เมื่อวันที่ 15 ก.ค.2563 หัวหน้าพรรคก้าวไกล นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ พร้อมด้วย ส.ส.พรรคก้าวไกล แถลงถึงกรณีที่รัฐบาลหละหลวมทางการทูต และการทหาร จนนำมาสู่การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่จังหวัดระยอง และกรุงเทพมหานคร ว่า พรรคก้าวไกล พยายามใช้กลไกของรับสภาขอข้อมูล และข้อเท็จจริงจากทางรัฐบาลว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร และมีมาตรการที่จะรับผิดชอบอย่างไร แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบ โดยที่จังหวัดระยอง กลุ่มที่ได้รับผลกระทบนั้นกว้างขวาง ทั้งโรงแรม ปิดห้างที่ใหญ่ที่สุดในระยอง 2 แห่ง กลุ่มคนทำงาน พนักงาน และผู้ประกอบธุรกิจที่เกี่ยวกับห้องสรรพสินค้าทั้งหมด ประชาชนที่ไปเดินห้างอีกนับพัน พนักงานบนเครื่องบิน นักเรียน และโรงเรียนที่ต้องปิดทั้งที่เพิ่งกลับมามีชีวิตปกติได้ไม่ถึง 2 อาทิตย์ ในขณะที่กลุ่มคนกลางคืนที่จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับการเยียวยา วันนี้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้ชี้แจงในที่ประชุมแล้ว ซึ่งกรณีทหารที่แวะเข้ามาต่อเครื่อง ตรงนี้เป็นข้อต่อที่หละหลวม นายกฯต้องมีคำตอบให้กับประชาชน
นายพิธา บอกอีกว่า ต่อมาคือกรณีของทูตที่กรุงเทพมหานคร ประชาชนยังต้องการคำตอบว่า
1.จริงหรือไม่ว่าครอบครัวทูตถูกตรวจพบตั้งแต่สนามบินว่าติดเชื้อไวรัสโควิด แต่ไม่ได้ไปโรงพยาบาล แต่กลับเข้าพักที่คอนโด ซึ่งต้องมีคำตอบว่าทำไมสถานทูตไม่สามารถกักตัวคณะทูตที่เข้ามาในประเทศไทยได้
2.ในกรณีที่เป็นแขกวีไอพี หรืออภิสิทธิชนที่เข้ามาในประเทศมีจำนวนเท่าไหร่ที่ได้รับการยกเว้นให้เข้าประเทศได้ และพักอาศัยที่ไหนบ้าง และ
3.การมีไฟท์กลับมาจากซูดานที่เข้ามาพร้อมกับครอบครัวคณะทูตนี้ประมาณ 200 กว่าคน และเข้าข่ายเฝ้าระวัง 47 คน มีผู้ติดเชื้อ 12 คนนั้น จริงเท็จประการใด โดยอยากขอให้รัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องชี้แจงโดยเร็วที่สุด
"ที่สำคัญที่สุดคือกระบวนการรับผิด การที่ท่านมีพ.ร.ก.ฉุกเฉินให้อำนาจเต็มร้อย แต่ความรับผิดชอบกลับเป็นศูนย์ จึงขอแนะนำไปถึงนายกฯว่า อย่างน้อยท่านต้องมีมาตรการ 3 ข้อ ในการแก้ปัญหา คือ
1.ต้องชัดเจนว่า สิ่งที่ผ่านมาท่านผิดพลาดอย่างไร และความโปร่งใสที่จะแก้ปัญหาจะทำอย่างไร
2.ท่านต้องไม่เป็นลิงแก้แห ต้องแยกให้ออกระหว่างสิทธิทางการทูตกับการแลกเปลี่ยนสิทธิทางการทูต ท่านต้องคำนึงถึงสิทธิคนไทยที่อยู่ต่างประเทศปัญหาอยู่ที่ท่านปล่อยเขาออกมาจากสถานกักตัวได้อย่างไร และ
3.การเยียวยาประชาชน เงิน 4 แสนล้านที่จะฟื้นฟูเยียวยาประชาชนที่จะไปเน้นเรื่องการเกษตรเป็นเรื่องดี แต่ไม่ตรงจุดประสงค์ตรงคำว่าเยียวยา และฟื้นฟูจากภัยโควิด จึงขอเสนอให้ยับยังพ.ร.ก. 4 แสนล้านบาท แล้วเก็บไว้เตรียมเยียวยาประชาชนรอบ 2 ที่กำลังมีปัญหาอยู่ในขณะนี้ และขอเก็บไว้อีก 1 แสนล้านเพื่อช่วยเหลือเอสเอ็มอีที่กำลังจะล้มละลาย เพื่อให้การจ้างงานนั้นยังคงมีผลต่อไป"
