พลิกโผ!! “โค้ชแบน”ธชตวัน ศรีปาน อดีตกองกลางตัวเก่งทีมชาติไทย ที่ก่อนหน้านี้เป็นตัวเต็งอันดับต้นๆ ที่จะเข้ารับงานหัวหน้าผู้ฝึกสอนเยาวชนทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี แต่ล่าสุดแหล่งข่าววงในเผยมีความเป็นไปได้น้อยมาก เนื่องจากสมาคมลูกหนังไทยวางตัวกุนซือเอาไว้แล้ว โดยบอกได้เพียงเป็นโค้ชต่างชาติ
พลิกโผ!! ความคืบหน้าการสรรหาหัวหน้าผู้ฝึกสอนเยาวชนทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี หลังจากที่ อเล็กซานเดอร์ กามา ประกาศลาออกจากตำแหน่ง ก่อนเข้ารับงานกุนซือใหญ่ “กิเลนผยอง”เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด โดยก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่า “โค้ชแบน”ธชตวัน ศรีปาน อดีตกองกลางทีมชาติไทย ซึ่งเพิ่งลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าโค้ช “ช้างศึกยุทธหัตถี”สุพรรณบุรี เอฟซี เป็นตัวเต็งที่จะได้เข้ารับตำแหน่งแทน
เกาะติดข่าวกีฬา แค่กดติดตาม ไลน์@ข่าวสดกีฬา ที่นี่
ล่าสุดผู้บริหารสมาคมฟุตบอลท่านหนึ่งรายงานว่าโอกาสที่โค้ชแบนจะได้รับตำแหน่งหัวหน้าผู้ฝึกสอนเยาวชนไทย เพื่อลุยศึกซีเกมส์ช่วงปลายปีนี้ที่ประเทศฟิลิปปินส์ รวมถึงฟุตบอลเยาวชนชิงแชมป์เอเชีย รอบสุดท้าย ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ ในต้นปีหน้า เพื่อคัดเอา 3 ทีมจากทวีปเอเชีย เข้าร่วมแข่งขันฟุตบอลโอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่ประเทศญี่ปุ่นนั้นมีความเป็นไปได้ยาก เนื่องจากในสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ยังมีความเห็นไม่ตรงกันและส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยหากจะแต่งตั้งอดีตนักเตะขวัญใจชาวไทยรายนี้เป็นหัวหน้าโค้ช
แหล่งข่าวรายดังกล่าวเผยอีกว่าความจริงแล้วมีโค้ชชาวไทยที่มีความสามารถหลายคนต้องการเข้ามาช่วยสมาคมทำทีมฟุตบอลเยาวชนไทย แต่อย่างที่บอกไปว่าหลายฝ่ายในสมาคมไม่เห็นด้วย จึงต้องพับแผน โดยหันไปใช้บริการโค้ชต่างชาติแทน
“ความจริงคนที่เหมาะกับทีมเยาวชนไทยรุ่นไม่เกิน 23 ปีคือ โค้ชโย่ง (วรวุธ ศรีมะฆะ) แต่เนื่องจากเป็นคนโผงผาง และพูดตรงเกินไปทำให้แฟนบอลชาวไทยส่วนใหญ่ไม่ชื่นชอบ ขณะที่โค้ชแบนโดยส่วนตัวผมยอมรับว่าเป็นคนมีฝีมือและน่าให้การสนันสนุน แต่ในเมื่อหลายฝ่ายในสมาคมฟุตบอลไม่เห็นด้วย คงต้องยอมรับความเห็น ถึงตรงนี้คงเป็นไปได้ยากที่โค้ชแบนจะได้งานคุมทีมเยาวชนเพราะสมาคมล็อกเป้าไว้แล้วว่าจะใช้โค้ชต่างชาติ แต่ผมคงพูดหรือบอกอะไรไปมากกว่านี้ไม่ได้ เนื่องจากการเจรจายังไม่สิ้นสุด”
“ส่วนกรณีที่มีโค้ชทั้งญี่ปุ่น และเกาหลีใต้จำนวนมากเสนอตัวเข้ามาทำทีมชาติไทย เพราะเห็นว่า ปาร์ค ฮัง ซอ ทำผลงานได้ดีมากกับทีมชาติเวียดนาม ทั้งที่ไม่เคยประสบความสำเร็จในประเทศตัวเอง โค้ชเหล่านี้จึงอยากมาพิสูจน์ฝีมือสู้กับปาร์ค ฮัง ซอ เพราะถือว่าตนเองมีโปรไฟล์ดีกว่า แต่ส่วนตัวผมไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่เนื่องจากนักเตะไทยยังต้องการการสั่งสอน นักเตะไทยส่วนใหญ่ยังไม่สมบูรณ์พร้อม การเข้ามาเพื่อสร้างแรงจูงใจเพียงอย่างเดียวคงไม่เกิดประโยชน์อะไรมากนัก”
