โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

พิษติ่งเกาหลี เด้งเจ้าหน้าที่ ทอท.

Thairath - ไทยรัฐออนไลน์

เผยแพร่ 18 ก.ย 2561 เวลา 21.10 น.
ภาพไฮไลต์
ภาพไฮไลต์

จ่อสอบ 2 ศุลกากร ‘เจ้าของ’ บัตรผ่าน

แฟนคลับคลั่ง “อีจงซอก” พ่นพิษระนาว ตำรวจออกหมายเรียก 2 สาวติ่งศิลปินเกาหลีเข้าให้ปากคำข้อหาบุกรุกพื้นที่หวงห้ามสนามบินสุวรรณภูมิแล้ว เผยโทษหนักจำคุก 5 ปี ปรับ 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ กรมศุลกากรสั่งสอบ 2 เจ้าหน้าที่ชาย-หญิงสำนักตรวจสินค้าฯที่เป็นเจ้าของบัตรและเป็นคนพาเข้าไปด้านใน หากพบผิดจริงมีโทษถึงขั้นไล่ออกจากราชการ ด้านเจ้าหน้าที่ ทอท.โดนด้วย ถูกเด้งพ้นหน้าที่ประจำจุดตรวจ ฐานหละหลวมไม่ตรวจบัตรให้ตรงกับใบหน้า

กลายเป็นเรื่องบานปลายที่ทำให้ตัวเองและเพื่อนร่วมแก๊งตายหมู่ยกก๊วน กรณีหญิงสาวแฟนคลับศิลปินเกาหลี โพสต์อวดในอินสตาแกรมส่วนตัวอ้างว่า ปลอมตัวเป็นเจ้าหน้าที่ศุลกากร เข้าไปรอจับมือกับ “อีจงซอก” นักแสดงหนุ่มชาวเกาหลี ที่เดินทางมาโชว์ตัวในเมืองไทยในงาน 2018 Lee Jong Suk Fan Meeting in Bangkok ‘CRANK UP’ โดยเข้าไปรอรับถึงสายพานรับกระเป๋าเดินทางผู้โดยสารขาเข้า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ส่งผลให้โลกโซเชียลวิพากษ์วิจารณ์กันกระหึ่มถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยแบบไทยๆ ที่มีการทำงานแบบหละหลวม ปล่อยให้ผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเล็ดลอดเข้าไปยังพื้นที่หวงห้ามของสนามบินได้โดยง่าย อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้โดยสารชาวต่างชาติ หลังเรื่องแดง ผู้บริหารบริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดแล้ว

ที่ สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารชั้น 1 อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 18 ก.ย. พ.ต.อ.วิโรจน์ ตัดโส ผกก.สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กล่าวถึงคดีดังกล่าวว่า คดีนี้เป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจ ผู้บังคับ บัญชาสั่งการลงมาให้ทำคดีด้วยความละเอียดรอบคอบ โดยท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน ให้ดำเนินคดีกับหญิงสาว 2 คน อายุ 38 ปี และอายุ 25 ปี ในข้อหาบุกรุกพื้นที่ควบคุม ทสภ.ในเวลากลางคืน และเจ้าหน้าที่รัฐผู้ชายของสำนักงานตรวจสินค้าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อีก 1 คน ซึ่งปรากฏตามภาพในกล้องวงจรปิด ในข้อหาสนับสนุนช่วยเหลือในการกระทำความผิดดังกล่าว

พ.ต.อ.วิโรจน์กล่าวว่า จากการสืบสวนทราบว่า นอกจากเจ้าหน้าที่ศุลกากรตรวจสินค้าฯ ผู้ชายจะเป็นผู้พาหญิงสาว 2 คนเข้าไปด้านในแล้ว ในระบบยังได้บันทึกชื่อเจ้าหน้าที่ศุลกากรตรวจสินค้าฯผู้หญิงอีก 1 คน ที่เป็นเจ้าของบัตรในการสแกนเข้าพื้นที่ด้านในอีกด้วย ขณะนี้พนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกเจ้าหน้าที่ศุลกากรตรวจสินค้าฯ ทั้ง 2 ราย เพื่อให้มารับทราบข้อกล่าวหาและสอบปากคำในรายละเอียดเพิ่มเติมในวันที่ 19 ก.ย. หลังจากนั้นจะออกหมายเรียกผู้หญิงทั้ง 2 คน ให้มาพบพนักงานสอบสวนอีกครั้ง แต่ถ้าหากทั้ง 2 คนนี้สำนึกผิดและต้องการแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่ได้มีเจตนาจะบุกรุกในพื้นที่หวงห้าม สามารถติดต่อเข้าพบพนักงานสอบสวนได้ทันทีโดยไม่ต้องรอหมายเรียกก็ได้ อย่างไรก็ตามเนื่องจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเป็นพื้นที่เฉพาะ ทำให้มีโทษสูงคือจำคุก 5 ปี

ด้านกรมศุลกากรได้ออกเอกสารข่าวฉบับที่ 53/2561 ชี้แจงกรณีมีผู้แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ศุลกากรเข้าเขตหวงห้ามท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเพื่อพบศิลปินเกาหลี เอกสารระบุว่า กรณีที่ปรากฏเป็นข่าวในสื่อออนไลน์ เมื่อวันที่ 14 ก.ย.ที่ผ่านมาว่ามีแฟนคลับศิลปินเกาหลี ได้ขอให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรช่วยพาเข้าไปในเขตหวงห้ามท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยแอบอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ศุลกากรเพื่อไปพบศิลปินเกาหลี ณ จุดตรวจคนเข้าเมืองและจุดรับกระเป๋าสายพานหมายเลข 17 นั้น กรมศุลกากรขอชี้แจงว่ากรณีดังกล่าวได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นกับสำนักงานศุลกากรตรวจสินค้าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และได้ประสานขอข้อมูลจากผู้บริหารของบริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ผ่านทางแอปพลิเคชันไลน์

ปรากฏหลักฐานเป็นวิดีโอและภาพถ่ายพบว่า ในช่วงเวลาดังกล่าวมีผู้ใช้บัตรรักษาความปลอดภัย (บัตรเบอร์ 6) ของข้าราชการในสังกัดสำนักงานศุลกากรตรวจสินค้าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเข้าไปในพื้นที่ที่ต้องได้รับอนุญาตการเข้าออกภายในบริเวณท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ขณะนี้กรมศุลกากรได้สั่งการให้สำนักงานศุลกากรตรวจสินค้าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่ามีพนักงานศุลกากรรายใดรู้เห็นหรือมีส่วนร่วมในการแอบอ้างนำบุคคลภายนอกเข้าไปในพื้นที่ที่ต้องได้รับอนุญาตเข้าออกภายในบริเวณท่าอากาศยานสุวรรณภูมิหรือไม่อย่างไร และรายงานข้อเท็จจริงให้ทราบภายใน 5 วันทำการ นับแต่วันที่ได้รับมอบหมาย

วันเดียวกัน นายประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการ บริษัทท่าอากาศยาน ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.กล่าวว่า ทอท.ไปแจ้งความดำเนินคดีกับ 2 หญิงสาวกับอีก 2 เจ้าหน้าที่ศุลกากร ที่ใช้บัตรรักษาความปลอดภัย (บัตรเบอร์ 6) ของข้าราชการสำนักงานศุลกากรตรวจสินค้าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เข้าไปในพื้นที่ที่ต้องได้รับอนุญาต การเข้า-ออก ภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งถือมีความผิดกรณีอนุญาตให้ผู้อื่นที่ไม่ใช่เจ้าของบัตร นำบัตรไปใช้ในการเข้า-ออกพื้นที่หวงห้ามของสนามบิน มีโทษสูงสุดจำคุก 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ กรณีนี้เป็นความผิดร้ายแรง เจ้าหน้าที่ศุลกากรทั้ง 2 คน ที่เกี่ยวข้องมีโทษสูงสุด คือไล่ออกจากราชการ กรมศุลกากรอยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริงและจะรายงานให้ทราบภายใน 5 วัน ส่วนมาตรฐานความปลอดภัยของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ยืนยันว่ามีมาตรฐานสากล และไม่จำเป็นต้องปรับปรุงหรือเปลี่ยนแต่อย่างใด

“กรณีที่เกิดขึ้นถือเป็นความผิดที่ร้ายแรงของเจ้าหน้าที่ศุลกากร ไม่ใช่เรื่องของระบบรักษาความปลอดภัย เมื่อปีที่แล้วเคยเกิดเรื่องกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) มาแล้วครั้งหนึ่ง กรณีบุคคลอื่นใช้บัตรเบอร์ 6 ของ ตม.เข้าไปในพื้นที่หวงห้าม ก็มีการลงโทษไปแล้ว จึงไม่ใช่เรื่องของระบบแต่เป็นเรื่องของบุคคลที่นำไปใช้ไม่ถูกต้องมากกว่า” นายประสงค์กล่าว

ด้านนายกิตติพงศ์ กิตติขจร รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (สายปฏิบัติการ 1) กล่าวถึงกรณีเดียวกันว่า เจ้าหน้าที่กรมศุลกากร 2 คน มีนัดจะมาให้ข้อเท็จจริงที่ สภ.ท่าอากาศสุวรรณภูมิ ในช่วงบ่ายวันที่ 19 ก.ย. โดยเจ้าหน้าที่ศุลกากรคนแรกที่นำหญิงสาวทั้ง 2 คนเข้าไปในพื้นที่หวงห้ามนั้น จากการพิจารณาเบื้องต้นอาจจะโดนข้อหาหลีกเลี่ยงการตรวจค้น ถือว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ.การเดินอากาศ พ.ศ.2497 มาตรา 60/17 ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนเจ้าหน้าที่ศุลกากรคนที่ 2 ที่บัตรถูกนำไปใช้ในการผ่านเข้าไปพื้นที่หวงห้ามนั้น ต้องรอให้ตำรวจสอบปากคำก่อนว่าจงใจให้นำบัตรมาใช้หรือไม่ได้มีส่วนรู้เห็น โดยบัตรอาจจะถูกหยิบไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต หากพบว่ามีเจตนาให้บัตรไปใช้ก็จะถูกดำเนินคดีข้อหาเดียวกับเจ้าหน้าที่คนแรก

นายกิตติพงศ์กล่าวต่อว่า ทอท.ยังได้ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงเจ้าหน้าที่ ทอท.อีก 1 คน ทำหน้าที่ตรวจสอบความปลอดภัยจุดผ่านเข้า-ออกพื้นที่หวงห้าม บริเวณที่หญิงสาวทั้ง 2 คนผ่านเข้าไปด้วย เพราะตรวจสอบพบว่าเจ้าหน้าที่ ทอท.คนดังกล่าวทำงานหละหลวม ปล่อยให้หญิงสาวทั้งสองผ่านเข้าไปยังเขตหวงห้ามได้โดยไม่มีการตรวจสอบความถูกต้องของบัตร ทั้งที่รู้ว่าภาพใบหน้าบุคคลในบัตรที่นำมาแตะผ่านเข้าไปยังเขตหวงห้าม จะไม่ตรงกับใบหน้าของผู้หญิงทั้ง 2 คนที่ผ่านเข้าไป คาดว่าจะใช้เวลาสอบข้อเท็จจริงประมาณ 10 วัน หากพบว่าประมาทเลินเล่อ ทอท.จะต้องลงโทษขั้นเด็ดขาดต่อไป เบื้องต้นได้สั่งย้ายเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวออกไปจากพื้นที่เกิดเหตุแล้ว โดยให้ไปประจำอยู่ในพื้นที่ส่วนภายนอกแทนเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบด้านมาตรฐานความปลอดภัยของสนามบิน

“ยอมรับว่าที่ผ่านมา ทอท. เข้มงวดน้อยไปในการตรวจสอบความถูกต้องของบัตรของหน่วยราชการที่เข้าพื้นที่หวงห้าม เพราะมีราชการหลายหน่วยงานมากที่ทำงานภายในสนามบิน บางครั้งอาจเห็นว่าเป็นหน่วยราชการด้วยกัน จึงไม่ค่อยเช็กว่าคนที่ผ่านเข้าพื้นที่ใบหน้าตรงกับบัตรที่แตะเข้าไหม หลังจากนี้ ทอท.จะแจ้งขอความร่วมมือไปยังหน่วยราชการที่ทำงานในสนามบินว่าต่อไปจะตรวจเข้มงวดมากขึ้น ต้องดูหน้าให้ตรงกับบัตร อาจจะใช้เวลาแต่ต้องขอความร่วมมือ รวมทั้งในปี 62 นี้ ทอท.เตรียมนำระบบการตรวจสอบความปลอดภัยระบบใหม่มาใช้ ณ จุดเข้า-ออกของสตาฟฟ์ภายในสนามบิน เป็นระบบใหม่ที่ทันสมัยมาก เมื่อนำบัตรมาแตะตรงทางเข้าจะปรากฏใบหน้าของเจ้าของบัตรขึ้นมาในจอคอมพิวเตอร์ เจ้าหน้าที่ประจำจุดจะเห็นใบหน้าและสามารถเปรียบเทียบกับใบหน้าคนที่ใช้บัตรทันที หากใบหน้าไม่ตรงกันจะไม่อนุญาตให้เข้าพื้นที่หวงห้าม คาดว่าจะเริ่มนำมาใช้ได้ปลายปีนี้” นายกิตติพงศ์กล่าว

นายกิตติพงศ์ กล่าวอีกว่า พื้นที่ที่หญิงสาวทั้ง 2 คนหลุดเข้าไปเพื่อรอพบกับศิลปินเกาหลี เป็นพื้นที่บริเวณจุดรับกระเป๋าผู้โดยสารขาเข้าเท่านั้น ถือเป็นพื้นที่ชั้นนอกสุดที่ติดกับพื้นที่ร้านค้าภายในสนามบิน หากจะเข้าไปพื้นที่ชั้นในจะต้องผ่านจุด ตรวจคนเข้าเมือง และสแกนตรวจวัตถุระเบิดก่อน ถึงจะผ่านไปยังทางออกขึ้นเครื่องบินได้ ในจุดนี้หากบุคคลใดไม่มีบัตรโดยสารมาแสดงกับ ตม. หรือมีการพกอาวุธจะไม่สามารถผ่านเข้าไปยังทางออกขึ้นเครื่องบินได้

“ส่วนกรณีการปลอมตัวเป็นเจ้าหน้าที่ศุลกากรของผู้หญิงทั้ง 2 คนนั้น จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่าทั้ง 2 คน ไม่ได้ปลอมตัวด้วยการเปลี่ยนชุดเป็นเครื่องแบบของกรมศุลกากรแต่อย่างใด หญิงสาวคนแรกคือคนที่นำภาพตัวเองมาโพสต์ลงในโซเชียลนั้น เดิมใส่เสื้อและกางเกงขาสั้น แต่ได้เปลี่ยนเป็นกางเกงขายาวและเดินตามเจ้าหน้าที่ที่นำพาเข้าไป หลังจากเจ้าหน้าที่ศุลกากรคนดังกล่าวพาหญิงสาวคนแรกเข้าไปแล้ว ได้นำบัตรใบเดิมกลับมาเวียนใช้รับผู้หญิงคนที่ 2 เข้าตามไป” นายกิตติพงศ์กล่าว

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0