นับแต่นายกรัฐมนตรี ระบุว่าการปรับ ครม.อาจจะเริ่มตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ทำให้สถานการณ์การเมืองถูกจับตามากขึ้น ประกอบกับ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ เข้าทำหน้าที่หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐอย่างเต็มตัว และสืบเนื่องถึงสมาชิกในกลุ่ม 4 กุมาร แถลงลาออกจากพรรค รวมถึงมีการส่งสัญญาณถามถึงโควต้ารัฐมนตรี
วันนี้ (11 ก.ค.2563) พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี แสดงความกังวลต่อสถานการณ์บ้านเมือง ทั้งการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ความขัดแย้ง และความเหลื่อมล้ำ แม้จะเชื่อมั่นในตัว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับการทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี แต่ก็เสนอให้พิจารณาปรับ ครม.ว่าไม่ควรนำความเกรงใจมาอยู่เหนือประโยชน์ของบ้านเมือง
ตู่เกรงใจป้อมไม่มากก็น้อย แต่การเอาความเกรงใจ มาอยู่เหนือประเทศชาติ มันไม่ถูกต้อง
พล.อ.ชวลิต ชี้ว่าสิ่งสำคัญที่ทุกรัฐบาลต้องคำนึงถึง คือจะต้องรักษาชาติ ศาสน์กษัตริย์ โดยอาศัย 5 เสาหลัก คือการเมืองการปกครอง เศรษฐกิจ สังคม ความมั่นคง และการต่างประเทศ แต่ขณะนี้เสาการเมืองการปกครองมีปัญหาต้องแก้ไข
ขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี เห็นว่าการจัดสรรงบประมาณตาม พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจําปี 2564 ท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจต้องเน้นการเปลี่ยนแปลง เพื่อรองรับเหตุที่เกิดขึ้น แต่กลับไม่เห็นสิ่งที่คาดหวังนี้ จึงเน้นย้ำในภารกิจข้างหน้า ทั้งโรคโควิด การฟื้นฟูเศรษฐกิจ การใช้จ่ายงบประมาณอย่างคุ้มค่า ปราศจากทุจริต ปัญหาความวุ่นวายทางการเมือง ที่รัฐบาลต้องแก้ไข ผ่านการปรับ ครม. ต้องเปิดโอกาสให้ผู้มีความรู้ความสามารถเข้ามาทำงาน เพราะงานที่รออยู่ข้างหน้า อาจยากกว่าที่ผ่านมา
ต้องเอาคนที่มีความรู้ ความสามารถ มีความสุจริต เข้ามาทำงาน โจทย์ของวันนี้มันยากกว่าหลายยุคหลายสมัย ต้องเอาคนที่มีความพร้อมจริง
ส่วนสัญญาณการปรับ ครม.นั้น นายจุรินทร์ ลักษณวิศิฏฐ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่านายกรัฐมนตรียังไม่ส่งสัญญาณใด ๆ พร้อมชี้แจงถึงการสัมนาพรรคประชาธิปัตย์ พูดคุยเรื่องยุทธศาสตร์และการทำงานภายในพรรค โดยยอมรับว่า สมาชิกที่รับหน้าที่รัฐมนตรี เมื่อทำงานแล้ว ย่อมต้องประเมินตัวเองและถูกประเมินจากพรรค แต่ปฏิเสธการจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีของพรรครองรับการปรับ ครม.
