หลังซุปเปอร์ไต้ฝุ่น ฮากิบิส (พายุที่รุนแรงที่สุดในรอบ 60 ปี ความเร็วลมสูงสุดที่จุดศูนย์กลางอยู่ที่ 225 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) เคลื่อนตัวเข้าถล่มพื้นที่เกาะฮอนชู-เกาะใหญ่ของญี่ปุ่น เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น(ตรงกับ 17.00 น.ตามเวลาในไทย) สร้างความเสียหายอย่างหนัก มีฝนตกติดต่อกันนานหลายชั่วโมง ทำน้ำท่วมสูงในหลายพื้นที่ -บางแห่งสูงเกิน 5 เมตร ล่าสุดลดระดับความรุนแรง กลายเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำ ออกสู่ทะเลแปซิฟิกไปแล้ว พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบโดยรวมกลับคืนสู่สภาวะปกติแล้ว
วันนี้ (14 ต.ค.62) ความคืบหน้าซุปเปอร์ไต้ฝุ่น "ฮากิบิส" ที่พัดถล่มญี่ปุ่นเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ล่าสุดได้เคลื่อนตัวออกจากญี่ปุ่น สู่มหาสมุทรแปซิฟิกตอนเหนือแล้วเมื่อวานนี้ ขณะที่มีรายงานยอดผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 33 ราย ในจำนวนนี้มีอุบัติเหตุสลดด้วย เมื่อหญิงสูงอายุ รายหนึ่ง ร่วงตกลงมาจนเสียชีวิต ขณะกำลังถูกเฮลิคอปเตอร์กู้ภัยดึงตัวทำการช่วยเหลือ นอกจากนี้ยังมีผู้สูญหายอีก 19 คน และ มียอดผู้บาดเจ็บขณะนี้ 177 คน
โดยเช้านี้ภาพรวมตามพื้นที่ต่างๆ ทั้งในโตเกียว และ พื้นที่อีก 7 จังหวัด โดยรอบบรรยากาศ ท้องฟ้าค่อนข้างเคลียร์ บรรยากาศที่กรุงโตเกียวมืดครึ้ม มีฝนตกประปราย มีประชาชนจำนวนมากออกมาเก็บกวาดซากความเสียหายตามถนนหนทางและบ้านเรือน มีการเข้าเคลียร์พื้นที่ต่างๆและสำรวจความเสียหายจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงมีการส่งเจ้าหน้าที่ และ ทหารกว่า 31,000 นาย กระจายกำลังลงพื้นที่ปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือ นำเรือและเฮลิคอปเตอร์ออกลาดตระเวน อพยพประชาชนที่ยังตกค้างในเขตน้ำท่วมสูงที่เหลืออยู่ ขณะที่สื่อท้องถิ่นรายงานว่าอาคารบ้านเรือนกว่า 160,000 หลัง ยังคงไม่มีไฟฟ้า และ น้ำประปาใช้
หน่วยกู้ภัยบางส่วนต้องเร่งเข้าไปในเมืองคาวาโกเอะ –เมืองโบราณในจังหวัดไซตามะ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงโตเกียว เพื่ออพยพผู้สูงอายุจำนวนมากที่ติดค้าง ออกมาจากบ้านพักคนชรา อย่างไรก็ตาม หลายพื้นที่เริ่มคลี่คลายและมีระดับน้ำลดลงแล้ว เช่นในเขตชิบาตะ ของจังหวัดมิยางิ
ด้านกรมอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น ที่ก่อนหน้านี้ได้ประกาศยกเลิกคำเตือนฝนตกหนักเพียงบางจังหวัดที่ได้รับผลกระทบ เช่น โตเกียว, ไซตามะ, นากาโนะ, และ ฟูกูชิมะ เป็นต้น ล่าสุดยกเลิกคำเตือนครบทุกจังหวัดแล้ว
ขณะที่สนามบินหลักอย่าง ท่าอากาศยานนาริตะ ได้เปิดให้บริการตามปกติแล้ว บริการเที่ยวบิน และ รถไฟต่างๆ เริ่มทะยอยกลับมาให้บริการได้อีกครั้ง
นอกจากนี้ จากกรณีที่มีภาพมวลน้ำที่ไหลท่วมศูนย์ซ่อมบำรุงรถไฟหัวกระสุน หรือ ชินคันเซ็น ที่จอดอยู่หลายขบวน ล่าสุดมีการประเมินมูลค่าความเสียหายอาจสูงถึง 12,000 ล้านเยน หรือ ราว 3,000 ล้านบาท
ในส่วนของผู้เสียชีวิต ที่ส่วนใหญ่สาเหตุจากดินถล่มหรือถูกกระแสน้ำท่วมพัดพาไป มีหญิงชรา อายุ 77 ปี รายหนึ่ง ต้องเสียชีวิตขณะที่เธอกำลังถูกช่วยเหลือจากเฮลิคอปเตอร์กู้ภัย โดยเธอร่วงตกจากความสูงกว่า 40 เมตร ลงมาเสียชีวิตด้านล่าง สาเหตุมาจากเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อสลิงเซฟตี้กับตัวเครื่องไม่สำเร็จ
ด้านนายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ ผู้นำญี่ปุ่น ได้มีการเรียกประชุมฉุกเฉินกับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และ สั่งการให้รัฐมนตรีที่รับผิดชอบลงพื้นที่ประสบภัยเพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ และแสดงความเสียใจต่อครอบครัวที่มีผู้เสียชีวิต
ทั้งนี้ ตามสถานที่สำคัญต่างๆของญี่ปุ่นเช้านี้ ได้เผยให้เห็นถึงสภาพท้องฟ้าที่ครึ้มฝนเล็กน้อย มีฝนตกประปรายเล็กน้อย ประชาชนชาวญี่ปุ่นเริ่มออกจากบ้านมาใช้ชีวิตประจำวันตามปกติแล้ว
