โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

พลเมืองเครือข่าย (Netizen)

ฐานเศรษฐกิจ

เผยแพร่ 18 พ.ค. 2562 เวลา 10.25 น.

เว็บไซต์ Smart Insight รายงานว่า มีผู้ใช้เครือข่ายสื่อสังคมออนไลน์สมํ่าเสมอ (Active Users) ประมาณเดือนละ 3,484 ล้านคน หรือ 45% ของจำนวนประชากรโลก ที่ใช้งานมากที่สุด คือ Facebook ประมาณ 2,320 ล้านคน ตามมาด้วย Instagram มากกว่า 1,000 ล้านคน และ Twitter อยู่ที่ 326 ล้านคน จำนวนผู้ใช้งานสื่อสังคมออนไลน์ที่เพิ่มขึ้นได้ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ เช่น กรณี Arab Spring ที่นำไปสู่การเปลี่ยนรัฐบาลบางประเทศในตะวันออกกลาง ระหว่างการประท้วงมีการ Tweet มากกว่า 2 ล้านครั้งต่อวัน หรือ กรณีบริษัท Cambridge Analytica นำข้อมูลผู้ใช้ Facebook มาวิเคราะห์เพื่อกำหนดกลยุทธ์รณรงค์หาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นต้น

นักเขียนอเมริกัน ไมเคิล ฮอเบน (Michael Hauben) เรียกกลุ่มผู้ใช้งานสื่อสังคมออนไลน์ว่า “พลเมืองเครือข่าย” หรือ “Netizen” ซึ่งเกิดจากการรวมคำในภาษาอังกฤษ 2 คำ คือ Internet และ Citizen ในบางประเทศจะมีชื่อเฉพาะ เช่น เกาหลีใต้จะเรียก K-netizen หรือ Knetz เมื่อใดก็ตาม “Netizen” มีสิ่งที่สนใจร่วมกันในประเด็นใด ก็จะติดเครื่องหมาย Hashtag (#) เพื่อเชื่อมโยงกลายเป็นเครือข่ายบนโลกออนไลน์ขนาดใหญ่ เช่น กรณี Weinstein Effect ที่มีการติดแฮชแท็ก “#MeToo” ในการส่งต่อข้อความถึง 12 ล้านครั้ง ภายใน 24 ชั่วโมง เพื่อเปิดโปงพฤติกรรมของนักสร้างภาพยนตร์ระดับตำนาน ฮาร์วีย์ ไวน์สตีน (Harvey Weinstein) ที่ถูกกล่าวหาว่ามีพฤติกรรมคุกคามทางเพศดาราหญิงมายาวนาน แฮชแท็ก #MeToo กลายเป็นปรากฏการณ์ไวรัล จนนิตยสาร TIME ถึงกับจัดให้เป็นบุคคลแห่งปี 2017

ในอดีต สังคมแบ่งชนชั้นตาม “ฐานันดรศักดิ์” (The Estate) ออกเป็น 4 ประเภท ฐานันดรที่ 1 สำหรับกษัตริย์ และขุนนาง ฐานันดรที่ 2 คือกลุ่มนักบวชหรือผู้นำทางศาสนา ฐานันดรที่ 3 เป็นสามัญชนทั่วไป และฐานันดรที่ 4 ใช้กับสื่อสารมวลชน ซึ่งทำหน้าที่กระจกเงาสะท้อนปัญหาสังคมในด้านต่าง ๆ เทคโนโลยีในยุคดิจิทัลได้เปิดพรมแดนการสื่อสารที่เข้าถึงได้ง่ายในทุกที่ทุกเวลา “พลเมืองเครือข่าย” จากสามัญชนบางส่วนได้กลายเป็น “นักข่าวพลเมือง” อาศัยช่องทางที่เปิดกว้างรายงานและแสดงความคิดเห็นของตนเองในที่สาธารณะ กลายเป็นกลุ่มชนชั้นใหม่เรียกว่า ‘ฐานันดรที่ 3.5” ซึ่งบางครั้งได้รับความนิยมมากกว่าสื่อสารมวลชนเนื่องจากสามารถให้ข้อเท็จจริงทั้งเนื้อหาและภาพอย่างรวดเร็ว รวมทั้งมุมมองที่หลากหลาย อีกทั้งยังให้ผู้ติดตามเข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นได้อย่างอิสระ หลายคนจึงชอบอ่านข้อเขียนของ Blogger โดย “พลเมืองเครือข่าย“ มากกว่ารอรายงานข่าวจากสื่อมวลชนทั่วไป

ข้อได้เปรียบอีกประการของ “พลเมืองเครือข่าย” คือ การใช้งานในระบบออนไลน์จะอยู่บนหลักพื้นฐานของ “ความเสมอภาคทางเน็ต (Net Neutrality)” ผู้ให้บริการเช่น แอมะซอน กูเกิล ยูทูป ส่งข้อมูลไปตามเส้นทางที่ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตเป็นเจ้าของ ‘ความเสมอภาคทางเน็ต’ กำหนดให้เจ้าของอินเทอร์เน็ตต้องให้บริการอย่างเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลของกูเกิล หรือจากบริษัทขนาดเล็ก ต่างก็สัญจรไปบนเส้นทางเดียวกัน ด้วยความเร็วเท่ากัน ผู้ให้บริการไม่สามารถเลือกว่าจะให้บริการเป็นพิเศษแก่ใครได้ “ความเสมอภาคทางเน็ต” ทำให้เกิดการแข่งขันสร้างนวัตกรรม ช่วยให้กิจกรรมบนโลกออนไลน์ของ “พลเมืองเครือข่าย” ขยายตัวอย่างรวดเร็ว

นอกจาก ‘ความเสมอภาคทางเน็ต’ ‘กลุ่มความร่วมมือด้านสิทธิและหลักการอินเทอร์เน็ต (Internet Rights and Principles Dynamic Coalition)’ หรือ IRPC จากภาครัฐ ธุรกิจและประชาชนในหลายประเทศ ได้ร่วมกันประกาศหลักการอินเตอร์เน็ตและสิทธิพื้นฐานของ ‘พลเมืองเครือข่าย’ เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2554 ณ กรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา จัดการ และดูแลอินเตอร์เน็ต โดยประยุกต์จากหลักการสิทธิมนุษยชนสากล โดยครอบคลุมประเด็นต่างๆ เช่น สิทธิในการเข้าถึงและใช้อินเตอร์เน็ตที่ปลอดภัย สิทธิในการค้นหา ได้รับ และแจ้งข้อมูลข่าวสารอย่างเสรี สิทธิในการคบค้าสมาคมกันบนอินเทอร์เน็ต สิทธิในการแสดงความเป็นส่วนตัว สิทธิในการเข้ารหัส และสิทธิที่จะไม่เปิดเผยตัวตน ซึ่งสิทธิดังกล่าวนี้รวมถึงต้องปราศจากการถูกสอดส่องตรวจตรา และได้รับการคุ้มครองข้อมูล นอกจากนี้ ความหลากหลายทางภาษาและวัฒนธรรมบนอินเตอร์เน็ต จะต้องได้รับการส่งเสริม เพื่ออำนวยความเป็นพหุลักษณ์ในการแสดงออก ไม่ถูกเลือกปฏิบัติ และเป็นอิสระจากการถูกจัดลำดับ กรอง และควบคุมการจราจรอย่างแบ่งแยก ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลทางการค้า การเมือง หรือเหตุผลอื่นใด

สำหรับประเทศไทยได้มีการก่อตั้ง “เครือข่ายพลเมืองเน็ต (Thai Netizen Network)” ตั้งแต่ปี 2551 เพื่อสนับสนุนผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ ในเรื่องสิทธิการเข้าถึงข้อมูล สิทธิในการคิดและแสดงออก สิทธิความเป็นส่วนตัว สิทธิในการร่วมออกแบบนโยบาย และสิทธิในการเป็นเจ้าของและใช้ทรัพยากร เครือข่ายดังกล่าวมีการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ เช่น ติดตามประเด็นเทคโนโลยีและการสื่อสารที่เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน  วิจัยเชิงนโยบายและรณรงค์ขับเคลื่อนบนฐานงานวิจัย พัฒนาทักษะผู้ใช้เน็ตและสื่อพลเมือง รวมทั้งเปิดพื้นที่ความคิดเห็นเรื่องสิทธิเสรีภาพ นโยบายสื่อ และวัฒนธรรมดิจิทัล 

หน้า 22 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,470 วันที่ 16 - 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0