วันนี้ (16 ก.ย.62) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า พนักงานในเครือสหภาพแรงงานอุตสาหกรรมรถยนต์สหรัฐ "ยูไนเต็ด ออโต้ เวิร์กเกอร์ส" หรือ UAW จำนวน 46,000 คน นัดหยุดงานเพื่อประท้วงนายจ้าง General Motors หรือ GM ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่จากสหรัฐ หลังทั้งสองฝ่ายไม่สามารถตกลงกันร่างสัญญาจ้างใหม่ เพื่อให้ผลประโยชน์แก่แรงงานมากขึ้นได้ โดยสัญญาจ้างเก่าได้หมดอายุลงเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้พนักงานจำนวนหลายหมื่นอัตราดังกล่าวไม่เข้าทำงานในโรงงานทั้งหมด 31 แห่ง และหน่วยธุรกิจของจีเอ็มอีก 21 แห่งทั่วสหรัฐ
ทั้งนี้ ข้อเรียกร้องของแรงงานประกอบไปด้วยการเพิ่มค่าจ้างแรงงาน การดูแลสุขภาพ และระบบการแบ่งปันกำไร โดยจีเอ็มได้ออกแถลงการณ์ลงทุนเพิ่ม 7,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเพิ่มการจ้างงาน 5,700 อัตรา พร้อมกันนี้ ยังได้เสนอขึ้นค่าจ้างแรงงานในช่วงเวลา 4 ปี ตามระยะเวลาสัญญาใหม่ และเสนอขึ้นอัตราการแบ่งปันกำไรให้กับลูกจ้าง รวมถึงเพิ่มโบนัสให้กับพนักงานเป็นเงิน 8,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อคน
อย่างไรก็ตาม การหยุดงานดังกล่าวเกิดขึ้นกับจีเอ็มเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2007 ซึ่งการหยุดงานดังกล่าว คาดจะสร้างความเสียหาย 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือราว 9,100 ล้านบาท หากพนักงานประท้วงเป็นเวลา 2 วัน ด้าน ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ได้ออกโรงเรียกร้องให้ทั้งฝ่ายสามารถเจรจาได้โดยเร็วที่สุด ก่อนที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ หลังมีแนวโน้มที่การเจรจาจะลากยาวไปจนถึงเดือนต.ค.