ถ้าจะบอกว่าปัญหาความขัดแย้งที่กำลังสุมกันอยู่ภายใน "พรรคพลังประชารัฐ" คือเรื่องใหญ่ สร้างความวุ่นวาย มีอานุภาพทำลายล้าง อย่างสูง สำหรับ " ใคร" ก็ตามที่ต้องเป็นฝ่าย "พ่ายแพ้" แล้ว ก็ต้องยอมรับว่า ในเวลาเดียวกันทางฟาก "พรรคเพื่อไทย" ที่บัดนี้มี "หัวหน้าพรรค" ชื่อ "สมพงษ์ อมรวิวัฒน์" นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวใหญ่ที่สุดของพรรค
แต่กลับดูเหมือนว่า สภาพการณ์ของสมพงษ์ กับ "อุตตม สาวนายน" รมว.คลัง ที่อยู่ในฐานะ "หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ"ก็แทบไม่แตกต่างกัน เพราะต่างนั่งอยู่บนความขัดแย้ง และปัญหาเรื่องการยอมรับจากส.ส.ในพรรค เพียงแต่วิธิการและรูปแบบการแสดงออกอาจจะต่างกัน
เนื่องจากพรรคเพื่อไทยไม่มี "ตำแหน่ง" ใดๆให้ต้องแก่งแย่งกัน เหมือนกับพรรคพลังประชารัฐ ที่จะเชื่อมโยงไปถึงการปรับครม. เปิดเกม "เก้าอี้ดนตรี" เมื่อฤดูกาลปรับครม. "ประยุทธ์2/2"มาถึง !
การออกมาแถลงข่าวในช่วงวันหยุด 3มิ.ย.ที่ผ่านมา ของ "สมศักดิ์ เทพสุทิน" รมว.ยุติธรรม ในฐานะแกนนำพรรคพลังประชารัฐ ที่ร้านกินเส้น ย่านสนามบินน้ำ นนทบุรี ต้องนับว่าน่าสนใจอยู่ไม่น้อย
เพราะประเด็นที่สมศักดิ์ ตั้งโต๊ะแถลงข่าวกับสื่อมวลชน นอกจากจะแสดงท่าทีสนับสนุน "บิ๊กป้อม"พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรณร รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานยุทธศาสตร์ พรรคพลังประชารัฐ ให้มาเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ ทั้งที่อุตตม ยังนั่งอยู่ในตำแหน่งนี้เท่านั้น
หากแต่สมศักดิ์ ยังแถลงในลักษณะของการ ชี้แจง อธิบายถึงความสัมพันธ์ ระหว่าง "สมคิด จาตุศรีพิทักษ์" รองนายกฯ กับ "กลุ่มสามมิตร" ว่าไม่มีความเกี่ยวข้องกันแต่อย่างใด ?
" นายสมคิดเคยพูดในสภาฯว่าไม่ได้เป็นสามมิตร แล้วจะเอาท่านมาเกี่ยวกับสามมิตรได้อย่างไร ที่สำคัญเราได้สลายสามมิตรไปแล้ว"
หมายความว่า สมคิด ไม่เกี่ยวกับสามมิตร และกลุ่มสามมิตร ได้สลายไปแล้ว ทว่าในความเป็นจริงแล้ว กลุ่มสามมิตร ยังคงอยู่ เพียงแต่เป็นความแนบแน่นระหว่าง "สมศักดิ์" กับ "สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ" แกนนำพรรค และรมว.อุตสาหกรรม เหนืออื่นใดต่างหาก
อย่างไรก็ดี ปัญหาของพรรคพลังประชารัฐจะไม่จบลงเพียงแค่ "18กรรมการบริหารพรรค"ยื่นใบลาออกเพื่อเปิดทางให้มีการประชุมพรรค แล้วปรับโครงสร้างกันใหม่โดยไม่มี "อุตตม" และ "สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์" รมว.พลังงาน นั่งเป็น เลขาธิการพรรค อีกต่อไป
แต่สำหรับพรรคเพื่อไทย ที่ล่าสุด สมพงษ์ ต้องออกโรงมาปฏิเสธข่าวลือที่ว่า พรรคเพื่อไทยเตรียมย้ายขั้ว ไปร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ เพราะข่าวลือ เรื่องดังกล่าวกลายเป็นกระแสที่ถูกพูดถึง มาอย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะประเด็นที่ว่า "3ป." ผู้มากบารมีตัวจริงในรัฐบาลเตรียมเปิดดีลดึงพรรคเพื่อไทยไปร่วมรัฐบาล เพื่อยุติความวุ่นวาย สะกดทุกการต่อรองทางการเมือง ให้อยู่ในความสงบ สมพงษ์ ยืนยันในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ว่าเมื่อเขายังเป็นหัวหน้าพรรค จะไม่มีทางนำพาพรรคไปกระทำการที่ขัดต่อเจตนารมณ์ของประชาชนบนหลักการของประชาธิปไตย อย่างแน่นอน "คิดว่าข่าวลือที่ปล่อยกัน ออกเพื่อหวังผลในการดิสเครดิตพรรคเพื่อไทยนั้น เป็นการกระทำที่มุ่งหวังในการต่อรองผลประโยชน์ของกลุ่มพรรคร่วมรัฐบาล กันเอง โดยหวังอาศัยส่วนประกอบและเงื่อนไขต่างๆ เป็นเครื่องมือเพื่อเอื้อประโยชน์แก่การจัดสรรอำนาจของพวกตนเองเพื่อให้ผลประโยชน์และอำนาจลงตัวกันเท่านั้น"
เมื่อพรรคเพื่อไทย กลายเป็น "เงื่อนไข" ถูกดึงเข้าไปสู่เกมการต่อรอง ของพรรคร่วมรัฐบาล ฝั่งตรงข้ามฝ่ายค้าน ในท่ามกลางสถานการณ์ภายในของเพื่อไทยที่แทบไม่มีความเป็นเอกภาพ ยังไม่มีใครบอกได้ว่าสมพงษ์ จะสยบข่าวลือไปได้อีกนานแค่ไหน !?