โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

พลิกหน้าประวัติศาสตร์ ‘มนุษย์กินคน’ ซีอุย แซ่อึ้ง ผิดจริงหรือแพะรับบาป ?

Horrorism

อัพเดต 10 มี.ค. 2563 เวลา 00.00 น. • เผยแพร่ 10 มี.ค. 2563 เวลา 07.40 น. • Horrorism

 

ซีอุย (หลีอุย) แซ่อึ้ง

ที่มาของภาพ : ThaiPBS

 

       เมื่อกล่าวถึง มนุษย์กินคน ที่ชอบจับเด็กไปกินตับแล้วนั้น แน่นอนว่าชื่อแรกที่หลาย ๆ คนนึกถึงก็คงจะเป็นชื่อของ ซีอุย ชายชาวจีนที่ถูกจับในคดีฆาตกรรมและชำแหละเด็กกว่า 7 ศพ เพื่อนำตับและหัวใจไปต้มกินเมื่อ 50 กว่าปีก่อน แต่ทว่าเมื่อเวลาผ่านไปความจริงที่ถูกฝังกลบไว้ในอดีตกลับเริ่มปรากฏชัดขึ้นเรื่อย ๆ จนมีการตั้งคำถามว่า หรือแท้จริงแล้ว

ซีอุย ‘ไม่เคยกินคน’

 

ที่มาของภาพ : tnews

                                                                                                                              

       ย้อนกลับไปเมื่อปี พ.ศ. 2501 ซีอุยถูกจับกุมในข้อหาฆาตกรรม เด็กชายสมบุญ บุณยกาญจน์ ซึ่งคาดว่าเป็นเหยื่อรายสุดท้ายที่ถูกซีอุยฆ่า โดยโดนจับกุมตัวได้ที่ ต.เนินพระ อ.เมือง จ.ระยอง โดยทางครอบครัวยืนยันว่าเห็นกับตาในขณะที่กำลังออกตามหาเด็กชายสมบุญ เห็นซีอุยกำลังกวาดเศษใบไม้และใช้มีดตัดกิ่งไม้ใบไม้เพื่อจะเผาอำพรางศพของเด็กชายสมบุญ แต่ยังไม่ทันได้เผาก็มีคนมาพบเสียก่อน ทางครอบครัวและชาวบ้านจึงรีบจับตัวซีอุยเอาไว้

 

ที่มาของภาพ : thaipbs

 

       สภาพศพของเด็กชายสมบุญถูกผ่าเป็นทางยาวตั้งแต่บริเวณหลอดลมจนถึงสะดือ หลังจากการตรวจค้นบ้านของซีอุยนั้นพบว่ามีตับกับหัวใจที่ถูกหั่นและใส่จานเอาไว้ ซึ่งจากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่บอกได้เพียงว่าเป็นอวัยวะที่คล้ายคลึงกับอวัยวะของมนุษย์ จากคำให้สัมภาษณ์ของ นายนาวี บุณยกาญจน์ น้องชายของผู้เสียชีวิตที่เล่าว่าตนเองได้เดินทางไปซื้อผักกับพี่ชายและคนงานอีกคนหนึ่ง แต่เพราะกางเกงขาดจึงแวะปะกางเกง ไม่ได้เดินไปที่สวนของซีอุยกับพี่ชายด้วย และในวันที่ออกตามหาพี่ชายตนเองก็ได้ออกไปด้วยและเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างว่าซีอุยกำลังจะเผาพี่ชายของตนเองต่อหน้าต่อตา ภายหลังซีอุยจึงยอมรับสารภาพทุกอย่างในคดีนี้

 

       แต่เรื่องราวของตำนานมนุษย์กินคนนั้นไม่ได้เกิดขึ้นเพราะเหตุฆาตกรรมเพียงคดีเดียว หากแต่ภายหลังที่ซีอุยถูกจับกุมตัวได้นั้น ทุกคดีที่เกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมเด็กหรือมีลักษณะของการผ่าชำแหละก็ถูกส่งสำนวนมาที่สถานีตำรวจจังหวัดระยองทั้งสิ้น และทำให้ซีอุยถูกเชื่อมโยงไปกับคดีฆาตกรรมอื่น ๆ อีกรวม 6 คดี ซึ่งซีอุยยอมรับสารภาพทุกคดี แม้ว่าก่อนหน้านี้ให้การปฏิเสธก็ตาม

 

ที่มาของภาพ : youtube

 

       คดีที่ 1 เหยื่อรายแรกของซีอุยคือ เด็กหญิงบังอร ภมรสูตร อายุ 8 ขวบ ที่ถูกคนร้ายใช้มีดแทงที่คอ โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นที่ อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซีอุยให้การรับสารภาพว่า “…รุ่งขึ้นก็ทราบว่าเด็กที่ถูกข้าฯ ทำร้ายถึงแก่ความตาย” แต่ในความเป็นจริงนั้นเด็กหญิงบังอรรอดชีวิตมาได้อย่างหวุดหวิด และเป็นเหยื่อรายเดียวใน 7คดีที่ซีอุยรับสารภาพที่สามารถรอดมาได้ ซึ่งก็ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าทำไมคำให้การของซีอุยถึงไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ต่อมาจึงมีรายการดังหลายรายการที่ต้องการสืบหาความจริงเหล่านี้และได้ไปสัมภาษณ์ นายโสภณ ภมรสูตร น้องชายของเหยื่อในคดีนี้ เขาเล่าว่าแท้จริงแล้วซีอุยไม่ได้เป็นคนทำร้ายพี่สาวตนเอง แต่เนื่องจากพี่สาวสัญญากับผู้เป็นพ่อไว้ว่าจะไม่พูดเรื่องนี้อีก ตนเองจึงไปแอบถามจนรู้มาว่าคนที่ทำร้ายพี่สาวตนเองนั้นคือ นายเกลี้ยง พี่ชายของภรรยาปลัดอำเภอ ที่ชาวทับสะแกต่างหวาดกลัว เพราะเล่ากันว่านายเกลี้ยงเป็นคนสติไม่ดี และมักจะแบกจอบไปไหนมาไหนอยู่เสมอ จนมีฉายาว่า *‘เกลี้ยงแบกจอบ’ *

 

 

 

ภาพมารดา เด็กหญิงนิด แซภู่

ที่มาของภาพ: liekr

 

       คดีที่ 2เหยื่อคือ เด็กหญิงนิด แซ่ภู่ อายุ 10 ขวบ น่าเศร้าที่เหยื่อรายนี้ไม่ได้โชคดีนัก เพราะเธอไม่มีโอกาสรอดชีวิตจากการกระทำอันโหดร้ายนั้น เหยื่อรายที่ 2 นี้ถูกพบศพบริเวณ อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ เช่นเดียวกันกับคดีแรก สภาพศพถูกเชือดคอและมีรอยผ่าชำแหละยาวตั้งแต่บริเวณคางจนยาวไปถึงอกและท้อง (ตามคำบอกเล่าของพี่ชายผู้ตาย) แต่ก็น่าแปลกที่ซีอุยยอมรับสารภาพในคดีอีกเช่นเดียวกัน แต่ทว่าทางครอบครัวและชาวบ้านในพื้นที่กลับไม่มีใครเชื่อว่าซีอุยเป็นคนทำ นายประสาร ลลิตมงคล น้องชายของผู้ตายยืนยันด้วยตนเองผ่านรายการที่เข้าไปสัมภาษณ์ว่า คนที่ทำร้ายน้องสาวของตนเองนั้นไม่ใช่ซีอุยอย่างแน่นอน และยังกล่าวถึงชื่อของนายเกลี้ยงว่าเป็นผู้ก่อเหตุเช่นเดียวกับคดีแรก และมารดาของผู้ตายยังให้สัมภาษณ์อีกว่า ผู้คนในบริเวณนั้นต่างเห็นกันทั่วว่ามีชิ้นเนื้อของลูกสาวตนเองอยู่ในกระเป๋ากางเกงของนายเกลี้ยง แต่ก็เอาผิดอะไรไม่ได้ เพราะอำนาจของปลัดอำเภอนั่นเอง

 

ร้อยตำรวจตรี ประจวบ ฉลาดแพทย์

ที่มาของภาพ : youtube

 

       คดีที่ 3เหยื่อคือ เด็กหญิงลิ้มเฮียง แซ่เล้า เป็นอีกหนึ่งคดีที่เกิดขึ้นที่ อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ เช่นเดียวกัน และซีอุยก็ยอมรับสารภาพว่าตนเองได้อุ้มเด็กหญิงลิ้มเฮียงเข้าไปในป่าและใช้มือปิดจมูกปิดปาก แล้วจึงใช้มีดพกแทงไปที่คอ ซึ่งเมื่อพิจารณาจากคำให้การของซีอุยแล้วนั้น ทำให้เห็นได้ว่ามีข้อมูลหลายส่วนที่ไม่ตรงกับข้อมูลที่บันทึกไว้ ณ สถานีตำรวจท้องถิ่น เพราะคดีของเด็กหญิงลิ้มเฮียงนั้นปรากฏว่ามีการข่มขืนเกิดขึ้นด้วย ซึ่งจากคำรับสารภาพของซีอุยไม่ได้มีการพูดเรื่องการข่มขืนไว้เลย และที่น่าตกใจคือ จากคำให้สัมภาษณ์ของร้อยตำรวจตรี ประจวบ ฉลาดแพทย์ อดีตพนักงานสืบสวน สภอ.ทับสะแก ผู้ที่รับผิดชอบในคดีของเด็กหญิงลิ้มเฮียงในขณะนั้นเล่าว่า ตนเองได้จับผู้ร้ายที่ก่อเหตุในคดีนี้ได้แล้วทั้งสองคน ซึ่งผู้ต้องหายอมรับสารภาพ นั่นแสดงว่าซีอุยไม่ได้ก่อเหตุในคดีที่ 3 นี้อย่างแน่นอน

 

ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์

ที่มาของภาพ : pixabay

 

       คดีที่ 4 เหยื่อคือเด็กหญิงกำหงัน แซ่ลี้ คดีนี้เกิดขึ้นที่ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งซีอุยยอมรับสารภาพในภายหลังว่าเห็นเด็กหญิง 2 คนเดินข้ามสะพานในบริเวณใกล้ ๆ โรงลิเก เขาจึงใช้ขนมหลอกล่อและอุ้มเด็กหญิงคนหนึ่งไปก่อนจะใช้มีดแทงคอและเฉือนเอาเนื้อที่คอไป 1 ก้อน และไม่มีการผ่าอกผ่าท้องเหมือนดังคดีก่อน ๆ ที่เขามักจะรับสารภาพว่าได้ผ่าเอาตับและหัวใจไปต้มกิน และในคดีนี้หลักฐานที่บ่งชี้ว่าซีอุยเป็นฆาตกรนั้นก็ดูจะมีเพียงคำรับสารภาพของเขาเท่านั้นเอง     

 

ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์

ที่มาของภาพ : pixabay

 

       คดีที่ 5 เหยื่อในคดีนี้คือ เด็กหญิงลี่จู แซ่ตั้ง ลูกสาวของเสี่ยใหญ่แถวเยาวราช เธอหายตัวไปในขณะที่ไปดูงิ้วกับผู้เป็นแม่ จนกระทั่งพบศพบริเวณสถานีรถไฟจิตรลดาในตอนเช้าตรู่ของวันที่ 29 พฤศจิกายน 2497 สถานที่เกิดเหตุนอกจากรอยเลือดและศพแล้ว ก็ไม่พบหลักฐานใด ๆ ที่จะชี้ตัวคนร้ายได้นอกจากรอยเท้าที่เปื้อนเลือดเดินจิกไปบนพื้นเท่านั้น ซึ่งตามคำรับสารภาพของซีอุยนั้นสามารถเล่ารายละเอียดของเหตุการณ์ได้เป็นฉาก ๆ ทั้งวิธีการลงมือหรือชื่อสถานที่ต่าง ๆ ซึ่งก็น่าแปลกที่คนไม่รู้ภาษาไทยอย่างซีอุยจะสามารถจดจำชื่อสถานที่ต่าง ๆ ได้อย่างแม่นยำ และสิ่งที่ผิดสังเกตอีกอย่างหนึ่งก็คือ ซีอุยเล่าว่าได้ผ่าเอาหัวใจและตับรวมทั้งอวัยวะเพศไปด้วย หากแต่ตามความเป็นจริงนั้นสิ่งที่หายไปจากร่างกายของศพนั้นมีเพียงอวัยวะเท่านั้นที่ถูกปาดไป

 

ที่มาของภาพ : mpics.mgronline

 

       คดีที่ 6 เหยื่อคือ เด็กหญิงซิ่วจู แซ่ตั้ง เหตุเกิดหลังจากคดีที่ 5 ประมาณ 3 ปีที่ อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม ซึ่งพบศพถูกทิ้งไว้ในถ้ำองค์พระปฐมเจดีย์ ซึ่งคดีนี้ซีอุยก็ได้รับสารภาพว่าได้ชำแหละเอาตับและหัวใจของศพไปต้มกิน หากแต่ที่น่าตกใจคือเครื่องในของเด็กหญิงซิ่วจูนั้นยังอยู่ ไม่ได้ถูกควักออกไปแต่อย่างใด

 

       ซึ่งจากข้อมูลทั้งหมดที่กล่าวมานี้เห็นได้ชัดว่า ทั้ง 6 คดีนอกเหนือจากคดีเด็กชายสมบุญที่จังหวัดระยองนั้น ไม่มีหลักฐานอะไรเลยที่ระบุว่าซีอุยเป็นคนก่อเหตุและผ่าเอาเครื่องในของศพไปต้มกิน ซึ่งแม้แต่ญาติของเหยื่อในหลาย ๆ คดีก็ยังไม่เชื่อว่าซีอุยนั้นเป็นคนทำ แล้วเพราะอะไรซีอุยจึงยอมรับสารภาพว่าเป็นคนก่อเหตุ และเพราะอะไรซีอุยจึงถูกสังคมประณามว่า มนุษย์กินคน จนล่าสุดเมื่อเวลา 10.55 น. ที่ผ่านมา มีคนเข้าร่วมลงชื่อในแคมเปญ ‘นำร่างซีอุย แซ่อึ้งออกจากพิพิธภัณฑ์ศิริราช คืนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ล้างฉายามนุษย์กินคน’ ในเว็บไซต์ https://www.change.org/p/ผู้บริหารพิพิธภัณฑ์การแพทย์ศิริราช-นําร่างซีอุย-แซ่อึ้งออกจากพิพิธภัณฑ์ศิริราช-คืนศักดิ กว่า 10,726 รายชื่อ ซึ่งกำลังเป็นกระแสที่ถกเถียงกันอย่างหนักว่าสมควรแล้วหรือไม่ที่ร่างของซีอุยต้องถูกตั้งโชว์อยู่ที่พิพิธภัณฑ์โดยที่เขาไม่ได้ก่อเหตุกินคนเลยแม้สักครั้งเดียว

 

       แต่อย่างไรก็ตามมีคนจำนวนไม่น้อยที่คิดว่า อย่างน้อยซีอุยเองก็ได้ก่อเหตุฆาตกรรมเด็กชายสมบุญจริง ด้วยทางครอบครัวและชาวบ้านเห็นกับตา นั่นจึงเป็นข้อสงสัยที่ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่า ทำไมนายซีอุยที่ชาวบ้านหรือคนใกล้ชิดในหลาย ๆ พื้นที่ต่างบอกว่าเขาเป็นคนดี ไม่สู้คน และไม่สามารถที่จะฆ่าใครได้ กลับลงมือฆ่าและผ่าท้องเด็กชายสมบุญ รวมทั้งถ้าอีก 6 คดีที่เขายอมรับสารภาพทั้งหมดนั้นเขาไม่ได้เป็นคนก่อเหตุแล้วมีเหตุผลอะไรที่ทำให้ซีอุยต้องยอมรับสารภาพ จนชื่อของเขากลายมาเป็นตำนานที่เล่าขานกันมาหลายทศวรรษเช่นนี้

 

ข้อมูลอ้างอิงและภาพประกอบ : พลิกหน้าประวัติศาสตร์ ‘มนุษย์กินคน’ ซีอุย แซ่อึ้ง ผิดจริงหรือแพะรับบาป ? 

 

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0