โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

พยานสำคัญโผล่ยืนยันเห็นเหตุการณ์ 'ธีรศักดิ์' นักโทษประหาร ไม่ใช่คนร้ายตัวจริง!!

MThai.com - News

เผยแพร่ 21 มิ.ย. 2561 เวลา 23.58 น.
พยานสำคัญโผล่ยืนยันเห็นเหตุการณ์ 'ธีรศักดิ์' นักโทษประหาร ไม่ใช่คนร้ายตัวจริง!!
พยานสำคัญโผล่ยืนยันเห็นเหตุการณ์ 'ธีรศักดิ์' นักโทษประหาร ไม่ใช่คนร้ายตัวจริงที่ฆ่าเด็ก ม.5 อย่างทารุณโหดร้ายเพื่อชิงทรัพย์
พยานสำคัญโผล่ยืนยันเห็นเหตุการณ์ ‘ธีรศักดิ์’ นักโทษประหาร ไม่ใช่คนร้ายตัวจริงที่ฆ่าเด็ก ม.5 อย่างทารุณโหดร้ายเพื่อชิงทรัพย์

วันที่ 21 มิถุนายน 2561 มีข้อความที่สื่อโซเชียลแชร์ต่อกันว่ามีวัยรุ่นคนหนึ่งเข้าไปโพสต์แสดงความเห็นในเฟสบุ๊ก ที่มีการแชร์ข่าว นายธีรศักดิ์ หลงจิ หรือ มิ๊ก นักโทษประหาร โดยระบุว่า บังมิ๊กไม่ใช่คนร้ายตัวจริง คนร้ายตัวจริงมี 2 คน โดยตนเองกับเพื่อนขับรถเล่นผ่านไปเจอขณะคนร้าย 2 คนกำลังรุมทำร้ายวัยรุ่นคนหนึ่ง (นายดนุเดช สุขมาก น้อง ม.5 ) โดยใช้มีดสปาร์ต้า และตนก็ถูกคนร้าย 2 คนขับขี่รถจักรยานยนต์ไล่ติดตามจะแทงปิดปาก เพราะหันไปเห็นเหตุการณ์พอดีแต่หนีมาได้

ทั้งนี้ เราสามารถติดต่อขอสัมภาษณ์วัยรุ่นคนดังกล่าวได้ ซึ่งรู้จักกับ มิ๊ก ในฐานะที่คนในตำบลเดียวกัน โดยนายเอ (นามสมมุติ) เล่าเหตุการณ์ให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า วันเกิดเหตุตนเองกับเพื่อนได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ผ่านไปที่สวนสาธารณะสมเด็จพระศรีนรินทร์ 95 (เขาแปะช้อย) โดยตนเองนั่งซ้อนท้าย ส่วนเพื่อนเป็นคนขับ

ระหว่างที่ขับขี่รถไปถึงบริเวณนั้น หันไปเห็นวัยรุ่น 2 คน กำลังจ้างแทงวัยรุ่นอีกคนหนึ่ง โดยคนร้ายคนหนึ่งอยู่ด้านหลัง มัดแขนวัยรุ่นคนที่ถูกทำร้ายไว้ ส่วนอีกคนกำลังใช้มีดจ้วง ระยะห่างจากคนร้ายประมาณ 50 เมตร โดยตนกับเพื่อนได้ชะลอรถและหันไปมอง และคนร้าย 2 คนนั้นก็หันมามองตนกับเพื่อนด้วย แต่ตนกับเพื่อนไม่รู้จักจริงๆ ตนก็ขับขี่ชะลอผ่านไป และคนร้าย 2 คนก็ได้วิ่งมาขึ้นคร่อมรถจักรยานยนต์และขับขี่ไล่ตามตนกับเพื่อนมา

ซึ่งในมือถือมีดชูมาด้วยเพื่อจะจ้วงแทงตนคงหวังปิดปาก แต่ตนรีบบอกเพื่อนให้รีบเทิร์นเกียร์ (เปลี่ยนเกียร์รถ จยย.เพื่อเร่งความเร็วรถให้เร็วขึ้น) จึงหนีมาได้ โดยจังหวะที่ตนเองหันไปเห็น 2 คนร้าย และคนร้ายเห็นตนกับเพื่อน นายธีรศักดิ์ หลงจิ หรือ บังมิ๊ก กับเพื่อน ซึ่งตนไม่รู้จักเพื่อนบังมิ๊ก ก็ขับขี่รถจักรยานยนต์ผ่านมาสวนทางกับตนพอดี โดยบังมิ๊กก็เห็นเหตุการณ์ และเห็นตนก็รีบตะโกนบอกตนว่า “อย่าเข้าไป อย่าเข้าไป เขาแทงกันอยู่” แล้วรถเราก็สวนกัน ต่างก็รีบซิ่งรถหนี เพราะคนร้ายทั้ง 2 คนเห็นเรา

แต่คนร้ายได้ขับและไล่ตามมาทางตนกับเพื่อน พร้อมพยายามจะจ้วงแทงตนซึ่งนั่งด้านหลัง แต่เพื่อนซิ่งรถหนีมาได้ คนร้ายไล่ไม่ทัน หลังจากหนีกลับมาได้ก็มาบอกเพื่อนอีก 2 คนว่า ที่เขาแป๊ะช้อยมีวัยรุ่นแทงกัน จึงพากันขับรถย้อนกลับไปดูอีกที ก็เห็นมีตำรวจและชาวบ้านเต็มหมดแล้ว โดยมีดที่คนร้ายจ้วงแทงวัยรุ่นคนที่เสียชีวิตเป็นมีดเล่มใหญ่และยาว ไม่ใช่มีดที่ออกข่าวด้ามเล็กแหลม

ทั้งนี้ หลังเกิดคดีตนกับเพื่อนก็ติดตามข่าวจนกระทั่งมาทราบว่าบังมิ๊กถูกจับ แต่ตนคาดไม่ถึงว่าเหตุการณ์จะบานปลายกลายมาเป็นแบบนี้ บังมิ๊ก ถูกประหาร จึงรู้สึกเสียใจมาก เพื่อนก็เช่นกัน เพราะบังมิ๊กไม่ได้ทำ และตนก็ไม่เคยถูกตำรวจเรียกตัวไปสอบปากคำหรืออะไร เพราะไม่ได้คิดอะไร ไม่คิดว่าจะต้องมาถึงการประหาร

โดยตนไปแสดงความเห็นระบายเหตุการณ์ในเฟซบุ๊กหลังจากอ่านข่าว ไม่คิดว่าจะมีคนแชร์ส่งต่อๆ กันไป แต่ตนกับเพื่อนยืนยันว่า คนร้าย 2 คนที่ก่อเหตุนั้น ตนไม่รู้จักจริงๆ จำได้แค่ว่าคนแทงผิวดำ รูปร่างสูงใหญ่ ส่วนคนมัดตัวเล็กกว่า ซึ่งตนกับเพื่อนก็รู้สึกตกใจ ไม่อยากจะเชื่อว่าเหตุการณ์จะมาเป็นแบบนี้กับบังมิ๊ก แค่รู้จักกันเพราะคนในตำบลเดียวกันเท่านั้น ไม่ได้กินนอน หรือเที่ยวด้วยกัน

ส่วนบรรยากาศที่ บ้านเลขที่ 175 หมู่ที่ 7 ต.ควนปริง อ.เมือง ซึ่งในวันนี้มีการจัดเตรียมทำบุญครบ 3 วัน ที่ นักโทษชายมิ๊ก นางสายจิตร หลงจิ อายุ 47 ปี มารดา และ นางสาวขนิษตา หลงจิ 20 ปี น้องสาวของนายธีรศักดิ์ ได้อ่านจดหมายพินัยกรรมที่นายธีรศักดิ์ เขียนสั่งเสียถึงแม่และคนในครอบครัวให้ฟัง

โดยนางสายจิตร กล่าวอย่างยากลำบากและน้ำตาคลอตลอดเวลาว่า ตลอด 6 ปีที่ลูกชายอยู่ในเรือนจำและแม่เดินทางเยี่ยม ลูกชายจะบอกกับตนตลอดว่า เขาไม่ได้ทำถ้าเขาทำเขารับแล้ว เขาพูดว่า “ผมไม่ได้ทำม๊ะเหอ จนนาทีสุดท้าย เขาก็บอกว่า เขาไม่ได้ทำ” จึงสงสารลูก ซึ่งในเหตุการณ์มีคนเห็นหลายคน อยากให้คนที่เห็นเหตุการณ์ในวันนั้น อยากขอวิงวอนขอความช่วยเหลือ อยากให้ออกมาให้ความจริง

ส่วนตัวก็เข้าใจฝั่งคนสูญเสีย (น้อง ม.5) เพราะเขาก็ พ่อ แม่ ลูก ไม่มีใครไม่เสียใจ หัวอกคนเป็นแม่ ถ้าลูกเราทำจริงเราก็ยอมรับตรงนั้น แต่ขณะนี้ลูกยืนยันกับแม่ว่าลูกไม่ได้ทำ มาถึงขณะนี้รอตำรวจจับคนร้ายอีกคน ซึ่งเป็นความหวังว่าคนร้ายที่เหลืออีกคนที่ตำรวจบอก จะได้มาพูดความจริงว่าใช่หรือไม่ใช่ ตอนเห็นภาพข่าวที่คนตายนอนอยู่แล้วแม่เขากอดลูกตนก็เสียใจ ก็ถามลูกว่าลูกทำหรือไม่  ถ้าลูกทำลูกต้องยอมรับนะ ลูกก็บอกว่าผมไม่ได้ทำม๊ะ จึงเสียใจมาก เสียใจแทนเขา เพราะนึกถึงหัวอกลูกเขาลูกเราจึงเสียใจ

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0