แคนเบอร์รา, 21 ม.ค. (ซินหัว) -- หน่วยงานวิทยาศาสตร์ระดับสูงของออสเตรเลียพานพบสูญเสียครั้งใหญ่ หลังงานวิจัยที่ทำมานานหลายปีต้องพังพินาศ หลังพายุลูกเห็บซัดถล่มกรุงแคนเบอร์รา เมืองหลวงของประเทศ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (20 ม.ค.)
องค์การวิจัยทางวิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรมแห่งเครือจักรภพ (CSIRO) ยืนยันเมื่อวันอังคาร (21 ม.ค.) ว่าเรือนกระจกในกรุงแคนเบอร์รา จำนวน 65 หลัง ซึ่งเก็บรวบรวมงานวิจัยด้านการเกษตรทั้งหมด ถูกพายุลูกเห็บพัดถล่มเสียหาย
"เรือนกระจกทั้ง 65 หลัง มีงานวิจัยอยู่เยอะมาก เราเสียใจแทนนักวิทยาศาสตร์ของเราจริงๆ เพราะพวกเขาทุ่มเทเวลาหลายปีให้กับงานวิจัยเหล่านั้น" จูดี ซีลเคอ (Judi Zielke) หัวหน้าเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการขององค์การฯ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเอบีซี (ABC)
"โครงการวิจัยเกือบทั้งหมดกำลังจะพังทลาย ช่างน่าเศร้าจริงๆ" ซีลเคอรำพันถึงโครงการวิจัยต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่มุ่งพัฒนาความยั่งยืนของพืชผลทางการเกษตรและใช้เวลาวิจัยมานานมากกว่า 2 ปี "ส่วนใหญ่เป็นการวิจัยด้านสิ่งแวดล้อม เช่น หาวิธีลดการใช้น้ำ สารเคมี และปุ๋ย"
นอกจากจะสร้างความเสียหายแก่งานวิจัยแล้ว พายุลูกดังกล่าวส่งผลให้ไฟฟ้าตามบ้านเรือนดับกว่า 1,000 หลัง โดยหน่วยงานบริการฉุกเฉินเขตนครหลวงออสเตรเลีย (ACT) ได้รับสายโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือมากกว่า 1,900 สาย
ขณะเดียวกันพายุลูกเห็บยังสร้างความเสียหายแก่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติออสเตรเลียและสวนพฤกษศาสตร์หลวง (Royal Botanic Gardens) อีกด้วย
ด้านสภาประกันภัยแห่งออสเตรเลีย (ICA) ประกาศให้พายุลูกดังกล่าวเป็น "ภัยพิบัติ" หลังได้รับการขอใช้สิทธิประกันภัยถึง 11,000 รายการ ส่วนใหญ่เป็นความเสียหายของรถยนต์ที่ถูกลูกเห็บขนาดเท่าลูกกอล์ฟตกใส่
"คำแถลงของสภาฯ หมายความว่าบรรดาบริษัทประกันต้องให้ความสำคัญกับการขอใช้สิทธิประกันเป็นอันดับแรก และต้องหาทางที่ดีที่สุดในการช่วยเหลือลูกค้าโดยเร็วที่สุด" แคมป์เบลล์ ฟูลเลอร์ (Campbell Fuller) จากสภาฯ กล่าว
"เป็นหน้าร้อนที่เคราะห์ซ้ำกรรมซัดจริงๆ … ฤดูภัยพิบัติยังผ่านไปไม่ถึงครี่งเลย"
