โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

'พาณิชย์'ชี้ดีลสงครามทางการค้าชื่นมื่น หนุนส่งออกฟื้น 

เดลินิวส์

อัพเดต 15 ธ.ค. 2562 เวลา 04.54 น. • เผยแพร่ 15 ธ.ค. 2562 เวลา 04.22 น. • Dailynews
'พาณิชย์'ชี้ดีลสงครามทางการค้าชื่นมื่น หนุนส่งออกฟื้น 
“พาณิชย์“เผยดีลเจรจาสงครามทางการค้า"สหรัฐ-จีน"บรรลุข้อตกลงหนุนเศรษฐกิจโลกฟื้น แนะผู้ประกอบการไทยหาช่องทางขยายตลาดส่งออกเพิ่ม

น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า เปิดเผยว่า ขณะนี้สหรัฐฯ และจีนยืนยันบรรลุข้อตกลงการค้าระยะแรก (Phase-1) เรียบร้อยแล้ว ในคืนวันที่ 13 ธ.ค. 62 (ตามเวลาประเทศไทย)  แม้ทั้ง 2 ประเทศยังไม่เปิดเผยเนื้อหาข้อตกลงระยะแรกอย่างเป็นทางการ  ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการทบทวนทางกฎหมาย และขัดเกลาถ้อยคำก่อนเข้าสู่กระบวนการลงนามต่อไป  โดยจะทำให้บรรยากาศทางการค้าดีขึ้น และคลายความกังวลว่าสงครามการค้าจะไม่ลุกลามไปถึงการขึ้นภาษีนำเข้าเต็มจำนวน

ทั้งนี้รายละเอียดข้อตกลงบางส่วนนั้น  สหรัฐฯ เสนอว่า 1. ยกเลิกการขึ้นภาษี 1.6 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ครอบคลุมสินค้าประเภทโทรศัพท์มือถือ แล็ปท็อปคอมพิวเตอร์ เครื่องเล่นวิดีโอเกมส์ โทรทัศน์ วิทยุ จอคอมพิวเตอร์ และสินค้าอื่นผู้บริโภคอื่นๆ เช่น นาฬิกา ของเล่น รองเท้าและเครื่องแต่งกาย (กำหนดเดิมวันที่ 15 ธค. 62) 2. ปรับลดภาษีสินค้า 1.2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐเหลืออัตรา 7.5% (จากเดิม 15% และบังคับใช้แล้วเมื่อวันที่ 1 ก.ย. 62) และคงภาษี 25% สำหรับสินค้ามูลค่า 2.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ 

ขณะที่จีนตกลงในประเด็น 1.การซื้อสินค้าและบริการเพิ่มขึ้นจากสหรัฐฯ มูลค่าไม่ต่ำกว่า 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ในเวลา 2 ปี โดยจีนเน้นย้ำว่าจะต้องสอดคล้องกับความต้องการตลาดและเป็นไปตามข้อตกลงภายใต้ WTO 2. ลดอุปสรรคทางการค้าในภาคการบริการ อาทิ การเงินสาขาการธนาคาร การประกันภัย และหลักทรัพย์ 3. แก้ไขข้อกำหนดเกี่ยวกับการบังคับถ่ายทอดเทคโนโลยี และละเว้นการส่งเสริมการลงทุนในต่างประเทศเพื่อการครอบครองเทคโนโลยีต่างชาติ 4. ละเว้นการดำเนินนโยบายค่าเงินที่สร้างความได้เปรียบทางการค้าอย่างไม่เป็นธรรม พร้อมกันนี้สหรัฐฯ ประกาศเดินหน้าเจรจาข้อตกลงระยะสอง (Phase-2 Deal) ทันที

นอกจากนี้สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) เปิดเผยว่าเนื้อหาของข้อตกลง Phase-1 Deal ประกอบด้วยประเด็นสำคัญเชิงโครงสร้างและการขยายการค้าระหว่างกัน ได้แก่ ทรัพย์สินทางปัญญา การถ่ายทอดเทคโนโลยี สินค้าเกษตร การบริการทางการเงิน อัตราแลกเปลี่ยน การขยายการค้า (ครอบคลุมสินค้าอุตสาหกรรม อาหาร สินค้าเกษตรและอาหารทะเล พลังงาน และภาคบริการ) และกลไกการระงับข้อพิพาท (Dispute Resolution)

" ความสำเร็จของการเจรจาดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของข้อเรียกร้องที่สหรัฐฯ ผลักดันให้จีนแก้ไข โดยทั้ง 2 ฝ่ายต่างต้องการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงการชะลอตัวเศรษฐกิจและผลกระทบต่อธุรกิจและผู้บริโภค โดยข้อตกลงระยะแรกจะช่วยลดภาระภาษีนำเข้าแก่ผู้ประกอบการสหรัฐฯ และช่วยลดแรงกดดันด้านราคาต่อผู้บริโภค รวมถึงการบรรเทาภาวะการส่งออกและเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวต่อเนื่องมาตั้งแต่ปีก่อน  คาดว่าจะช่วยให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ และจีนขยายตัวดีขึ้น และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจโลก รวมถึงการส่งออกไทยให้ขยายตัวมากขึ้น" 

ขณะที่การลดภาษีนำเข้าจากจีนของสหรัฐฯ อาจทำให้ไทยได้ประโยชน์ลดลงจากการเบี่ยงเบนทางการค้า (Trade Diversion) เนื่องจากสินค้าจีนจะกลับเข้าไปในตลาดสหรัฐฯ มากขึ้น ทั้งนี้ ไทยควรกระชับมิตรผู้นำเข้า ควบคู่กับการจัดกิจกรรมส่งเสริมการค้าเพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาดให้มีเสถียรภาพ โดย 3 ไตรมาสแรก ปี 62 สหรัฐฯ นำเข้าจีนลดลง 14% ขณะที่นำเข้าจากไทยเพิ่มขึ้น 2.9% โดยกลุ่มสินค้าส่งออกไทยที่ทดแทนสินค้าจีน ได้แก่ สินค้าเกษตรกรรม อาหารทะเลแช่แข็งและแปรรูป เคมีภัณฑ์และเม็ดพลาสติก ยานยนต์และส่วนประกอบ เครื่องจักร เครื่องมือ และส่วนประกอบ เหล็กและอลูมิเนียม และของใช้ในบ้านและสำนักงาน

อย่างไรก็ดี  ตั้งข้อสังเกตว่าข้อตกลงระยะแรกไม่ระบุเงื่อนไขให้จีนลดภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ ไทยจึงควรเร่งใช้โอกาสในการทดแทนสินค้าสหรัฐฯ ต่อไป ในช่วง 3 ไตรมาสแรก ปี 62 พบว่าไทยสามารถทดแทนสินค้าสหรัฐฯ ในจีนได้ดี โดยจีนนำเข้าจากสหรัฐฯ ลดลง 31.9% ขณะที่นำเข้าจากไทยเพิ่มขึ้น 1.5% โดยเฉพาะอาหารทะเลแช่แข็งและแปรรูป อาหารแปรรูปและเครื่องดื่ม สิ่งทอ เครื่องนุ่งห่มและรองเท้า เครื่องประดับ และเครื่องสำอาง และสิ่งมีชีวิต/ส่วนประกอบของสิ่งมีชีวิต

สำหรับประเด็นการเลือกตั้งสหราชอาณาจักร (UK) วันที่ 12 ธ.ค. 62 นั้น พรรคอนุรักษ์นิยมของนายบอริส จอห์นสัน คว้าชัยชนะได้เสียงข้างมาก 364 จาก 650 ที่นั่งในรัฐสภา ซึ่งการชนะเสียงข้างมากของพรรคอนุรักษ์นิยมสร้างความชอบธรรมในการนำ UK เดินหน้าออกจากสหภาพยุโรป (EU) และคาดว่านายบอริส จอห์นสัน จะเร่งผลักดันร่างกฎหมายการถอนตัวจากสหภาพยุโรป (Withdrawal Agreement Bill) ให้ผ่านความเห็นชอบของรัฐสภา UK ได้ก่อนวันที่ 31 ม.ค. 63 (กำหนดวันเบร็กซิท) ซึ่งจะทำให้ UK มีช่วงเวลาเปลี่ยนผ่าน (Transition Period) 11 เดือน ถึงสิ้นปี 63 ที่สองฝ่ายจะมีการเจรจาความสัมพันธ์ในอนาคตด้านต่างๆ เช่น ด้านเศรษฐกิจ ด้านความมั่นคง โดยในด้านเศรษฐกิจอาจเป็นการเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรี (FTA) ซึ่งจากการประเมินเห็นว่า การเจรจาความสัมพันธ์ในอนาคตระหว่างสองฝ่ายอาจไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ทันในช่วงเวลาเปลี่ยนผ่าน และมีโอกาสที่จะขยายเวลา ซึ่งในร่างกฎหมายการถอนตัวฯ ระบุว่าถ้าสองฝ่ายเห็นพ้องร่วมกันก็สามารถขยายเวลาได้มากที่สุด 2 ปี หรือสิ้นปี 65

"ความสัมพันธ์ทางการค้ากับไทย สหราชอาณาจักรเป็นคู่ค้าอันดับที่ 20 ของไทย และอันดับที่ 2 จาก EU (รองจากเยอรมนี) มีมูลค่าการค้ามากกว่า 7,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี โดยกระทรวงพาณิชย์มีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการค้าและสร้างเครือข่ายธุรกิจกับ UK อย่างต่อเนื่อง ส่งเสริมการขายสินค้าไทยบนเว็บไซต์ซุปเปอร์มาเก็ตออนไลน์ อาทิ Ocado นอกจากนี้ คณะผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงพาณิชย์มีกำหนดเดินทางเยือนสหราชอาณาจักรปีหน้า เพื่อกระชับความสัมพันธ์ทางการค้าการลงทุน ผลักดันการจัดตั้งคณะกรรมาธิการด้านการค้าระหว่างไทยกับ UK (Joint Trade Committee: JTC) ระดับรัฐมนตรี เพื่อเป็นกลไกการหารือระดับทวิภาคีในการแก้ไขปัญหาอุปสรรคทางการค้า การทบทวนนโยบายการค้า (Trade Policy Review) และการต่อยอดไปสู่การจัดทำความตกลงการค้าเสรีไทย-สหราชอาณาจักรต่อไป" 

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0