เมื่อวันที่ 20 ม.ค. 63 ร.ท.หญิง สุณิสา ทิวากรดำรง รองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีที่ นายนิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ อดีต ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า นายฉลอง เทอดวีระพงศ์ ส.ส.พัทลุง พรรคภูมิใจไทย ให้บุคคลอื่นกดบัตรแสดงตนและลงคะแนนแทนระหว่างการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ที่รัฐสภา ว่า หวังว่า นาย ชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ในฐานะประธานสภาผู้แทนราษฎร จะดูแลการตรวจสอบข้อร้องเรียนเรื่องการเสียบบัตรแทนกัน ในการลงมติร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ในวาระ ที่ 2 และวาระที่ 3 ตามหลักฐานของ นายนิพิฏฐ์ อย่างตรงไปตรงมา เพราะพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคร่วมรัฐบาลด้วย ถ้าผลการสอบสวนออกมาในลักษณะมวยล้มต้มคนดู สังคมจะมองว่า ประธานสภากำลังปกป้องผลประโยชน์ของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จนยอมละทิ้งหลักการ เพราะหากกระบวนการลงมติร่าง พ.ร.บ.งบประมาณดังกล่าว มีปัญหาจนนำไปสู่การตีความให้กลายเป็นโมฆะในภายหลัง ก็จะส่งผลถึงเก้าอี้นายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ ทันที เพราะนี่เป็นการลงมติรับร่างกฎหมายเกี่ยวกับการเงินที่สำคัญ ไม่ใช่การลงมติกฎหมายทั่วๆ ไป ดังนั้น หากร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ ดังกล่าวไม่ผ่านความเห็นชอบของสภา รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ก็ต้องรับผิดชอบด้วยการลาออก หรือยุบสภา ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่มาก จึงทำให้มีคนจ้องตรวจสอบว่ามีการลงมติแทนกันหรือเปล่า เพราะมันเคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีต ซึ่งในครั้งนี้ หลักฐานของ นายนิพิฏฐ์ ก็ชัดเจน ประกอบกับตัว ส.ส พัทลุง ที่ถูกกล่าวหา ก็ออกมายอมรับแล้วว่า นายนิพิฏฐ์ พูดเรื่องจริง ดังนั้น ตอนนี้ก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของสภาแล้วว่าจะกล้าตรวจสอบเรื่องนี้อย่างจริงจังหรือไม่ และหลังตรวจสอบจะกล้าสรุปผลสอบเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมาหรือไม่ เพราะเรื่องนี้มีเดิมพันสูงเกี่ยวข้องกับชะตากรรมของ พล.อ.ประยุทธ์ โดยตรง และอาจมีผลถึงขั้นต้องเปลี่ยนรัฐบาล
ร.ท.หญิง สุณิสา กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ในโลกโซเชียลก็มีคนเสนอให้สภาใช้เครื่องสแกนนิ้วมือในการลงมติต่างๆ เพื่อแก้ปัญหากดบัตรแทนกัน ซึ่งตนก็เห็นด้วยเพราะคราวนี้หากจะลงมติแทนกัน ก็ต้องตัดนิ้วตัวเองแล้วฝากเพื่อนไปสแกนให้ ซึ่งคนสติดีๆ คงไม่ยอมเสียสละตัดนิ้วมือตัวเองฝากคนอื่นให้ลงมติแทนอย่างแน่นอน นอกจากนี้ ยังเป็นการพิสูจน์ตัวบุคคลและเวลาในการลงมติที่น่าเชื่อถืออีกด้วย และปัจจุบัน ในองค์กรทั่วๆ ไป ก็ใช้เครื่องสแกนนิ้วอย่างแพร่หลาย เชื่อว่างบประมาณไม่น่าจะสูงเกินไป ถ้าหากสภาจะติดตั้งอุปกรณ์ดังกล่าว ก็น่าจะเป็นการใช้งบประมาณที่คุ้มค่า เชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่คงจะไม่คัดค้าน เพราะยังมีประโยชน์กว่าการเอาเงินไปซื้อรถเก๋งประจำตำแหน่งราคาแพงๆ แจกผู้บริหารของสภาเป็นไหนๆ