พลิกประวัติ “หลวงปู่พุทธะอิสระ” แห่งวัดอ้อน้อย

ในขณะที่ยังคงเป็นประเด็นร้อน ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุมตัว “พระพุทธะอิสระ” ฝากขังศาลอาญา พร้อมคัดค้านการประกันตัว และยังคงน่าจับตาต่อไปถึงอนาคตของอดีตเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม นิว 18 ก็ขอเปิดประวัติของ “หลวงปู่พุทธะอิสระ” กันแบบเจาะลึก

“หลวงปู่พุทธะอิสระ” หรือ “พระสุวิทย์ ธีรธมฺโม” มีภูมิลำเนาเป็นชาวกรุงเทพฯ โดยกำเนิด แต่บรรพบุรุษตั้งรกรากอยู่ที่จ.นครปฐม
“หลวงปู่พุทธะอิสระ” เกิดเมื่อวันที่ 1 ม.ค. 2499 โดย คุณพ่อชมภู และ คุณแม่อัมพร ได้ตั้งชื่อให้บุตรชายว่า สุวิทย์ ทองประเสริฐ โดยเส้นทางการศึกษาในทางโลกนั้นร่ำเรียนไม่จบชั้นประถมปีที่ 4 ทว่ากลับประสบความสำเร็จในทางธรรม โดยสามารถศึกษาจนจบระดับนักธรรมเอก

“หลวงปู่พุทธะอิสระ” เริ่มบวชเรียน ครั้งแรกเมื่ออายุ 20 ปี โดยบวชที่วัดคลองเตยใน เขตคลองเตย กรุงเทพฯ โดยมีพระครูธีราภินันท์ เจ้าอาวาสวัดคลองเตยใน เป็นพระอุปัชฌาย์ โดยบวชเรียนได้เพียงพรรษาเดียว ก็สึกออกไปเป็นทหาร 2 ปี หลังเสร็จภารกิจทางทหาร ก็กลับมาบวชใหม่ที่วัดเดิม คือวัดคลองเตยใน เมื่อวันที่ 16 ม.ค. 2526 โดยมีพระครูธีราภินันท์ เจ้าอาวาสวัดคลองเตยใน เป็นพระอุปัชฌาย์เช่นเดิม และพระครูวรกิจวิวัฒน์ เจ้าอาวาสวัดภาษี เขตคลองเตย กรุงเทพฯ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระครูวินัยธรสมพงษ์ วัดคลองเตยใน เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า "ธมฺมธีโร" แปลว่า "ปราชญ์ทางธรรม
หลังจากที่บวชเรียนที่วัดคลองเตยในได้ประมาณ 6 ปี ก็มาสร้างวัดอ้อน้อย ที่ ต.ห้วยขวาง อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ในปี 2532 โดยอุบาสิกาทองห่อ วิสุทธิผล เป็นผู้บริจาคที่ดินผืนนี้ให้ สร้างวัดเสร็จเป็นรูปเป็นร่างภายใน 3 ปี ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา ยกฐานะขึ้นเป็นวัด ชื่อว่า "วัดอ้อน้อย"

หลังจากนั้น “หลวงปู่พุทธะอิสระ” ก็ออกธุดงค์เพื่อฝึกฝนปฏิบัติธรรมอย่างจริงจังเป็นเวลากว่า 5 ปี ก่อนจะกลับมาปกครองดูแลวัดอ้อน้อยอีกครั้ง เมื่อได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสเมื่อวันที่ 1 เม.ย. 2538
ต่อมาในวันที่ 1 ต.ค. 2542 “หลวงปู่พุทธะอิสระ” ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าคณะตำบลห้วยขวาง แทนเจ้าคณะเก่าที่มรณภาพไป หลังจากนั้นเมื่อในวันที่ 16 ก.ย.2544 หลวงปู่ได้ยื่นหนังสือลาออกจากทุกตำแหน่งอย่างเป็นทางการ กับเจ้าคณะจังหวัดนครปฐม

สำหรับที่มาของฉายา "พุทธะอิสระ" นั้นหลวงปู่ได้ให้ความหมายว่า "พุทธะ" แปลว่า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ย่อมมีเสรีภาพอิสระต่อตาเห็นรูป หูฟังเสียง จมูกได้กลิ่น ลิ้นรับรส กายถูกต้องสัมผัส ไม่ตกเป็นทาสของอารมณ์ ไม่ทำอารมณ์ให้เป็นอะไร เพราะเรามีธรรมะในหัวใจ ย่อมอิสระกับทุกเรื่องที่พบพานเจอะเจอและเห็นนั่นเอง
ต่อมาในระหว่างที่เกิดวิกฤตการณ์การเมืองไทย พ.ศ. 2556–2557 “หลวงปู่พุทธะอิสระ” ได้เข้าร่วมกับกปปส. (คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข) ในการชุมนุมขับไล่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยได้ขึ้นเวทีแสดงธรรมและให้กำลังใจผู้ชุมนุมหลายครั้ง ก่อนหน้าที่จะได้เป็นแกนนำของผู้ชุมนุมที่เวทีแจ้งวัฒนะ ตั้งแต่วันที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2557 กระทั่งในวันที่ 14 พ.ค. ปีเดียวกัน ศาลอาญาอนุมัติหมายจับแกนนำ กปปส. รวม 43 คน หน้าที่ในฐานะแกนนำผู้ชุมนุมที่เวทีแจ้งวัฒนะของ “หลวงปู่พุทธะอิสระ” จึงได้สิ้นสุดลง

อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากกิจการการงานกับวัดอ้อน้อยผ่านโครงการต่างๆ มากมาย เช่น โครงการเผยแผ่ธรรม ด้วยหนังสือธรรมะและเทปเสียง, โครงการเผยแผ่ธรรม ทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์, โครงการแจกทุนการศึกษา อาหาร ยารักษาโรค แก่ผู้ยากไร เป็นต้น “หลวงปู่พุทธะอิสระ” ก็ยังได้แสดงทรรศนะรวมถึงมีความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับกรณีอื้อฉาวในแวดวงสงฆ์อีกหลายต่อหลายครั้งอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน
ข้อมูล www.onoi.org