โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

พบปมเด็ด นาฬิกาวัดชีพจรบนข้อมือ "ลัลลาเบล" ตรวจสอบเวลาตาย! (คลิป)

Thairath - ไทยรัฐออนไลน์

อัพเดต 22 ก.ย 2562 เวลา 17.19 น. • เผยแพร่ 22 ก.ย 2562 เวลา 22.15 น.
ภาพไฮไลต์
ภาพไฮไลต์

ตร.ใช้นาฬิกาสมาร์ทวอตช์ของลัลลาเบลที่วงจรปิดจับ ภาพสวมใส่ขณะถูกลากเข้าไปในลิฟต์คอนโดฯนายแบบต้องสงสัย ให้ผู้เชี่ยวชาญพิสูจน์หาเวลาตาย เป็นหลักฐานสนับสนุนอีกชิ้น ด้าน ผบก.น.8 เผย “กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา” ขณะเดียวกัน มีรายงาน พงส.รอประเคนข้อหาฆ่าผู้อื่น เพื่อเป็นคดีตัวอย่างหลังเทียบเคียงฎีกาและความเห็นกูรูกฎหมาย ด้านเจ้าของงานปาร์ตี้ ซัดนาฬิกาเรือนทองในคลิปที่มีมือปริศนาลูบหน้าลัลลาเบล เป็นของน้ำอุ่น ส่วนโพลเผยผลสำรวจ ร้อยละ 93.0 ระบุ อาชีพพริตตี้ ไม่ใช่อาชีพที่น่ารังเกียจ

จากเหตุพบศพ น.ส.ธิติมา นรพันธ์พิพัฒน์ อายุ 25 ปี หรือ “ลัลลาเบล” พริตตี้สาวนอนตายปริศนาในล็อบบี้ชั้นล่างของคอนโดฯแห่งหนึ่งย่านราชพฤกษ์ เมื่อช่วงตี 3 วันที่ 17 ก.ย. หลังไปรับจ้างชงเหล้าเอนเตอร์เทนในงานปาร์ตี้ย่าน อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ตำรวจ สน.บุคคโล เชิญตัวนายรัชเดช หรือ “อุ่น” หรือ “น้ำอุ่น” วงศ์ทะบุตร วัย 25 ปี นายแบบอิสระ เทรนเนอร์ฟิตเนส และนักแสดงประกอบ ผู้ต้องสงสัยที่อยู่กับผู้ตายคนสุดท้าย และพักอยู่คอนโดฯดังกล่าวมาสอบปากคำ แต่ยังไม่แจ้งข้อหา ขณะที่ตำรวจเผยผลตรวจเบื้องต้น เสียชีวิตจากหัวใจล้มเหลว ช่องคลอดมีรอยฉีกขาด และมีสารคัดหลั่งตกค้าง ส่วนพยานในงานปาร์ตี้เริ่มเปิดปาก พริตตี้บอยชงเหล้าให้ผู้ตายดื่มตลอดงาน พร้อมๆกับกระแสสังคมโซเชียลดาหน้ารุมถล่มขุดพฤติกรรมด้านมืดนายแบบหนุ่มต้องสงสัยออกมาแฉ ล่าสุด พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผบช.น. ส่งชุดสืบสวน บก.สส.บช.น.ลงไปเสริม เพื่อให้คดีลุล่วงโดยเร็ว พร้อมเอานาฬิกาสมาร์ทวอตช์ ที่พริตตี้สาวใส่ในวันเสียชีวิตไปตรวจสอบ เนื่องจากมีคุณสมบัติวัดชีพจร อาจจะเป็นหลักฐานอีกชิ้นในการบ่งชี้เวลาเสียชีวิตได้ ระหว่างรอผลนิติวิทยาศาสตร์อย่างเป็นทางการ วันที่ 23 ก.ย.

ความคืบหน้าในคดีทอล์กออฟเดอะทาวน์ครั้งนี้ เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 22 ก.ย. ที่ สน.บุคคโล พล.ต.ต.สัมฤทธิ์ ตงเต๊า ผบก.น.8 กล่าวหลังประชุมเร่งรัดคดีร่วมกับ พ.ต.อ.มานพ สุคนธ์ธนพัฒน์ พ.ต.อ.นำเกียรติ ธีระโรจนพงษ์ รอง ผบก.น.8 พ.ต.อ.พยงค์ เอี่ยมสกุล ผกก.สน.บุคคโล ว่า ได้เรียกพยานในที่เกิดเหตุมาสอบสวนจนครบแล้ว โดยวันนี้ได้เชิญพยานแวดล้อม คือ รปภ.ในคอนโดฯ และบุคคลที่อยู่ในลิฟต์ที่ได้สนทนากับนายรัชเดช หรืออุ่น ที่ระบุว่า “เป็นแฟนกันจะพาไปที่ห้อง” การสอบสวนค่อนข้างคืบหน้ามาก ได้รับความร่วมมือกับพยานที่อยู่ในบ้านหลังเกิดเหตุเพิ่มมากขึ้น ส่วนกรณีที่มีคลิปเห็นภาพมือผู้ชายใส่นาฬิกาสีทองลูบหน้าผู้ตาย ได้ส่งให้ ปอท.ตรวจสอบแล้ว

ผบก.น.8 เผยต่อว่า นอกจากนี้ ยังมีคลิปที่เห็นข้อมือซ้ายพริตตี้ผู้ตายสวมนาฬิกาสมาร์ทวอตช์ รุ่นวัดการเต้นของหัวใจ รวมถึงการนับก้าวได้ ต้องให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบว่าระบบมีความเสถียรหรือไม่ อยู่ระหว่างตรวจพิสูจน์ หากผลตรวจออกมาจะช่วยเป็นข้อมูลสนับสนุนเหตุหรือพฤติการณ์ได้ ส่วนกระแสข่าวผลตรวจแอลกอฮอล์ในเลือดผู้ตาย สูงถึง 400 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์นั้น ทางการแพทย์ยืนยัน หากร่างกายได้รับแอลกอฮอล์สูง 350-400 มิลลิกรัม จะส่งผลต่อระบบการหายใจของบุคคลนั้นได้ อย่างไรก็ตาม ต้องรอผลตรวจพิสูจน์อย่างเป็นทางการ ส่วนจะแจ้งข้อหาใคร ต้องรอบคอบในการพิจารณา ต้องหาข้อพิสูจน์ที่ทำให้ลัลลาเบลตายได้ก่อน กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา

ส่วนบรรยากาศตลอดทั้งวัน ที่ สน.บุคคโล พยานหลายปากต่างทยอยเข้าพบพนักงานสอบสวน อาทิ นายชวลิต นรพันธ์พิพัฒน์ อายุ 58 ปี นางศุภมาส นรพันธ์พิพัฒน์ อายุ 57 ปี พ่อและแม่ของลัลลาเบล นายณัฐนัย หรือย้ง หอมเทียนทอง อายุ 31 ปี แฟนหนุ่ม และนายกิตติมศักดิ์ หรือ “โทน” วงศ์ประจันต์ อายุ 31 ปี เพื่อนรุ่นพี่ คนสนิทของลัลลาเบล และเป็นผู้พบศพคนแรก เพื่อนำคำให้การไปประกอบสำนวนคดีและหลักฐานอื่นๆ ก่อนใช้ในการขออนุมัติหมายจับจากศาลและจับกุมผู้ต้องสงสัยมาดำเนินการตามกฎหมาย

มีรายงานว่า ในส่วนของพนักงานสอบสวนชุดคลี่คลายคดี ได้รวบรวมฎีกาคดีสำคัญๆ ที่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทย และขอคำปรึกษากับครูอาจารย์ด้านกฎหมายพอสรุปได้ว่า แนวทางการแจ้งข้อกล่าวหาและออกหมายจับกุมผู้ต้องสงสัยคดีนี้ในเบื้องต้นควรจะเป็นข้อหาฆ่าผู้อื่น ที่มีอัตราโทษสูงสุดคือประหารชีวิตไว้ก่อน โดยพิจารณาตามคำพิพากษาฎีกาที่ 16412/2555 คดีที่จำเลยขี่รถ จยย.พาสาวคนรักซ้อนท้ายเกิดอุบัติเหตุ โดยสาวคนรักตกจากรถหมดสติ แทนที่จำเลยจะช่วยเหลือกลับเผ่นหนีทิ้งสาวคนรักสลบอยู่ 8 วัน ไม่แจ้งให้แม่แฟนสาวรู้ การกระทำเช่นนี้ถือเป็นหน้าที่อันเกิดจากการกระทำครั้งก่อนของจำเลย ที่พาสาวคนรักมาเที่ยวแล้วเกิดอุบัติเหตุ ถือว่า “เกิดหน้าที่ต้องช่วยต้องดูแลสาวคนรัก ถ้าไม่ช่วยถือเป็นการงดเว้น” คดีนี้ศาลเห็นว่า การกระทำดังกล่าวของจำเลยเล็งเห็นผล เพราะการงดเว้นไม่ให้ความช่วยเหลือสาวคนรักอาจทำให้มีอันตรายถึงแก่ความตายได้ เมื่อสาวคนรักไม่ตาย จำเลยมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบมาตรา 80 และ มาตรา 59 วรรคท้าย

ขณะที่เฟซบุ๊กของผู้ช่วยศาสตราจารย์ธนาวุฒิ วงศ์อนันต์ อาจารย์ประจำหลักสูตรนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ โพสต์ความคิดเห็นเกี่ยวกับ “การฆ่าโดยงดเว้น” ใจความส่วนหนึ่งให้ความรู้ว่า บุคคลจะต้องรับผิดทางอาญาต่อเมื่อกระทำโดยเจตนา เมื่อบุคคลนั้นมีหน้าที่ป้องกันไม่ให้ผลนั้นเกิดแต่งดเว้นการที่จักป้องกันผลนั้นด้วย ตามมาตรา 59 วรรคท้าย หน้าที่ป้องกันไม่ให้ผลนั้นเกิดมีหลายกรณีเช่น 1.หน้าที่โดยผลของกฎหมาย เช่นบิดามารดาต้องเลี้ยงดูบุตร 2.หน้าที่ตามสัญญา เช่นการว่าจ้างบอดี้การ์ดส่วนตัวมาคุ้มครองเรา 3.หน้าที่อันเกิดจากการกระทำครั้งก่อนๆ ของตนเอง และ 4.หน้าที่เกิดจากความสัมพันธ์พิเศษเฉพาะเรื่อง เช่น ชายหญิงที่อยู่กินกันฉันสามีภรรยาแต่ไม่ได้จดทะเบียนกันถูกต้องตามกฎหมาย มีหน้าที่ต้องดูแลกัน

มีรายงานว่า คณะพนักงานสอบสวนในคดีลัลลาเบล เห็นพ้องกับคำพิพากษาฎีกาที่ 16412/2555 และความคิดเห็นของผู้ช่วยศาสตราจารย์ธนาวุฒิ ในส่วนของเจตนาของผู้ต้องสงสัย กล่าวคือ กรณีเจอสาวในผับหรือสถานที่ใด เกิดความชอบพอกัน พากันไปต่อที่สถานที่อื่นใดก็ตามจนเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น น่าจะเข้าข่ายหน้าที่การกระทำครั้งก่อนๆของผู้ต้องสงสัยที่ได้อุ้มร่างพริตตี้ผู้ตาย ออกจากบ้านที่จัดงานปาร์ตี้พาขึ้นรถยนต์ส่วนตัว ลากขึ้นลิฟต์เข้าไปในห้องพักที่คอนโดมิเนียมหลายชั่วโมง ก่อนแบกร่างลงลิฟต์มาไว้บนโซฟาที่ล็อบบี้ เมื่อผู้ต้องสงสัยพามา ควรมีหน้าที่ต้องดูแล ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นต้องให้ความช่วยเหลือเพื่อป้องกันไม่ให้ผลนั้นเกิด แต่กรณีนี้ผู้ต้องสงสัยงดเว้นหน้าที่ของตนเองจนเกิดการเสียชีวิต เห็นควรตั้งข้อหาฆ่าผู้อื่น มีอัตราโทษสูงสุดเอาไว้ก่อน ก่อนที่จะตรวจสอบพยานหลักฐานชิ้นอื่นๆเพื่อแจ้งข้อหาอื่นๆ เพิ่มเติมได้ในภายหลัง

วันเดียวกัน ที่บ้านเลขที่ 100/291 หมู่บ้านพฤกษา 3 ริมคลอง 3 หมู่ 5 ต.บางคูรัด ซอย 9 ต.บางรัด อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี สถานที่จัดงานปาร์ตี้ นายชัยพล พรรณา อายุ 29 ปี และนายนที สถิตพงษ์สถาพร อายุ 33 ปี เจ้าของบ้านและผู้จัดงานเผยถึงเรื่องมือปริศนาที่สวมนาฬิกาเรือนทอง ลูบหน้าลัลลาเบลในสภาพแน่นิ่ง โดยนายชัยพลเผยว่า อยากให้ลองฟังเสียงในคลิปให้ดีเป็นเสียงน้ำอุ่น ไม่ใช่เสียงตน นาฬิกาที่เห็นในคลิปเป็นของน้ำอุ่นของตนเป็นสายหนัง วันนั้นน้ำอุ่นมาพยุงตนที่จะล้มเพราะความเมา ทำให้นาฬิกาน้ำอุ่น เรือนสีทองแบบในคลิปหลุด น้ำอุ่นเลยถอดแล้วเปลี่ยนไปใส่นาฬิกาแบบออกกำลังที่พกติดมาแทน และสังเกตดูมือที่ลูบหน้าให้ดี ไม่มีเล็บ แต่ตนไว้เล็บ

นายชัยพลกล่าวอีกว่า ขอยืนยันในความบริสุทธิ์ใจ ไม่ได้ทำอะไรผิด แค่ตั้งวงกินเหล้าธรรมดา เมาก็คือเมา วันที่จัดปาร์ตี้เพราะเพื่อนสนิทลงมาจาก จ.อุดรธานี เลยเรียกพริตตี้ให้มาช่วยเอนเตอร์เทนเพื่อน และคงจะไปยุ่งย่ามกับน้องลัลลาเบลไม่ได้ เพราะแฟนตนร่วมงานด้วย กระทั่งเมามากจึงขึ้นไปนอนกับแฟน มาตื่นรู้ตัวอีกครั้งช่วง 2 ทุ่ม ยืนยันว่าในการดื่มเหล้ากันวันนั้น ดื่มเป็นแก้วช็อต ไม่มีบังคับหรือจับเหล้ากรอกปากอย่างที่เข้าใจผิด และลัลลาเบล ยกแก้วเหล้าช็อตดื่มเอง ไม่มีใครบังคับ รู้สึกสงสารน้องเขาเหมือนกัน และจะไม่เข้าข้างใคร และก็จะไม่ปกป้องใครเช่นกัน ทั้งนี้หลังจากให้สัมภาษณ์แล้ว นายชัยพลและนายนที ได้นำนาฬิกาข้อมือออกมาให้ผู้สื่อข่าวดู เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ใจด้วย

ขณะเดียวกัน สำนักวิจัยซูเปอร์โพล นำเสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่องพริตตี้ลัลลาเบลกับปัญหาสังคม กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ 1,565 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ ระหว่าง 19-21 ก.ย.ที่ผ่านมา พบว่าส่วนใหญ่ร้อยละ 66.2 ระบุ ภาพสะท้อนสังคมไทยจากกรณีพริตตี้ลัลลาเบล คือ คนไม่มีคุณธรรม ร้อยละ 47.7 ระบุ ความปลอดภัยต่ำ ร้อยละ 41.5 ระบุ สังคมเน่าเสื่อม ร้อยละ 24.3 ระบุ คนตกเป็นทาสเงินตรา ค่าครองชีพ และร้อยละ 15.3 ระบุ คนในสังคมไม่ช่วยกันดูแล ที่น่าพิจารณาคือ ส่วนใหญ่ร้อยละ 93.0 ระบุ อาชีพ พริตตี้ไม่ใช่อาชีพที่น่ารังเกียจ และร้อยละ 70.3 ระบุ เป็นอาชีพที่หาเงินได้มาก อย่างไรก็ตาม น่าเป็นห่วงคือ เกินกว่า 1 ใน 3 หรือร้อยละ 36.0 ระบุ ยอมเสี่ยงเสียตัวเพื่อแลกกับเงินก้อนใหญ่ และเมื่อจำแนกออกตามช่วงอายุ พบว่าในกลุ่มเยาวชนหญิง คืออายุระหว่าง 15-19 ปี จำนวนมากหรือร้อยละ 40.0 ยอมเสี่ยงแลกกับเงินก้อนใหญ่ และหญิงที่อายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไปเกินกว่า 1 ใน 3 เช่นกัน หรือร้อยละ 33.7 ยอมเสี่ยงเสียตัวแลกกับเงินก้อนใหญ่

วันเดียวกัน ว่าที่ พ.ต.สมบัติ วงศ์กำแหง กรรมการฝ่ายช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย เนติบัณฑิตยสภา เผยว่า คดีลัลลาเบลข้อเท็จจริงยังไม่นิ่ง หากพูดในเชิงวิชาการมองว่า หากมีหลักฐานมัดว่ามีการมอมยาก็เป็นการประทุษร้าย ถือเป็นการ ทำร้ายร่างกาย เมื่อใช้ยาเกินขนาดทำให้ตายก็ต้องรับผิดในผล คือผิดฐานทำร้ายผู้อื่นให้ถึงแก่ความตาย ส่วนที่มองว่าเป็นการฆ่าโดยงดเว้นนั้น หากมองว่า ชายคนที่พาลัลลาเบลออกมาจากงานปาร์ตี้ เพื่อนำมาพาให้หายเมา ต่อมาเห็นอาการไม่ดีแทนที่จะนำส่งหมอหรือแจ้งกู้ภัย กลับปล่อย อาจผิดฐานฆ่าโดยงดเว้นได้ เพราะการไปเอาตัวลัลลาเบลออกมาถือเป็นการทำหน้าที่ตามธรรมจรรยาแล้ว แต่ต่อมาทิ้งหน้าที่ไป อันนี้เฉพาะเจตนาเอามาพักจริงๆ แต่ ถ้าเจตนาจะเอามาข่มขืน จะกลายเป็นตรงกันข้าม คือจะกลายเป็นข้อหาเพื่อสนองความใคร่ของตนเอง พามาเพื่อการอนาจาร ข้อเท็จจริงก็ยังไม่ชัดว่ามีการข่มขืนหรือไม่ จึงไม่กล่าวถึงใคร ขอพูดเชิงทฤษฎีกฎหมายเท่านั้น ส่วนที่สังคมมองว่าพริตตี้ทำงานเสี่ยง ไม่มีกฎหมายรับรองคุ้มครองสิทธิ ต้องดูแลกันเอง เห็นว่าการจ้างพริตตี้เป็นการทำสัญญาจ้างทำของอย่างหนึ่งอาศัยผลสำเร็จของงาน แต่พริตตี้ก็เข้าสู่ระบบประกันสังคมตาม พ.ร.บ.ประกันสังคมมาตรา 40 ได้ โดยส่งเงินประกันตนเองในฐานอาชีพ อิสระ หรือแรงงานนอกระบบ เมื่อเข้าระบบเจ็บป่วยหรือตายก็รักษาพยาบาลได้ ตายก็มีเงินช่วย

ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง

ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0