เรานั่งแท็กซี่ไปยังป้ายรถ Hop On Hop Off สายที่สาม สายสีเขียว เลือกเอาป้ายที่อยู่ใกล้โรงแรมมากที่สุด
ที่ป้ายนี้มีผู้โดยสารรออยู่ 4-5 คน สองคนในจำนวนนี้คือแม่-ลูกที่เมื่อวานอยู่ในรถคันเดียวกันตลอดทั้งสองสาย
คราวนี้จึงได้ทักทายกันในฐานะเพื่อนร่วมเดินทาง จึงได้รู้ว่าทั้งคู่มาจากลิมา ประเทศเปรู คนเป็นแม่อายุไม่เกิน 50 ปี พูดภาษาอังกฤษได้ดีมาก เธอพาลูกชายมาท่องเที่ยวบัวโนสไอเรสเพื่อฉลองวันเกิดอายุครบ 13 ปี
เราก็มาฉลองวันเกิดเหมือนกันเพราะวันนี้คนข้างกายจะอายุครบ 70 ปี
ชีวิตนักเดินทางทำให้เราทั้งคู่ได้มาเป็นบัดดี้ร่วมทางกันในวันนี้ เพื่อบันทึกเป็นความทรงจำอันดีงามตลอดไป
คนเป็นลูกชายอยากฉลองวันเกิดในหอดูดาวแห่งบัวโนสไอเรส เราจึงพากันลงรถที่ป้ายหอดูดาวอันโอฬาร
นานนักหนาแล้วที่ไม่ได้เข้าหอดูดาว วันนี้มาดูดาวที่บัวโนสไอเรสคงจะดีเหมือนกัน
ต้องเดินกันไกลพอสมควรจากป้ายจอด มาข้ามถนนที่กว้างมากตรงทางม้าลาย แต่คนขับรถที่นี่เคารพกฎจราจร หยุดรถให้คนข้าม การข้ามทางม้าลายจึงไม่ใช่เรื่องน่าหวาดเสียวเหมือนในเมืองไทย
ทางเดินไปหอดูดาวต้องผ่านสระน้ำขนาดใหญ่ที่มีฝูงหงส์เริงระบำอยู่ในสายธาร ตลอดเส้นทางมีต้นไม้ใหญ่ทอดให้ร่มเงาแก่คนเดิน
บัวโนสไอเรสคือเมืองที่มีสวนสาธารณะอยู่มากมายในทุกย่าน เป็นปอดที่ฟอกอากาศบริสุทธิ์ป้อนให้ชาวเมือง ปราศจากฝุ่นละอองโดยสิ้นเชิง
หอดูดาวบัวโนสไอเรสวันนั้นเต็มไปด้วยเด็กนักเรียน มีรายการพิเศษหลายรอบ ไม่มีที่ว่างให้ขาจร จึงอดเข้าชม ได้แต่ถ่ายรูปในชุดนักบินอวกาศที่หน้าหอไว้เป็นที่ระลึก
กลับมาขึ้นรถสายสีเขียวอีกครั้ง คราวนี้รถพาวิ่งเลียบริมแม่น้ำ Rio de la Plata หรือ River Plate แม่น้ำนี้กั้นระหว่างอาร์เจนตินากับอุรุกวัย ถือเป็นแม่น้ำที่กว้างที่สุดในโลก เกิดจากการบรรจบรวมตัวกันของแม่น้ำอุรุกวัยและแม่น้ำปารานา ตรงจุดที่แม่น้ำทั้งสองสายมารวมกันจะมีความกว้าง 30 ก.ม. แต่ตอนที่แม่น้ำ River Plate จะไหลออกมหาสมุทรแอตแลนติกจะมีความกว้างถึง 220 ก.ม.
Rio de la Plata แปลว่า แม่น้ำแห่งแร่เงิน เพราะทางต้นแม่น้ำนี้จะมีเหมืองเงิน
River Plate เชื่อมเมืองหลวงสองประเทศ คือบัวโนสไอเรสของอาร์เจนตินาและมอนเตวิเดโอของอุรุกวัย
วันพรุ่งสองแม่-ลูกจะนั่งเรือข้ามไปเที่ยวมอนเตวิเดโอ ไปเช้ากลับมืด
รถพาวิ่งเลียบริมน้ำ River Plate ยาวไกล เห็นลมพัดคลื่นในแม่น้ำพลิ้วเหมือนชายหาด มองแม่น้ำกว้างเวิ้งว้างดั่งทะเล บางมุมมีคนมานั่งรับลมริมน้ำ แต่คงนั่งไม่ได้นานเพราะวันนั้นลมแรง หนาวมาก คนที่นั่งชมวิวบนหลังคารถทนหนาวไม่ไหวต้องเผ่นลงมานั่งข้างล่าง
รถวิ่งผ่านแคมปัสของ University of Buenos Aires ที่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ริมน้ำ
แล้วก็ถึงอคาเดมีของทีม River Plate ทีมฟุตบอลอันดับหนึ่งของอาร์เจนตินา สนามนี้จุคนดู 46,000 คน ใช้เป็นหนึ่งในสนามแข่งฟุตบอลโลกปี 1978 ที่อาร์เจนตินาเป็นเจ้าภาพ และได้เป็นแชมป์โลกสมัยแรกในปีนั้น
กล่าวในแง่การแข่งฟุตบอลในอาร์เจนตินา ต้องถือว่าการดวลแข้งระหว่างทีม River Plate กับ Boca Juniors คือคู่สุดยอด Super El Classico แห่งปี จะแข่งกันปีละ 4 นัด ผมโชคดีได้ดูการถ่ายทอดสดของคู่นี้ที่แข่งกันครั้งที่สามในรอบปีนี้ ผล River Plate ชนะ Boca Juniors ไป 2 : 1
หน้าอกเสื้อของ Boca Juniors มีตราสปอนเซอร์สายการบิน Qatar Airways เพราะตอนนี้ Qatar บินตรงจากโดฮามาบัวโนสไอเรสทุกวัน (และ Qatar เลิกสปอนเซอร์ทีมบาร์เซโลนาแล้ว)
ครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ สมัยที่ Messi (ชื่อเต็ม Lionel Andres Messi) มีอายุ 13 ปี เขาเป็นนักฟุตบอลทีมเยาวชนในเมืองเกิดโรซาริโอ (Rosario) มีลีลาการเล่นที่ยอดเยี่ยมมาก แต่ตัวเล็กกว่าทุกคนในทีม หมอคนหนึ่งเกิดความสงสัยว่าทำไมเขาจึงตัวเล็ก จึงตรวจสอบสุขภาพ พบว่า Messi มีโรคขาด Growth Hormone ต้องฉีดยาช่วยทุกวัน เพื่อนฝูงในที่ทำงานของพ่อช่วยกันลงขันซื้อ Growth Hormone มาให้ฉีด จนหมดกำลังเงิน
พ่อของ Messi จึงเสนอขาย Messi ให้ทีม River Plate แต่ทีมนี้ไม่สนใจ มีแมวมองตาแหลมคมของทีม Barcelona จากสเปนคว้าตัวไปชุบเลี้ยงฉีด Growth Hormone ปั้น Messi เป็นมหาอมตะ Super Star คู่บารมี Barcelona จวบจนทุกวันนี้
ขอบันทึกว่า ทีมหมูป่าจากประเทศไทยได้ลงสนาม River Plate ดวลแข้งกระชับมิตรกับทีมเยาวชนของ River Plate เมื่อเดือนตุลาคม 2018
ชื่อทีมหมูป่า เชียงราย ขจรไกลในอาร์เจนตินา
แล้วรถสายสีเขียวก็พามาสู่ป้ายจอด China Town
ต้องเดินต่อไประยะหนึ่ง ผ่านร้านขนมครัวซองต์ที่ส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำลาย ครัวซองต์ในอาร์เจนตินาไม่ว่าจากร้านไหน ล้วนอร่อยทั้งนั้น
มีร้านขายผลไม้ขนาดใหญ่สองร้านเคียงข้างกันก่อนถึงปากประตู China Gate เข้าสู่เมืองจีนแห่งบัวโนสไอเรส
แยกกับสองแม่-ลูกที่ปากประตูนี้ ด้วยรสนิยมอาหารที่แตกต่างกัน หวังว่าเส้นทางชีวิตนักเดินทางจะเวียนมาร่วมทางกันอีกในภายภาคหน้า
เลือกร้านอาหารจีนที่มองดูเข้าท่าที่สุด สั่งบะหมี่เป็ดมากินกับผัดผัก หนุ่มสาวอาร์เจนติเนียนกลุ่มใหญ่นั่งกินอยู่ข้างๆ หนึ่งในนั้นเป็นสาวลูกครึ่งไชนิสอาร์เจนติเนียน หน้าตาออกกึ่งสแปนิชผสมตะวันออก จมูกโด่ง ตาคม สวยมากกก
คุยกับสาวเจ้าของร้าน เธอเป็นจีนไต้หวัน มาอยู่ในบัวโนสไอเรส 15 ปีแล้ว เธอบอกว่าที่นี่มีทั้งคนจีนจากไต้หวันและจากแผ่นดินใหญ่มาอยู่รวมกันในปริมาณพอๆ กัน
ฝั่งตรงข้ามร้านอาหารเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ ขายสารพัดสินค้าจากเมืองจีน อาหารแห้ง อาหารกระป๋อง และเห็ดหลากชนิดจากเมืองจีน
วิธีมา China Town อีกเส้นทางหนึ่ง คือนั่งรถใต้ดินสายสีเขียวก็มาได้
ย้อนกลับมารอขึ้นรถสายสีเขียวเพื่อไปเปลี่ยนรถสายสีแดงสายที่หนึ่งกลับไปยังต้นทาง มีป้ายจอดรถประจำทางอยู่ข้างๆ สังเกตดูรถเมล์ที่นี่ทุกคันติดป้ายรถเข็นคนพิการไว้หน้ารถ แต่พอมีคนนั่งรถเข็นมาขึ้นรถเมล์ กลับไม่มีบันไดไฮดรอลิกพาดให้รถเข็นหมุนล้อขึ้นรถเมล์เหมือนในอเมริกา ต้องใช้วิธีช่วยกันยกรถเข็นขึ้นรถเมล์
แต่ก็ยังดีที่มีที่ให้รถเข็นคนพิการขึ้นรถเมล์ ในเมืองไทยเพิ่งจะมีที่ให้รถเข็นคนพิการในรถเมล์รุ่นล่าสุด รถรุ่นก่อนไม่มีบริการนี้
หมดเวลาตั๋วรถ 24 ชั่วโมงแล้ว แต่โค้ชก็ไม่ได้สนใจตรวจตั๋ว คงปล่อยให้นักท่องเที่ยวขึ้น-ลงตามสบาย ตรงที่ป้ายเปลี่ยนรถเป็นสายสีแดง ฝนฤดูใบไม้ผลิเริ่มปรอยเม็ดพอได้เปียก ต้องวิ่งไปหลบในป้ายรถเมล์ข้างๆ ที่มีหลังคาบังฝน
นั่งรถย้อนกลับมาต้นทางแล้วเดินต่อไปอีกหน่อย จะเจอตลาดคนเดินวางขายของแบกะดิน ชื่อตลาด Florida ขายสารพัด เสื้อผ้า พวกอัญมณี ลูกปัด และแคนเป่า เหมือนพวกชาวเขาบ้านเรา หน้าตาคนขายก็คล้ายกันอย่างไม่น่าเชื่อ ผมได้เข็มขัดและกระเป๋าสตางค์หนังแท้มาเป็นที่ระลึก
มีอยู่แผงหนึ่งขายพวกกำยานเป็นห่อคล้ายธูป ไม่รู้เขาซื้อไปทำอะไร
พวก Gamble คนรับแลกเงินตลาดมืดก็เดินหากินอยู่แถวนี้ ผมแลกที่นี่ครั้งหนึ่งเพราะไม่ได้พกพาสปอร์ตมา เข้าไปแลกในธนาคารไม่ได้ คงได้เงินเปโซมาน้อยกว่าอัตราธนาคารนิดหน่อย
ตลาดนัดคนเดินดูคึกคักพอสมควร บ่งบอกวิถีชีวิตชาวอาร์เจนติเนียนพื้นบ้าน ไปที่เมืองไหน ผมจะไม่พลาดชมตลาดนัดคนเดิน
แวะซื้อน้ำดื่มจากร้านโชห่วยเจ้าประจำแถวนี้ ที่ต้องซื้อเพราะทุกโรงแรมในอาร์เจนตินาไม่มีบริการน้ำดี่มฟรี หญิงสูงอายุเจ้าของร้านโชห่วยเป็น “ซิ้ม” จากเมืองจีน นั่งเก็บเงินอยู่ที่เคาน์เตอร์ เธออยู่ในบัวโนสไอเรสมาสามสิบปีแล้ว พูดฮิสพานิกได้ปร๋อ
ไปไกลจนสุดขอบฟ้าก็หนีไม่พ้นคนจีน
