กระทรวงพลังงานเรียกประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงานนำเงินกองทุนน้ำมันฯตรึงดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร
วันนี้ (23พ.ค.61) นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ภายในสัปดาห์นี้กระทรวงพลังงาน จะเสนอมาตรการบรรเทาผลกระทบวิกฤติราคาน้ำมันผันผวนอย่างรวดเร็วต่อผู้บริโภคให้ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) พิจารณาเห็นชอบนำเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่ปัจจุบันมีเงินคงเหลือประมาณ 30,000 ล้านบาท เป็นเครื่องมือแบ่งเบาราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลร้อยละ 50 ของราคาที่ควรจะเพิ่มขึ้น เพื่อรักษาระดับราคาขายปลีกไม่ให้เกินกว่า 30 บาทต่อลิตร เป็นระยะเวลาสั้น ๆ ซึ่งเงินกองทุนจะเพียงพอสำหรับการดำเนินมาตรการได้ประมาณ 10 เดือน อีกทั้งจะผ่อนผันให้ผู้ค้ามาตรา 7 สามารถประกาศราคาขายปลีกน้ำมันที่มีการปรับเปลี่ยนล่วงหน้าให้สังคมรับทราบตามเดิมด้วย
ทั้งนี้ หาก กบง.เห็นชอบจะสามารถดำเนินการได้ทันทีประกอบกับการจำหน่ายน้ำมัน B20ช่วงเดือนกรกฎาคมนี้ จะส่งผลให้ราคาต้นทุนน้ำมันของกลุ่มรถบรรทุกและรถโดยสารขนาดใหญ่ อยู่ในระดับต่ำประมาณ 27 บาท/ลิตร จึงไม่มีความจำเป็นต้องขึ้นค่ารถโดยสารสาธารณะหรือค่าขนส่ง
ขณะที่การประชุมของสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย มีมติปรับอัตราค่าบรรทุก ร้อยละ 5 โดยเชื่อว่า อัตรานี้ไม่ส่งผลต่อราคาสินค้า เพราะก่อนหน้านี้ ทางสหพันธ์เคยลดค่าขนส่งไปแล้วถึงร้อยละ 10 และยังไม่เคยปรับขึ้น
เมื่อเปรียบเทียบค่าขนส่งมาตรฐานประเภทรถ 10 ล้อ บรรทุก 18 ตัน พบว่า การขึ้นราคาในครั้งนี้ จะเพิ่มต้นทุนการขนส่ง 250 บาทต่อ 100 กิโลเมตร จากเดิมการขนส่งรถบรรทุกประเภทนี้อยู่ที่ประมาณ 5,000 บาท ต่อ 100 กิโลเมตรต่อเที่ยววิ่งไป-กลับ โดยค่าขนส่งที่ปรับขึ้น ร้อยละ 5 อิงจากราคาดีเซลหลังขยับขึ้นมา 3 บาทต่อลิตร หรือใกล้ 30 บาทต่อลิตร ถือว่าเดือดร้อนมาก ส่วนข้อเสนอให้ใช้ไบโอดีเซล บี 20 ยังไม่แน่ใจว่าจะใช้ได้คุ้มค่าหรือไม่ เพราะจะต้องมีค่าซ่อมบำรุงที่สูงขึ้น
ด้านมุมมองของนายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เห็นว่า ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลกระทบโดยตรงต่อกลุ่มโลจิสติกส์ ทำให้ต้องปรับค่าขนส่ง ขณะที่ ภาคการผลิตอื่น ยังไม่ได้รับสัญญาณ เพราะยังสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้ และเชื่อว่าสถานการณ์ราคาน้ำมันยังคงผันผวนขึ้น-ลง ดังนั้น มองว่า ยังไม่จำเป็นต้องขอปรับขึ้นราคาสินค้าในขณะนี้
