแลบัญชี แต่น้องสาวของตนจะดูแลการเงินด้วยหรือไม่นั้นไม่ทราบแน่ชัด แต่ก็มั่นใจว่าเรื่องการฆ่าตัวตายที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นการสมัครใจของแม่ พี่สาว นายกัณตภณ และน้องสาวของตน เพราะว่าพบโน้ตสั่งเสียเอาไว้ในโทรศัพท์มือถือของน้องสาว ส่วนน้องวินเนอร์บุตรชายของน้องสาวกับนายกัณตภณคงไม่รู้ตัว
ขณะที่ ลูกน้องที่ดูแลเต็นท์รถยนต์มือสองให้กับเฮียตี๋ เปิดเผยว่า ธุรกิจเต็นท์รถของเฮียตี๋นั้นเริ่มแรกขายดีมาก เดือนหนึ่งจะขายรถได้มากถึง 20 คัน มีกำไรเข้ามาเป็นกอบเป็นกำ แต่ก็ต้องจ่ายเป็นค่าจ้างค่าลูกน้อง ค่าดูแลธุรกิจอื่นๆ ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ที่เฮียตี๋ลงทุน คือ ร้านกาแฟ สถานตรวจสภาพรถเอกชน และส่งน้ำแข็ง ต่อมาธุรกิจเต็นท์รถมือสองเริ่มส่อเค้าว่าไปไม่ไหวเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา เพราะขายรถออกไม่ได้เลยสักคัน เฮียตี๋เครียดมาก มักจะบ่นว่าไม่มีลูกค้ามาติดต่อขอซื้อรถ ทำให้ไม่มีเงินหมุนเวียนในธุรกิจ และเงินขาดสภาพคล่องอย่างหนัก ไหนจะต้องจ่ายเป็นค่าดอกเบี้ยที่กู้ยืมมาจากกลุ่มเพื่อนอีกหลายคน รวมทั้งจ่ายเงินปันผลให้กับเพื่อนๆ ที่มาร่วมลงทุนทำธุรกิจด้วยกันอีกด้วย
ส่วน พ.ต.อ.ภาคภูมิ ปราบศรีภูมิ ผกก.สภ.เมืองพิษณุโลก เปิดเผยว่า คดีนี้ไม่มีความซับซ้อน เพราะทุกอย่างที่เก็บหลักฐานได้ในที่เกิดเหตุบ่งชี้แล้วว่าเป็นการฆ่าตัวตายเอง ทั้งหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์และผลนิติเวช ทุกคนมีการเตรียมการตั้งแต่ซื้อเตาอั้งโล่ และซื้อถ่านไว้ สำหรับกล้องวงจรปิดที่ถูกถอดออกตั้งแต่วันที่ 19 ก.พ. ที่ผ่านมา จากการสอบสวนพบว่าทางเฮียตี๋เป็นคนให้ลูกน้องไปถอดออกเอง ซึ่งปกติจะถอดปลั๊กกล้องวงจรปิดทุกวันเสาร์ แต่ก่อนเกิดเหตุได้สั่งให้ลูกน้องถอดออกวันที่ 19 ก.พ. และสั่งปิดร้านในวันพฤหัสฯ โดยสั่งให้ลูกน้องมาทำงานในวันศุกร์จนทราบว่าเกิดเหตุดังกล่าว
นอกจากนี้บ้านก็ถูกล็อกจากข้างใน ทั้งประตู หน้าต่าง ห้องนอนที่เกิดเหตุก็มีกลอนล็อกข้างใน จึงไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะมีคนนอกเข้าไปก่อเหตุในลักษณะเป็นการฆาตกรรมอำพราง ส่วนเรื่องหนี้สินที่เฮียตี๋ไปขอยืมเงินจากกลุ่มเพื่อนฝูง และมรดกทรัพย์สินอื่นๆ ที่ยังเหลืออยู่ คงต้องเรียกให้ทั้งสามฝ่าย คือ ครอบครัวเฮียตี๋ ครอบครัวภรรยาเฮียตี๋ และกลุ่มเพื่อนๆ มาพูดคุยหาข้อสรุปกันอีกครั้ง.
ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง
- “พิษหนี้นอกระบบ” ทำเสี่ยเต็นท์รถก่อเหตุสลด ตายพร้อมสุนัขสุดรัก 6 ตัว
- ผลชันสูตรเสี่ยเต็นท์รถ ตายยกครัว 5 ศพ ญาติรับกลับไปบำเพ็ญกุศล
- สรุปเหตุสลด เสี่ยเต็นท์รถตายยกครัว พิษหนี้ดอกแสน กล้องดับ พ่อเชื่อมีเบื้องหลัง
ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath