โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

"พิพัฒน์" เร่งเครื่องโค้งท้าย อัดมาตรการดันนักท่องเที่ยวเข้าเป้า

ประชาชาติธุรกิจ

อัพเดต 15 ก.ย 2562 เวลา 10.03 น. • เผยแพร่ 15 ก.ย 2562 เวลา 10.03 น.
16-1‘พิพัฒน์’ 11

แม้ว่าจะเป็นรัฐมนตรีหน้าใหม่ในวงการการเมืองไทย และเพิ่งเข้ามารับช่วงบริหารได้เพียงแค่ราว 2 เดือนเท่านั้น แต่ “พิพัฒน์ รัชกิจประการ” นักธุรกิจใหญ่จากแดนใต้ เจ้ากระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ก็ได้เดินนโยบายเชิงรุกอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา

โดยมีเป้าหมายกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกอยากเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย ซึ่งนโยบายเร่งด่วนที่ได้ขับเคลื่อนไปแล้ว คือ การต่อมาตรการยกเว้นค่าธรรมฟรีวีซ่า ณ ตรวจคนเข้าเมือง หรือฟรี VOA ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเป็นมาตรการที่ช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวในช่วงโค้งสุดท้ายของปีให้มีโมเมนตัมดีต่อเนื่องไปถึงปีหน้า

“ประชาชาติธุกิจ” ได้ร่วมสัมภาษณ์“พิพัฒน์ รัชกิจประการ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ถึงแนวทางในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยผ่านมาตรการต่าง ๆ ในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ไว้ ดังนี้

“พิพัฒน์” บอกว่า หลังจากที่เข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฯเมื่อกลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ทางกระทรวงมีความพยายามที่จะผลักดันมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวระยะสั้นออกมาเป็นระยะ ควบคู่ไปกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นของรัฐบาล โดยมีเป้าหมายในช่วง4 เดือนสุดท้ายของปี 2562 นี้ว่าจะดำเนินการกระตุ้นการท่องเที่ยอย่างต่อเนื่องทั้งในหมู่นักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ

“พิพัฒน์” บอกว่า โครงการที่กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ คือ โครงการชิม ช้อป ใช้ ซึ่งเป็นมาตรการที่รัฐบาลมอบเงินท่องเที่ยว 1,000 บาทให้กับนักท่องเที่ยวชาวไทยจำนวน 10 ล้านคนที่ลงทะเบียนรับสิทธิ และกำลังจะเริ่มต้นเปิดให้ประชาชนโหลดแอปพลิเคชั่นสำหรับรับสิทธิแล้ว

ขณะนี้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกำลังเร่งทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อดึงจำนวนร้านค้าในโครงการให้ถึงเป้าหมาย 30,000 ร้านค้า จากปัจจุบันที่มีการลงทะเบียนแล้วประมาณ 10,000 ร้านค้า โดยในเป้าหมายจะเป็นร้านค้ากลุ่มสินค้าโอท็อปและกลุ่มการท่องเที่ยวในชุมชนก่อน

นอกจากนี้ ยังมีมาตรการ “ร้อยเดียวเที่ยวทั่วไทย” โครงการจำหน่ายสินค้าด้านการท่องเที่ยวที่ทางกระทรวงที่ได้นำเสนอรายละเอียดไปแล้ว อาทิ ตั๋วเครื่องบินโรงแรมที่พัก ฯลฯ จำนวน 10,000 รายการต่อเดือน ราคาเดียวคือ 100 บาทเท่านั้น ซึ่งตามแผนนั้นได้เตรียมที่จะเปิดให้จองในวันที่ 10 เดือน 10, วันที่ 11 เดือน 11 และวันที่ 12 เดือน 12

“เดิมเรามีเป้าหมายว่าทำการกระตุ้นให้เกิดความต้องการการท่องเที่ยวในหมู่นักท่องเที่ยวชาวไทยควบคู่ไปกับมาตรการชิม ช้อป ใช้ แต่ขณะนี้โครงการนี้ยังไม่ผ่านการพิจารณา ยังอยู่ระหว่างการดำเนินการเพื่อเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง” พิพัฒน์ย้ำ

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฯยังบอกด้วยว่า สำหรับตลาดในประเทศ นอกจากมาตรการชิม ช้อป ใช้ และโครงการร้อยเดียวเที่ยวทั่วไทยแล้ว กระทรวงยังมีเป้าหมายจะเร่งพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวในชุมชนอย่างโฮมสเตย์ให้มีมาตรฐานมากยิ่งขึ้น โดยปัจจุบันมีจำนวนโฮมสเตย์ที่ผ่านมาตรฐาน และได้รับการจดทะเบียนอยู่กับกระทรวงการท่องเที่ยวฯ 300 แห่ง

“เรื่องนี้ผมตั้งเป้าว่าจะต้องเร่งให้กรมการท่องเที่ยวลงให้คำปรึกษา และช่วยยกระดับสถานประกอบการโฮมสเตย์ให้ได้รับการจดทะเบียนมากกว่า 600 แห่งภายในสิ้นปีนี้ และถึง 1,500 แห่งก่อนจบปี 2563 เพื่อให้ผู้ประกอบการโฮมสเตย์ที่มีมาตรฐานเพิ่มจำนวนขึ้น และให้ผู้ประกอบการเหล่านี้สามารถรับผลประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและช่วยเหลือของรัฐได้อย่างเต็มที่”

ส่วนตลาดต่างประเทศนั้น“พิพัฒน์” บอกว่า เขาได้เตรียมที่จะเดินสายไปเจรจาธุรกิจกับกลุ่มประเทศต่าง ๆ ทั้งประเทศที่มีอัตราการเติบโตของนักท่องเที่ยวดีอย่างจีนและอินเดีย รวมถึงประเทศที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวลดน้อยลงอย่างกลุ่มประเทศยุโรปด้วย นอกจากนั้น ยังเตรียมจะจับมือกับกระทรวงพาณิชย์ให้รัฐบาลและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องช่วยควบคุมค่าเงินบาทที่แข็งค่ามากจนเป็นอุปสรรคต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวขณะนี้ด้วย

ไม่เพียงเท่านี้ทางกระทรวงยังมีแผนสำหรับเจาะเข้าถึงกลุ่มตลาดเฉพาะ (niche market) ในกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนที่เป็นตลาดไฮเอนด์และมีการจับจ่ายสูงพอ ๆ กับตลาดยุโรป อาทิ กลุ่มตลาด “แซ่” ผ่านการเรียนเชิญนักท่องเที่ยวจีนให้มาเยี่ยมเยือนพี่น้องร่วมแซ่ชาวไทยผ่านสมาคมตระกูลแซ่ พร้อมมอบสิทธิพิเศษให้กับนักท่องเที่ยวกลุ่มดังกล่าวเตรียมปูพรมที่กว่างโจว ซึ่งเป็นเมืองที่มีคนไทยเชื้อสายจีนอพยพมาเป็นจำนวนมาก โดยกระทรวงจะมอบแนวคิดให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นำไปปฏิบัติต่อไป เป็นต้น

รวมถึงยังมีแผนจะจัดทำโครงการ CLMV Spirit Rode and Maditation (ท่องเที่ยวสายบุญ) เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวภายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่อไป นอกจากนี้

ยังมีอีกหลายโครงการที่ทางกระทรวงอยู่ระหว่างการศึกษารายละเอียด ซึ่งคาดว่าจะทยอยออกมาเป็นระยะในเร็ว ๆ นี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฯยังทิ้งท้ายอย่างมั่นใจด้วยว่า สำหรับปี 2562 นี้ยังเชื่อมั่นว่าภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยจะยังสามารถทำจำนวนนักท่องเที่ยวได้ตามเป้าหมายที่ 40.6 ล้านคน และมีมูลค่ารายได้เติบโตจากปีก่อน 7% ตามเป้าได้อย่างแน่นอน เพราะจากตัวเลขสถิติล่าสุดยังพบว่า อัตราการเติบโตของรายได้รวมยังสูงกว่าการเติบโตของจำนวนนักท่องเที่ยว ซึ่งตัวเลขดังกล่าวนี้สะท้อนให้เห็นว่านักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวในประเทศไทยเป็นนักเดินทางคุณภาพและมีการใช้จ่ายที่สูงขึ้นอย่างชัดเจน

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0