โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

พลังประชารัฐปูดเอง เขี่ยประชาธิปัตย์พ้นคณะรัฐมนตรี

ไทยรัฐออนไลน์ - Politics

อัพเดต 08 ธ.ค. 2562 เวลา 17.36 น. • เผยแพร่ 08 ธ.ค. 2562 เวลา 22.02 น.
ภาพไฮไลต์
ภาพไฮไลต์

สุดดื้อคุมยาก พท.ลั่นเอาผิด พรรคแก๊งดูด

ควันหลงสภาล่มซ้ำซาก “บิ๊กรัฐบาล” ฉุน ปชป.ดื้อแพ่ง คุมกันเองไม่ได้ ทั้งยังไม่มีมาตรการลงโทษ ปล่อยให้ออกมาจวกรัฐบาลไม่หยุด สุมแรงแค้นเดิมที่ทำงานไม่เข้าขาปัญหาเยอะ เตรียมลอยแพพ้นรัฐบาล แยกส่วนคงเหลือไว้เพียงปีก กปปส.ใกล้ชิด “เทพเทือก” พร้อมเดินเกมดึงเสียง “งูเห่า” ฝ่ายค้านเติมเสียงคงเสถียรภาพรัฐบาล เผยมาตรการแรกริบเก้าอี้ รมต.1 ตัวให้พรรคเศรษฐกิจใหม่ โหร คมช.ชี้ปี 63 ปรับ ครม.สลับพรรคเข้า-ออก อาจได้เห็นสิ่งที่เป็นไปได้ยากเกิดขึ้น บางพรรคที่ประกาศไม่เผาผีมาร่วมทำงานกันเพื่อบ้านเมือง ส่วนพวกไม่หวังดีจะพ้นสภาพไป “พุทธิพงษ์” รอชัดเจนเปิดดีลดึง ศม.ร่วมรัฐบาล “วิรัช” มั่นใจวาระตั้ง กมธ.รธน.รัฐบาลไปทางเดียวกัน ไร้ปัญหา “เทพไท” ยืดอกโหวตตามอุดมการณ์ ขึ้นธรรมาสน์แจงเงื่อนไขยกมือให้รัฐบาล พท.สับ พปชร.แกล้งโง่กรณี “งูเห่า”

ขู่งัดหลักฐานจ้องซื้อตัวร้องยุบพรรค แฉแข่งกันโชว์ป๋าล็อบบี้ดูดเสียงฝ่ายค้านสืบเนื่องจากปรากฏการณ์ “งูเห่า” มี ส.ส.จากพรรคร่วมฝ่ายค้านมาโหวตเป็นองค์ประชุมให้ฝ่ายรัฐบาลนับ 10 คน โดยพรรคเศรษฐกิจใหม่มากันเกือบยกพรรค ส่งสัญญาณพลิกขั้วมาร่วมรัฐบาล ขณะที่แกนนำรัฐบาลก็อ้าแขนพร้อมต้อนรับเต็มที่ ขณะที่ปัญหาภายในพรรคร่วมรัฐบาลยังคงคุกรุ่น กระแสข่าวความไม่พอใจพรรคประชาธิปัตย์ชักเริ่มหนาหู จนอาจมีปฏิบัติการบางอย่าง

“บิ๊กรัฐบาล” ฉุน ปชป.คุมกันเองไม่ได้

เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรค พลังประชารัฐว่า ภายหลังจากที่สภาผู้แทนราษฎรลงมติไม่ตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญศึกษาผลกระทบจากประกาศคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และการใช้อำนาจของหัวหน้า คสช. ตามมาตรา 44 ไปเมื่อวันที่ 4 ธ.ค. ปรากฏว่ามี 10 เสียง ส.ส.ฝ่ายค้าน มาช่วยเป็นองค์ประชุม แต่ขณะที่ 6 ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เห็นสวนทางกับรัฐบาลให้ตั้ง กมธ.ชุดดังกล่าว และยังคงลงมติยืนยันตามเดิม 4 ราย ประกอบด้วย นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย นายเทพไท เสนพงศ์ นายพนิต วิกิตเศรษฐ์ และนายอันวาร์ สาและ ส่วนอีก 2 รายคือ นางกันตวรรณ ตันเถียร ส.ส.พังงา และนายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ ส.ส.ตาก ร่วมแสดงตนเป็นองค์ประชุม แต่ไม่ออกเสียงลงมตินั้น ได้สร้างความไม่พอใจให้กับแกนนำระดับสูงของรัฐบาลเป็นอย่างมาก เนื่องจากได้กำชับกับแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค และนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค ให้ควบคุมการลงมติของลูกพรรคแล้ว ทั้งในระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) และในช่วงงานเลี้ยงสังสรรค์พรรคร่วมรัฐบาล เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. พร้อมระบุด้วยว่าหากไม่สามารถควบคุม ส.ส.รัฐบาลได้ อาจจำเป็นต้องปรับ ครม.หรือยุบสภาฯ

เล็งผ่าซีกแยกส่วนลอยแพพ้น ครม.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อปรากฏว่า ทางพรรคประชาธิปัตย์ยังไม่สามารถควบคุม ส.ส.ในสังกัดได้ และไม่มีทีท่าว่าจะมีมาตรการลงโทษใดๆออกมา ทั้งยังปล่อยให้ ส.ส.และผู้สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์แสดงความเห็นโจมตีรัฐบาลบ่อยครั้ง ที่สำคัญการทำงานของรัฐมนตรีพรรคประชาธิปัตย์ที่ผ่านมาก็ไม่เข้าขาและมีปัญหากับพรรคร่วมรัฐบาลหลายกรณี ทั้งในส่วนของกระทรวงเศรษฐกิจ รวมไปถึงกรณีการแบน 3 สารเคมีทางการเกษตร จึงเริ่มมีความเห็นพ้องกันของแกนนำระดับสูงในรัฐบาล ในการปรับพรรคประชาธิปัตย์ออกจากรัฐบาล ที่คาดว่าจะมีขึ้นในช่วงต้นปี 63 หรือภายหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยเชื่อว่าถ้าปรับพรรคประชาธิปัตย์ออกจากรัฐบาล จะยังมี ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ส่วนใหญ่ไม่ต่ำกว่า 30 คนอยู่ร่วมรัฐบาล ส.ส.กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ใกล้ชิดกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกฯ และอดีตเลขาธิการ กปปส.ที่สนับสนุนให้ร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐตั้งแต่ต้น

จัดเก้าอี้ รมต.ดึง “งูเห่า” ฝ่ายค้านเสียบ

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า สำหรับการแก้ปัญหาไม่ให้กลายเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย เสียงที่อาจหายไป 20-30 เสียงนั้นจะทดแทนด้วยเสียงของ ส.ส. บางส่วน ของพรรคเศรษฐกิจใหม่ พรรคอนาคตใหม่ พรรคประชาชาติ และพรรคเพื่อชาติ รวมแล้วราว 10 เสียง ขณะเดียวกันมีการประสานระหว่างแกนนำพรรคพลังประชารัฐ ไปยังผู้บริหารระดับสูงของพรรคเพื่อไทยที่มีความคุ้นเคยกัน เพื่อทาบทามให้นำ ส.ส.จำนวนหนึ่งราว 20-30 เสียง ทั้งที่มีการดูแล หรือฝากเลี้ยงไว้อยู่แล้ว รวมกับบางส่วนที่ไม่กังวลกระแสต่อต้านในพื้นที่ ให้เข้ามาแทนที่เสียงของพรรค ประชาธิปัตย์ที่ขาดหายไป โดยเบื้องต้นคาดว่าจะมีการเสนอตำแหน่งรัฐมนตรีให้กับพรรคเศรษฐกิจใหม่ 1 ตำแหน่งที่จะเข้ามาร่วมกับรัฐบาล โดยปรับลดในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ออกไป นอกจากนี้ในอนาคตอาจจะดึง ส.ส.เพื่อไทยเข้ามาช่วยงานรัฐบาลเพิ่มมากขึ้น หากยังประสบปัญหาความไม่เข้าขากันของพรรคพลังประชารัฐ กับพรรคประชาธิปัตย์ รวมทั้งพรรคภูมิใจไทย โดยมีแกนนำพรรคเพื่อไทยได้นำประเด็นดังกล่าวไปหารือและขอความเห็นชอบจากนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ฮ่องกง เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาแล้ว แต่ยังไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน

โหร คมช.ชี้ปี 63 ปรับ ครม.สลับพรรค

นายวารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ หรือโหรคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) กล่าวถึงเสถียรภาพของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม หลังจากนี้ว่า ในทางโหราศาสตร์รัฐบาลชุดนี้ยังมีหน้าที่ดูแลชาติบ้านเมืองต่อไปอีกยาว ยังไม่หมดหน้าที่ รัฐบาลยังอยู่ได้ ปัญหาวุ่นวายในรัฐบาลขณะนี้เป็นเรื่องปกติของคนหมู่มากในระบอบประชาธิปไตยและ 3 ป.ก็ยังมีหน้าที่ต่อไป หน้าที่ยังไม่หมด ปัญหาบ้านเมืองยังไม่ได้ถูกแก้ ใครจะบอกว่าปริ่มน้ำหรือไปไม่ได้ ขอให้รอดูต่อไป และในปี 2563 ยืนยันจะมีการปรับ ครม.แน่นอน ช่วงหลังปีใหม่ 3-6 เดือน อย่างที่เคยกล่าวไว้กลุ่มการเมือง พรรคการเมืองที่หมดหน้าที่ทำงานเป็นรัฐบาลจะออกไป และกลุ่มใหม่ พรรคการเมืองใหม่เข้ามา รัฐมนตรีบางคนจะสลับสับเปลี่ยน

จับมือกับพรรคเคยลั่นไม่ร่วมสังฆกรรม

นายวารินทร์กล่าวว่า จะมีกลุ่มที่มองประโยชน์ประเทศชาติเข้ามาร่วมหรือแม้แต่พรรคฝ่ายตรงข้ามที่เล็งเห็นผลประโยชน์ของชาติบ้านเมืองก็จะเข้ามา เมื่อถามว่า พรรคการเมืองฝั่งตรงข้าม รวมถึงพรรคที่ทุกคนมองว่าไม่สามารถร่วมงานกันด้วยหรือไม่ นายวารินทร์ตอบว่า มีโอกาส บอกเลยพรรคการเมืองบางพรรคที่เคยประกาศว่าจะไม่ร่วมสังฆกรรม แต่พอถึงเวลาจะหันหน้าพูดคุยจับมือเห็นพ้องเพื่อชาติบ้านเมือง จัดสรรผู้คนมาร่วมกันไป ตอนนี้รอแค่เวลาเดินร่วมกัน ต้องรอให้ถึงเวลา ซึ่งคล้ายรัฐบาลแห่งชาติ แต่ก็ไม่ใช่รัฐบาลแห่งชาติเลยทีเดียว ขอให้รอดูสิ่งที่ตนพูดจะปรากฏขึ้น แล้วบ้านเมืองจะเดินไปได้ด้วยดี

ขอให้จับตาพวกไม่หวังดีพ้นสภาพ

โหร คมช.กล่าวด้วยว่า หลังจากนั้นชาติบ้านเมืองจะเป็นปึกแผ่นมั่นคง ปัญหาเศรษฐกิจได้รับการแก้ไข ไม่ต้องกังวล ขณะนี้รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ กำลังแก้ไข แต่ขอให้เข้าใจเราไม่ได้มีปัญหาประเทศ ทั่วโลกเผชิญปัญหาหมด อยากบอก ส.ส.และพรรคการเมืองต่างๆประชาชนเลือกเข้ามาเพื่อทำงานร่วมกันขับเคลื่อนประเทศ ไม่ใช่ให้มาทะเลาะกันหรือแสวงหาผลประโยชน์ วันนี้เราก็เห็นแล้วว่าการทำงานของรัฐบาลชุดนี้ผู้ใดตั้งใจทำให้ชาติบ้านเมือง และได้เห็นบางกลุ่มพยายามตีรวน หาเหตุอ้างเรื่องนั้นเรื่องนี้ขึ้นมา เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ แสวงหาอำนาจที่ตนต้องการ เมื่อไม่ได้ก็มาตีรวน สร้างความวุ่นวายในรัฐบาล ผู้ใดที่ขึ้นมาด้วยเหตุเหล่านี้อย่าไปเลือกอีก เพราะมาสร้างแต่ปัญหา ทั้งที่ชาติบ้านเมืองควรขับเคลื่อนไปได้ด้วยดี ลองคิดวิเคราะห์ดูจะเห็นได้ว่าไม่สร้างสรรค์ คอยแต่จะไปแก้ตรงนั้นตรงนี้ ความจริงเขาร่างมาเพื่อประชาชนแล้ว มีแต่กลุ่มที่เสียผลประโยชน์คอยล้มล้าง ปรับเปลี่ยนแก้ไข อย่างไรก็ตาม กลุ่มต่างๆที่มีปัญหาเมื่อถึงเวลาจะจางหายไป โดยบางกลุ่ม ส.ส.ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านบางคนที่หมดหน้าที่ไปเลย ผู้ที่ไม่หวังดีต่อประเทศชาติบ้านเมืองจะพ้นสภาพไป ผู้ที่เคยสร้างกรรมให้กับชาติบ้านเมืองจะรับกรรมไป

“พุทธิพงษ์” รอดีลดึง “ศม.” ร่วม รบ.

นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ในฐานะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงการเทียบเชิญพรรคเศรษฐกิจใหม่ร่วมรัฐบาล ภายหลังนายมนูญ สิวาภิรมย์รัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ ระบุว่ารอผู้ใหญ่ของรัฐบาลชวนไปร่วมงานและเข้ามาช่วยขับเคลื่อนงานด้านเศรษฐกิจว่า ขณะนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยกันไปถึงเรื่องนั้น เพียงแต่พูดคุยกันให้เข้ามาช่วยแสดงตนเพื่อรักษาองค์ประชุม และโหวตสนับสนุนให้ ส่วนตัวมองว่าพรรคเศรษฐกิจใหม่มีจุดยืนและหลักการทำงานที่ชัดเจน พร้อมที่จะสนับสนุนงานในสภาผู้แทนราษฎรให้เดินหน้า ขอย้ำว่าไม่ได้มีการเสนออะไรเป็นการแลกเปลี่ยนถึงขั้นเสนอตำแหน่งต่างๆให้ อีกทั้งตนไม่ได้รับมอบหมายเป็นผู้เจรจา และนายกรัฐมนตรีเองก็ยังไม่ได้มอบหมายใครเข้ามาดูแลเรื่องนี้ ระดับผู้ใหญ่ต้องพูดคุยกัน ทั้งในเรื่องของความเหมาะสมและการทำงานร่วมกัน

รับต้องคุยกันในพรรคร่วมมากขึ้น

นายพุทธิพงษ์ยังกล่าวถึงการประสานงานระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรว่า ขณะนี้การประสานงานระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลเรียบร้อยดี ไม่น่าจะติดขัดปัญหาใด เช่นเดียวกับการประชุมสภาฯ ซึ่งจะมีการพิจารณาญัตติด่วน เรื่องตั้งคณะกรรมการวิสามัญ (กมธ.) พิจารณาศึกษาหลักเกณฑ์และการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 2560 คาดว่าจะเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ตอนนี้ก็พยายามพูดคุยให้ใกล้ชิดมากขึ้น เพื่อปรับความเข้าใจระหว่างกัน โดยเฉพาะผู้นำพรรคร่วมรัฐบาล ในภาพรวมยืนยันว่าพรรคร่วมรัฐบาลมีการทำงานร่วมกันดีขึ้น มีความเข้าใจกันมากขึ้น ส่วนตัวประธาน กมธ.ยืนยันตกลงกันได้ไม่มีปัญหา เบื้องต้นได้คุยกันแล้วและในที่ประชุมวิปรัฐบาลวันที่ 9 ธ.ค. ต้องคุยกันให้จบ คิดว่าผู้ที่นั่งตำแหน่งดังกล่าวต้องมาจากพรรคพลังประชารัฐ

เชื่อตั้ง กมธ.แก้ รธน.ไม่แตกแถว

นายวิรัช รัตนเศรษฐ วิปรัฐบาล กล่าวถึงการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 11 ธ.ค. จะมีการพิจารณาญัตติด่วน เรื่อง ตั้งคณะกรรมการวิสามัญ (กมธ.) พิจารณาศึกษาหลักเกณฑ์และการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 2560 ว่า คาดว่าจะไปในทิศทางเดียวกัน การอภิปรายและการโหวตตั้ง กมธ.จะเป็นไปโดยไร้ปัญหา แต่การอภิปรายคงไม่จบภายในวันเดียวเฉพาะคนที่เสนอ โดยนายปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ก็หมดเวลาแล้ว ยังไม่ทันถึงคิวผู้อภิปรายคนอื่นๆ โดยทางฝ่ายรัฐบาล พรรคพลังประชารัฐมีผู้อภิปรายราว 8-9 คน ส่วนพรรคประชาธิปัตย์มี 5-6 คน ยืนยันว่าทางเราไม่ได้มีความขัดแย้งใดๆ ระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล ส่วนการรักษาองค์ประชุม หรือมาตรการดำเนินการกับผู้โหวตสวนมติวิปรัฐบาล เป็นเรื่องพรรคร่วมที่ต้องไปพูดคุยกัน

คาดรายชื่อ 49 คนครบหมดแล้ว

นายวิรัชกล่าวถึงความคืบหน้าของสัดส่วน กมธ. รวม 49 คน ว่า คาดว่าแต่ละพรรคได้รายชื่อในสัดส่วนของตนเองครบถ้วนแล้ว ทุกพรรคได้คัดสรรบุคคลที่มีความเหมาะสม แต่ในขณะนี้ยังไม่มีพรรคใดส่งรายชื่อมาที่ตน ขณะที่ตำแหน่งประธาน กมธ.ก็มีการพูดคุยกันในวิปรัฐบาล จะเป็นใครหรือมาจากพรรคไหน ยังไม่ได้จำกัด อยู่ที่ทุกฝ่ายมองเห็นถึงความเหมาะสม ไม่ใช่เฉพาะในพรรคพลังประชารัฐ แต่ย้ำว่าทุกฝ่ายต้องร่วมกันพิจารณา

ปัด “บิ๊กตู่” แลกประโยชน์เพื่ออยู่รอด

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ระบุ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ใช้อำนาจและผลประโยชน์แลกกับความอยู่รอดของรัฐบาลว่า ยืนยัน พล.อ.ประยุทธ์ไม่เคยใช้อำนาจและผลประโยชน์แลกกับความอยู่รอดของรัฐบาล รัฐบาลอยู่รอดได้อยู่แล้วเพราะเรายึดประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นหลัก พรรคที่ใช้อำนาจและผลประโยชน์แลกกับความอยู่รอดของรัฐบาลนั้นน่าจะเป็นพรรคการเมืองที่คุณหญิงรู้จักดีใช่หรือไม่ เพราะขนาดดูดยกพรรคก็ยังเคยทำมาแล้ว ทำทุกทางเพื่อให้ตัวเองมีอำนาจ จึงอยากเตือนความจำคุณหญิงสุดารัตน์ว่าวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์มาตามกลไกประชาธิปไตยผ่านการเลือกตั้ง อย่าผูกขาดความเป็นประชาธิปไตยไว้แค่พรรคตัวเองพรรคเดียว รัฐบาลเพิ่งบริหารงานมา 4 เดือนกว่าด้วยความโปร่งใส เพื่อให้ประเทศเดินไปข้างหน้า อยากขอเวลาให้ พล.อ.ประยุทธ์ทำงานก่อน เพลาๆเรื่องความขัดแย้งลงบ้าง ประเทศบอบช้ำมามากแล้ว

ยันไม่ลืมสัญญาค่าแรง 425 บาท

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการค่าจ้างมีมติปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 5-6 บาททั่วประเทศให้มีผลบังคับใช้วันที่ 1 ม.ค.63 โดยฝ่ายค้านกล่าวหารัฐบาลหลอกลวง ช่วงหาเสียงประกาศจะขึ้นค่าแรง 425 บาทว่าการปรับค่าแรงขั้นต่ำ 5-6 บาททั่วประเทศ ถึงจะขึ้นในอัตราที่ไม่สูงมากนัก แต่เป็นผลดี แก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชนที่ตรงจุด และเป็นรูปธรรมที่สุด หรือเรียกว่า “ประชาธิปไตยกินได้” ส่วนการปรับขึ้นค่าแรงถึง 425 บาท นโยบายที่พรรคพลังประชารัฐประกาศไว้ตอนหาเสียง ยืนยันมาตลอดว่าจะทำแบบค่อยเป็นค่อยไป เราไม่ได้ลืมสัญญาประชาคม เพราะถ้าปรับทันที หรือไม่รอบคอบ ผู้ประกอบการไม่สามารถปฏิบัติตามได้ ผลเสียจะตกอยู่ที่แรงงานเอง พรรคพลังประชารัฐเรียนรู้จากบทเรียนในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่ประกาศขึ้นค่าแรง 300 บาทแล้ว ทำให้อัตราค่าแรงขั้นต่ำทั่วประเทศเพิ่มขึ้นถึง 70% ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อภาคธุรกิจขนาดเล็ก กลุ่มเอสเอ็มอี และภาคอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานจำนวนมาก

“เทพไท” ย้ำปมโหวตยึดมั่นอุดมการณ์

นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ถึงการตัดสินใจลงมติสนับสนุนการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาผลกระทบการใช้มาตรา 44 ว่า ได้ตัดสินใจบนพื้นฐานอุดมการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์เป็นที่ตั้ง และได้ลงมติเพราะเป็นญัตติของพรรคประชา– ธิปัตย์ที่มี ส.ส.ของพรรคเป็นผู้เสนอ และตนก็ได้อภิปรายแสดงจุดยืนในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรอย่างชัดเจนแล้ว ส่วนตัวเคารพมติพรรคและมติวิปรัฐบาลมาโดยตลอด แต่ไม่สามารถทรยศต่ออุดมการณ์ของพรรคได้ จึงได้ตัดสินใจลงมติสนับสนุนให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญชุดนี้ขึ้นมา

โอ่รัฐบาลทำตามจะยกมือโหวตให้

“สำหรับเงื่อนไขของพรรคประชาธิปัตย์ในการเข้าร่วมรัฐบาล 3 ข้อ ตนก็ได้สนับสนุนและติดตามการทำงานของรัฐบาลมาโดยตลอด เช่น 1.เรื่องนโยบายประกันรายได้เกษตรกร รัฐบาลได้ทำสำเร็จแล้ว ซึ่งได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขและนโยบายประชาธิปัตย์อย่างชัดเจน 2.เรื่องการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหาและแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะเข้าวาระการประชุมสภาในวันที่ 11 ธ.ค.นี้ เบื้องต้นถือว่าเป็นการปฏิบัติตามเงื่อนไขการเข้าร่วมรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์แล้ว 3.เรื่องการทุจริตคอร์รัปชัน ต้องตรวจสอบและรอฟังการอภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรคร่วมฝ่ายค้านก่อนว่ามีใบเสร็จ พยานหลักฐาน หรือเหตุอันควรเชื่อได้ว่ารัฐมนตรีคนใดมีการทุจริตประพฤติมิชอบบ้างหรือไม่ ต้องนำข้อมูลทั้งหมดมาพิจารณาในที่ประชุม ส.ส.ของพรรค ก่อนลงมติไว้วางใจรัฐมนตรีผู้นั้นหรือไม่ ผมมีความเชื่อมั่นว่า ถ้ารัฐบาลชุดนี้ได้บริหารราชการแผ่นดินได้ตามเงื่อนไขการเข้าร่วมรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ครบทั้ง 3 ข้อ ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ทุกคนก็พร้อมที่จะลงมติและสนับสนุนการทำงานของรัฐบาลชุดนี้จนครบวาระอย่างแน่นอน” นายเทพไทกล่าว

พท.วอนอย่าแกล้งโง่เรื่องซื้อ “งูเห่า”

ด้านนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกพรรคพลังประชารัฐ ระบุคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย มโนไปเอง เรื่องรัฐบาลซื้องูเห่าเพื่อเพิ่มเสถียรภาพให้รัฐบาลว่า อยากถามนายธนกรว่าโทรศัพท์มือถือเติมเงินอินเตอร์เน็ตหรือยัง ถึงไม่เคยเข้ากูเกิลคีย์คำว่า รัฐบาลซื้องูเห่า ขอให้รีบเติมเงินเน็ตจะได้รู้ว่าคนไทยเกือบทั้งประเทศคิดอย่างไรกับรัฐบาลชุดนี้ มีใครบ้างไม่เชื่อว่ารัฐบาลแลกผลประโยชน์พยายามซื้องูเห่า อย่าบิดเบือนสิ่งที่กินอยู่กับปาก อยากอยู่กับท้อง ขอให้หากระจกมาส่องดูพรรคตัวเอง ที่ผ่านมามีภาพฟ้องจากที่นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ ที่ก่อนหน้านี้ประกาศเป็นฝ่ายค้านอิสระ ด่าผู้นำรัฐบาล แต่พอไปกินข้าวกันคืนเดียว กลับกอดคอกันกลม และยังมีข่าวรัฐมนตรีถูกสั่งให้สแตนบายด์วันประชุมสภาฯ มาแสดงตนเป็นองค์ประชุม เท่าที่ทราบสัปดาห์ที่แล้ว สภาฯทั่วโลกหัวเราะรัฐบาลไทยจนฟันร่วง อย่าให้ทั่วโลกมองรัฐสภาไทยโหลยโท่ยเลย

ขู่งัดหลักฐานฟ้องยุบพรรค พปชร.

นายชุมสาย ศรียาภัย รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สภาพรัฐบาลที่มีเสียงปริ่มน้ำมีความจำเป็นต้องหาเสียงสนับสนุนจากฝ่ายค้านให้ปลอดภัยเพื่อหยุดการตั้งกรรมาธิการวิสามัญศึกษาผลกระทบจากคำสั่งประกาศ คสช. และการใช้อำนาจของหัวหน้า คสช.ตามมาตรา 44 ประชาชนที่ติดตามการเมืองย่อมเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่น่าเชื่อว่านักการเมืองค่ายประชาธิปไตยจะยกมือโหวตให้รัฐบาลร่างทรง คสช. พรรคพลังประชารัฐไม่ต้องเสียเวลาแก้ต่างเรื่องนี้ เพราะคนไม่เชื่อ มีข่าวว่ามีการต่อสายตรงจากแกนนำกลุ่มสามมิตรคุยกับงูเห่าในงานเลี้ยงแห่งหนึ่ง หากเป็นความจริงและมีหลักฐานเพียงพอ อาจนำไปสู่การยื่นคำร้องให้ยุบพรรคพลังประชารัฐ ได้ อย่าได้หวังว่าการใช้บริการงูเห่าจะต่อลมหายใจรัฐบาลร่างทรงเผด็จการได้ครบเทอม เพราะประชาชนสิ้นศรัทธาต่อรัฐบาลแล้ว

แฉแข่งกันล็อบบี้โชว์เพาเวอร์

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ยืนยันว่าคุณหญิงสุดารัตน์ไม่ได้มโนไปเองกรณีพูดเรื่องการแจกกล้วย ส.ส.งูเห่าเพื่อเพิ่มเสียง ไม่ให้สภาล่ม เพราะเป็นที่รู้กันโดยทั่วไปในวงการเมือง และสื่อมวลชนถึงพฤติกรรมการเมืองน้ำเน่าย้อนยุคของฝ่ายรัฐบาลครั้งนี้ โดยเฉพาะการพยายามโทรศัพท์ล็อบบี้ ส.ส.ฝ่ายค้านของแกนนำรัฐบาลบางคนกลางงานเลี้ยงพรรคร่วมรัฐบาลก่อนวันลงมติ คว่ำญัตติการตั้ง กมธ.วิสามัญศึกษามาตรา 44 เพื่อโชว์เพาเวอร์แข่งกันเองในพรรคร่วมรัฐบาล อย่านึกว่าคนภายนอกจะไม่รู้ เพราะฝ่ายค้านเองมีสายข่าวอยู่ในพรรคร่วมรัฐบาลเช่นกัน อย่างไรก็ตามอย่าหวังว่าการใช้บริการงูเห่าจะต่อลมหายใจรัฐบาลจนอยู่ครบเทอมได้ เพราะประชาชนส่วนใหญ่หมดศรัทธาต่อรัฐบาลไปนานแล้ว โดยเฉพาะการไม่รักษา คำพูดตามที่ได้หาเสียงเอาไว้ เช่น การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 425 บาท ที่ปรับได้แค่ 5-6 บาท ถือเป็นโมฆะบุรุษที่เชื่อถือไม่ได้ ต่อให้มีงูเห่าอีก 100 ตัวก็คงช่วยอะไรไม่ได้

ผวาถูกตั้ง กมธ.สแกนมาตรา 44

นายอนุสรณ์กล่าวด้วยว่า ส่วนสาเหตุที่ พล.อ.ประยุทธ์ยอมไม่ได้ที่จะให้ตั้ง กมธ.วิสามัญศึกษามาตรา 44 ถึงขนาดยอมใช้บริการ ส.ส.งูเห่าก่อนเวลาอันควร เพราะกลัวการถูกเรียกไปชี้แจงหรือตอบคำถามกับคณะ กมธ. เรื่องที่ พล.อ.ประยุทธ์กลัวสุดคือการใช้มาตรา 44 สั่งปิดเหมืองทองอัคราจนเป็นที่มาของการฟ้องร้องระหว่างเหมืองทองกับรัฐบาล อาจเสียค่าโง่กว่า 30,000 ล้านบาท จนถึงวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ไม่เคยปริปากพูดเรื่องนี้ นอกจากพูดปลอบใจ ครม.ว่าจะรับผิดชอบเพียงคนเดียว แต่ไม่เคยพูดว่าจะรับผิดชอบอย่างไร

เย้ยรัฐอยู่ในภาวะจำยอมพรรคเล็ก

นายรยุศด์ บุญทัน รองโฆษกพรรคเพื่อชาติ กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลกำลังเผชิญวิกฤติการเมือง และเศรษฐกิจ เกิดปรากฏการณ์พรรคเล็กมีอำนาจต่อรอง มีมูลค่าทางการเมืองสูง เป็นผลจากรัฐบาลผสมที่อ่อนแอ อย่าลืมว่า พล.อ.ประยุทธ์เป็นทหารไม่ใช่นักการเมือง จึงขาดประสบการณ์ ไม่สามารถบริหารจัดการความต้องการพรรคร่วมรัฐบาลได้ลงตัว จึงเห็นปรากฏการณ์ต่อรองทั้งก่อนและหลังจัดตั้งรัฐบาล ตามด้วยการโหวตสวนของพรรคร่วมรัฐบาล ขณะนี้รัฐบาลตกอยู่ในสภาวะจำใจยอมต่อพรรคเล็ก อะไรที่ยอมได้ก็ต้องยอม ขณะที่พรรคเล็ก อยู่ในภาวะจำใจตาม ต่อให้เสียอุดมการณ์จุดยืนทางการเมืองก็คงถอยไม่ได้ สู้เป็นฝ่ายรัฐบาลมีตำแหน่งจะดีกว่า ดังนั้นต่อจากนี้ไปหากรัฐบาลเป็นรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ คงไม่มีหลักประกันทำให้รัฐบาลเดินหน้าบริหารประเทศได้จนครบวาระ คงได้เห็นอภินิหารตำนานงูเห่ายุคใหม่ที่มีรูปแบบและวิธีการแตกต่างจากอดีตแน่นอน

ตั้งโต๊ะแถลงผลงาน 6 เดือนฝ่ายค้าน

นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ ส.ว. โพสต์เฟซบุ๊กระบุ 6 เดือนที่ผ่านมาฝ่ายค้านไม่เคยทำอะไรให้ประชาชน นอกจากจ้องล้มรัฐบาลและแก้รัฐธรรมนูญว่า ส.ว.คนดังกล่าวไม่เข้าใจโครงสร้างการเมือง ไม่เข้าใจหน้าที่แต่ละฝ่าย ไม่ดูตัวเองและไม่เข้าใจบริบทโลก มุ่งปกป้องรัฐบาลเพื่อตอบแทนบุญคุณอย่างไม่รับผิดชอบต่อความทุกข์ยากประชาชน ฝ่ายค้านมีหน้าที่ควบคุมตรวจสอบ เสนอแนะรัฐบาลผ่านกลไกสภาฯ แต่หน้าที่บริหารโดยตรงเป็นของรัฐบาล อย่างไรก็ตาม ฝ่ายค้านทำงานช่วยรัฐบาลหลายเรื่อง และตั้งใจจะเปิดแถลงผลงานในรอบ 6 เดือนเร็วๆนี้ แม้รัฐธรรมนูญจะไม่กำหนดให้ต้องแถลง แต่ฝ่ายค้านจะแถลงด้วยจิตสำนึกของการรับใช้ประชาชน สังคมจะได้เปรียบเทียบว่าใครทำประโยชน์ให้ประชาชนมากกว่ากัน เรื่องนี้เชื่อว่าไม่อยู่ในสำนึกของ ส.ว. อยากฝากถึง ส.ว.ที่มาจากการแต่งตั้งและกระบวนการได้มาที่ไร้มาตรฐาน นี่คือภาพอัปลักษณ์ของประเทศ การหลับหูหลับตาปกป้องรัฐบาลโดยไม่แยกแยะถูกผิด ทำให้ความเชื่อมั่นในรัฐบาลลดลงในสายตาโลก เป็นอุปสรรคต่อการแก้ปัญหาเศรษฐกิจประเทศ การแก้รัฐธรรมนูญเพื่อขจัดภาพอัปลักษณ์เหล่านี้ จึงจำเป็น ฝ่ายค้านถือเป็นหน้าที่ต้องทำควบคู่ไปกับภารกิจอื่นตามบทบาทหน้าที่ฝ่ายค้าน

“สุดารัตน์” อ้อนคนขอนแก่นเลือก พท.

เมื่อเวลา 11.00 น. ที่บ้านเม็ง อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย เดินทางไปช่วยหาเสียงให้นายธนิก มาสีพิทักษ์ ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย ในการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ขอนแก่น เขต 7 คุณหญิงสุดารัตน์ขึ้นเวทีปราศรัยระบุว่า ที่ผ่านมากฎกติกาที่บิดเบี้ยว กลไกต่างๆทำให้พรรคที่ได้เสียงอันดับ 1 ไม่สามารถตั้งรัฐบาลได้ เมื่อเสียงในสภาไม่พอจึงคอยมาฉกงูเพาะฟาร์มงูเห่า แต่ขอให้มั่นใจว่านายธนิกจะเข้าไปทำหน้าที่ผู้แทน จะไม่เป็นงูเห่าแน่นอน เสียงของนายธนิกจะเข้าไปเปลี่ยนแปลงให้พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลได้ในอนาคต เพราะวันนี้เสียงฝ่ายค้านและรัฐบาลใกล้กัน หากเลือกเบอร์อื่นจะไปสนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เป็นนายกฯต่อ แล้วไปยกมือให้ซื้อเรือดำน้ำ แต่ถ้าเลือกนายธนิกจะเข้าไปให้ยกเลิกซื้อเรือดำน้ำ จะเรียกร้องให้ชาวบ้านได้ค่าชดเชยภัยแล้งน้ำท่วม ครั้งนี้เป็นโอกาสที่ประชาชนได้ตัดสินใจว่าจะเอาเศรษฐกิจความเป็นอยู่แบบปัจจุบัน หรือจะเปลี่ยนแปลงเดินหน้าสู่ความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นเหมือนสมัยรัฐบาลของอดีตนายกฯทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ ทราบว่ามีการให้เงินให้ทอง ดังนั้นวันกาบัตรขอให้ตัดสินใจ เพราะผลประโยชน์ที่เขานำมาให้เป็นผลประโยชน์ชั่วคราว ถ้าพรรคได้รับชัยชนะจะมาขอข้าวกิน ขอตำบักหุ่งกิน 1 จาน

“สนธิรัตน์” ขอบคุณ 4 เสียง ศม.

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงการเลือกตั้งซ่อมเขต 7 จ.ขอนแก่น ในวันที่ 22 ธ.ค.ว่า รัฐบาลที่ได้ทำงานต่อเนื่องจะมีความสำคัญที่สุด ตอนนี้รัฐบาลไหนเข้ามาก็ต้องเจอปัญหาเดียวกันคือ สงครามการค้า การแก้ปัญหาจึงต้องมีความต่อเนื่องของรัฐบาล เพื่อให้ได้ทำตามสิ่งที่ตั้งเป้าไว้ สิ่งที่ทำค้างอยู่ให้แล้วเสร็จ ถ้ารัฐบาลไม่ต่อเนื่อง มีรัฐบาลใหม่มาต้องเริ่มทำเรื่องใหม่ทั้งหมด จึงขอ บอกกับชาว อ.มัญจาคีรีว่า การเลือกตั้งเขต7 ครั้งนี้ไม่ใช่แค่การเลือก ส.ส. แต่ประชาชนกำลังเลือกตั้งเพื่อช่วยรัฐบาลเพิ่มเสียงในสภา และขอบคุณส.ส.ทั้ง 4 คน พรรคเศรษฐกิจใหม่ที่ลงมติสนับสนุนแนวทางของรัฐบาล แสดงว่าต้องการเห็นประเทศเดินหน้า ถือเป็นแนวทางการเมืองที่สำคัญในสถานการณ์การเมืองปัจจุบัน

“วันชัย” เย้ย “ธนาธร” ยื้อคดีเงินกู้

นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา กล่าวว่า กรณีที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ขอขยายเวลายื่นเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับการให้เงินกู้ของนายธนาธรกับพรรคตัวเองต่อ กกต.ไปอีก 4 เดือน แต่ กกต.ไม่ยอมนั้น เป็นเทคนิคเพื่อทำให้คดีช้าและนานที่สุด การที่ กกต.ไม่ยอมก็ไม่ใช่การกลั่นแกล้งอย่างที่ตีโพยตีพาย เป็นเรื่องไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ ความจริงมีหลักฐานชัดอยู่แล้ว จะด้วยเอกสารหรือคำพูด แต่ให้เวลาส่งเอกสารมาตามขั้นตอนเท่านั้น แม้ไม่ส่งหรือไม่มีก็สามารถพิจารณาวินิจฉัยได้อยู่แล้ว การที่นายธนาธรขอขยายเวลาเป็นเทคนิคดึงเกม เมื่อไม่ได้ก็ต้องโวยวายเป็นธรรมดา เพราะเป็นเรื่องนักการเมือง มีเงิน มีอำนาจ มีอิทธิพล จะเงียบๆก็เสียฟอร์ม นักการเมืองใหญ่ๆมีคดีหนีกันลอยนวล แม้จะติดคุกอยู่บ้าง แต่ลากยาวดึงเกมกันมาเป็นสิบๆปี คนรวย มีอำนาจ มีอิทธิพล เวลามีคดีจะพยายามทุกวิถีทางทั้งมารและไม่มาร ให้คดีหลุดไป หรือลากให้ยาวนาน ที่สุด ถ้าจะติดคุกหรือถูกตัดสิทธิ อย่างน้อยๆขอถอยหลังตั้งหลักไว้ก่อน จะได้หาช่องทางธรรมชาติหลบลี้หนีได้บ้าง

ร้อง ป.ป.ช.–สตง.ยืดสัญญาสร้างสภาฯ

วันเดียวกัน ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายวิลาศ จันทรพิทักษ์ อดีตประธานคณะกรรมาธิการ ป.ป.ช. สภาผู้แทนราษฎร แถลงข่าวคัดค้านการต่อสัญญาสร้างอาคารรัฐสภาครั้งที่สี่ ระบุว่า หลังจากต่อสัญญามา 3 ครั้ง รวม 1,482 วันจะครบกำหนดในวันที่ 15 ธ.ค.62 แต่สร้างเสร็จไม่ถึง 70% โดยบริษัทชิโนทัยได้ทำหนังสือถึงสภาฯเพื่อขอขยายเวลาการก่อสร้างเป็นครั้งที่ 4 ออกไปอีก 502 วัน แต่คณะกรรมการที่ปรึกษาโครงการก่อสร้างรัฐสภา คือบริษัทคาม่า พิจารณาแล้ว ลดการขยายเวลาจาก 502 วัน เหลือ 382 วัน แต่การขอขยายเวลาดังกล่าวไม่น่าจะชอบ จึงถึงเวลาแล้วต้องเริ่มปรับผู้รับจ้างวันละ 12.8 ล้านบาท ไม่ใช่ต่อสัญญาให้ ที่สำคัญสภาฯต้องตั้งกรรมการสอบเลขาธิการสภาฯด้วยว่ามีการเอื้อประโยชน์ใครหรือไม่ อย่างไร เชื่อว่าทำกันเป็นขบวนการหลายฝ่ายสมรู้กัน อีกประเด็นหนึ่งที่ยังไม่มีการพูดกันคือ พื้นที่สภาฯ 400,000 กว่าตารางเมตร อาคารรัฐสภาใหม่ต้องมีที่จอดรถกว่า 2,000 คัน แต่ในการก่อสร้างสภาฯใหม่นี้ กลับมีที่จอดรถเพียงแค่ 800 คันเท่านั้น เชื่อว่าเมื่อสร้างสภาฯเสร็จต้องไปเช่าที่จอดรถเพิ่ม เสียงบประมาณอีก โครงการนี้เป็นโครงการที่เละเทะที่สุด จะนำเรื่องนี้ฟ้องร้องต่อ ป.ป.ช.และ สตง.

“ชวน” ให้ฝ่าย ก.ม.ดูขยายเวลาได้ไหม

ขณะที่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะประธานรัฐสภา กล่าวว่า การจะต่อสัญญาหรือไม่ ต้องไปพิจารณาจากรายละเอียด และสอบถามข้าราชการประจำ ส่วนเหตุการณ์ส่อเกิดการทุจริตนั้น ยืนยันว่าขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบของคณะกรรมการสอบสวน หลังจากนายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ร้องเรียนเรื่องนี้เข้ามา มี 4-5 กรณี ประธานรัฐสภาไม่ได้เป็นคู่สัญญากับบริษัทผู้รับเหมา แต่เป็นเพียงผู้ติดตามในด้านต่างๆ ทั้งนี้ ยอมรับว่าเกิดอุปสรรคปัญหาตั้งแต่เริ่มต้นการก่อสร้าง ทั้งการทำสัญญา การขนย้ายดิน การย้ายโรงเรียนโยธินบูรณะ ต้องไปพิจารณาจากข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นว่าการขยายเวลาก่อสร้างไปแล้วกว่า 1,400 วันสมเหตุสมผลหรือไม่ เมื่อถามว่า นายวิลาศเรียกร้องให้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนนายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร โดยอ้างว่าขยายสัญญาโดยใช้หลักฐานเท็จ นายชวนตอบว่า ได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนนายสรศักดิ์แล้ว ที่เกิดความล่าช้านั้นก็เพราะว่ามีข้อร้องเรียน 5-6 กรณี คณะกรรมการต้องใช้ระยะเวลาในการสอบสวนตรวจสอบในประเด็นต่างๆ

โพลเผย ครม.5 อันดับประทับใจ

วันเดียวกัน “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “6 เดือน นายกประยุทธ์ ภายใต้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง” สำรวจระหว่างวันที่ 29 พ.ย.-3 ธ.ค.ที่ผ่านมา จากกลุ่มตัวอย่างประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป จำนวน 1,278 คน สำหรับความประทับใจในการทำงานของคณะรัฐมนตรีรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ 5 อันดับแรก พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 26.21 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม อันดับ 2 ร้อยละ 23.40 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.สาธารณสุข อันดับ 3 ร้อยละ 18.00 นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ อันดับ 4 ร้อยละ 17.37 นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ และอันดับ 5 ร้อยละ 16.59 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ เมื่อถามถึงความไม่ประทับใจในการทำงานของคณะรัฐมนตรี 5 อันดับแรก พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 57.20 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ รองลงมา อันดับ 2 ร้อยละ 42.33 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม อันดับ 3 ร้อยละ 38.65 นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ อันดับ 4 ร้อยละ 38.34 นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ และอันดับ 5 ร้อยละ 34.98 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์

ชื่นชมนักการเมืองทำตามสัญญา

ขณะที่ “สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชน เรื่อง “การทำหน้าที่ของนักการเมือง ณ วันนี้ ในสายตาประ-ชาชน” จากกลุ่มตัวอย่างทั่วประเทศ จำนวน 1,263 คน ระหว่างวันที่ 3-7 ธ.ค.ที่ผ่านมา พบว่า ร้อยละ 58.90 ชื่นชมนักการเมืองที่ทำตามสัญญาที่ให้ไว้ ซื่อสัตย์ ไม่ทุจริต ร้อยละ 44.34 ชื่นชมนักการเมืองที่ใช้ความรู้ความสามารถแก้ปัญหา มีผลงาน และร้อยละ 33.74 ชื่นชมนักการเมืองที่ทุ่มเท เสียสละ เป็นกลาง ตรงไปตรงมา ส่วนการทำหน้าที่ของนักการเมืองที่ประชาชนอยากให้ปรับปรุง ร้อยละ 40.04 ขายเสียง ทำเพื่อผลประโยชน์ เงินทอง ร้อยละ 38.63 ไม่ทำงาน ดีแต่พูด ร้อยละ 32.48 ทะเลาะเบาะแว้ง สร้างกระแสให้ตัวเอง สำหรับสิ่งที่ประชาชนอยากฝากบอกนักการเมือง คือ ร้อยละ 42.92 อยากให้เป็นนักการเมืองที่ดี เป็นแบบอย่างที่ดี ร้อยละ 39.32 ทำงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์ มีวิสัยทัศน์ ร้อยละ 37.28 มีจิตสำนึก มีคุณธรรมจริยธรรม ร้อยละ 18.30 ปฏิบัติตามระบอบประชาธิปไตย และร้อยละ 18.81 เลิกเล่นเกมการเมือง ช่วยกันพัฒนาการเมืองไทย

ห่วง “วิ่งไล่ลุง” ทำขัดแย้งบานปลาย

นายนพดล กรรณิกา ผอ.สำนักวิจัยซุปเปอร์โพล นำเสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง ข้อกังวลของประชาชน กับ “วิ่งไล่ลุง” ผ่าน “เสียงประชาชนในสังคมดั้งเดิม” 1,162 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 22 พ.ย.-7 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยเมื่อถามถึงข้อกังวลจะเกิดเหตุขัดแย้งรุนแรงบานปลายเหมือนบางประเทศ เศรษฐกิจตกต่ำลงไปอีก จากกลุ่มเคลื่อนไหววิ่งไล่ลุง พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 62.8 กังวล ในขณะที่ ร้อยละ 37.2 ไม่กังวล เพราะไม่ยุ่งเกี่ยว ไม่คิดว่าจะมีใครซ้ำเติมประเทศอีก รัฐบาลน่าจะควบคุมได้อยู่ และคิดว่าไม่น่าจะมีอะไร เป็นต้น ส่วนผลการสำรวจ “เสียงประชาชนในโลกโซเชียล” 9,825 ตัวอย่าง พบว่ากลุ่มเคลื่อนไหววิ่งไล่ลุงกำลังเข้าถึงคนในโลกโซเชียลทั้งหมด 3,309,588 คน หรือ สามล้านกว่าคน แต่มีคนที่สนใจพูดถึงกลุ่มเคลื่อนไหววิ่งไล่ลุงในโลกโซเชียล 28,956 คน อย่างไรก็ตามเสียงตอบรับเชิงลบมีอยู่ร้อยละ 56.7 ในขณะที่เสียงตอบรับเชิงบวกมีร้อยละ 43.3

ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง

ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0