โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

พณ.ชี้ตลาดโลกต้องการข้าวไทยพุ่ง รับพิษโควิด-19 ล็อกดาวน์ประเทศผู้ส่งออกหลายราย

สยามรัฐ

อัพเดต 01 เม.ย. 2563 เวลา 09.48 น. • เผยแพร่ 01 เม.ย. 2563 เวลา 09.48 น. • สยามรัฐออนไลน์
พณ.ชี้ตลาดโลกต้องการข้าวไทยพุ่ง รับพิษโควิด-19 ล็อกดาวน์ประเทศผู้ส่งออกหลายราย

พณ.เผยข้าวไทยยังเป็นที่ต้องการของชาวโลก หลังอินเดีย-จีน-เวียดนามห้ามส่งออกจากพิษโควิด-19

น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการ สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า สนค.ได้ติดตามสถานการณ์การผลิตและการส่งออกข้าวของประเทศต่างๆในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยพบว่าประเทศผู้ผลิตและส่งออกข้าวรายสำคัญ เช่น อินเดีย จีน และเวียดนาม ต่างใช้มาตรการปิดประเทศ (Lockdown) และเน้นการผลิตอาหารเพื่อให้เพียงพอต่อการบริโภคภายในประเทศเป็นหลัก ส่งผลให้เกิดการชะลอการส่งออก และอาจทำให้ประเทศใดประเทศหนึ่ง ซึ่งต้องการนำเข้าข้าวหันมาสั่งซื้อข้าวจากไทยเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ภาครัฐและเอกชนของไทยจำเป็นต้องติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิดและคำนึงถึงการบริหารจัดการสตอกข้าวสำหรับการบริโภคภายในประเทศและการส่งออกข้าวอย่างเหมาะสมและสมดุล เพราะเชื่อว่าภายหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 สิ้นสุด ประเทศต่างๆน่าจะมีความต้องการบริโภคข้าวและสินค้าอาหารที่ได้คุณภาพและมีมาตรฐานสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็นโอกาสทองของไทยในการผลักดันการส่งออกข้าวไทยไปทั่วโลก

โดยในส่วนของอินเดีย พบว่ามีการใช้มาตรการปิดประเทศ โดยห้ามประชาชนออกจากบ้าน และปิดการขนส่งทุกประเภท โดยในส่วนของความมั่นคงทางอาหาร อนุญาตให้อุตสาหกรรมผลิตอาหารดำเนินกิจการต่อไปได้ แต่ปรับลดเวลาทำงานและจำนวนแรงงานลง โดยให้ภาคเอกชนเร่งผลิตข้าว แป้ง และถั่ว เพื่อรองรับการขาดแคลนอาหารที่อาจจะเกิดขึ้นกับประชากรกว่า 1,300 ล้านคน ทำให้ประเทศที่พึ่งพาการนำเข้าข้าวจากอินเดียอาจได้รับผลกระทบจากการที่ผลผลิตข้าวในอินเดียไม่เพียงพอในการส่งออกช่วงปีนี้ โดยเฉพาะตลาดข้าวบาสมาติของอินเดีย ไม่ว่าจะเป็นประเทศในแถบภูมิภาคตะวันออกกลาง ได้แก่ อิหร่าน ซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อิรัก คูเวต และเยเมน รวมทั้งสหราชอาณาจักร และสหรัฐ และยังรวมถึงตลาดข้าวที่ไม่ใช่บาสมาติ ได้แก่ ประเทศในภูมิภาคแอฟริกาและประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ไนจีเรีย เบนิน โตโก ไอโวรีโคสต์ ไลบีเรีย เซเนกัล รวมถึงบังกลาเทศ ศรีลังกา และเนปาล

ขณะที่จีนในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาได้เปลี่ยนจากเป็นผู้นำเข้าข้าวไทยรายใหญ่กลายเป็นผู้ผลิตและส่งออกข้าวของโลก เนื่องจากจีนมีข้าวในสตอกกว่า 115-118 ล้านตัน ซึ่งมีปริมาณมากกว่าผู้ส่งออกและผู้นำเข้าข้าวในโลกรวมกัน ดังนั้น ในช่วงสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 รัฐบาลจีนให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างความมั่นคงทางอาหารให้กับประเทศ โดยเร่งเพิ่มกำลังการผลิตข้าว ธัญพืช พืชเกษตร และอาหารอย่างต่อเนื่อง ส่วนเวียดนาม รัฐบาลได้เตรียมระงับการส่งออกข้าว และสำรองข้าว 190,000 ตัน เพื่อการบริโภคภายในประเทศในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 อาจทำให้ประเทศที่นำเข้าข้าวจากเวียดนามเช่น จีน ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย หันมาสั่งซื้อข้าวจากไทยมากขึ้น

ทั้งนี้หากดูปริมาณการผลิตข้าวไทยปี 2562/2563 มีผลผลิตข้าวเปลือกรวม 28.44 ล้านตัน เป็นข้าวขาว 5% ปริมาณ 11.04 ล้านตัน ข้าวหอมมะลิและข้าวหอมไทย 9.43 ล้านต้น ข้าวเหนียว 6.43 ล้านตัน และข้าวอื่นๆ 1.58 ล้านตัน เมื่อแปรสภาพเป็นข้าวสาร จะมีปริมาณ 18.80 ล้านตัน และยังมีสตอกต้นปี 2563 คงเหลือจากปี 2562 ประมาณ 4.24 ล้านตัน ซึ่งไทยมีการบริโภคในประเทศ 11.70 ล้านตัน คาดว่าจะส่งออก 7.50 ล้านตัน คงเหลือสต๊อกปลายปี 3.79 ล้านตัน โดยไทยถือเป็นประเทศที่มีสตอกข้าวปลายปีมากเป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากจีนและอินเดีย

โดยคาดว่าไทยจะไม่มีปัญหาข้าวขาดแคลน เพราะความต้องการบริโภคอยู่ที่ 50% ของผลผลิตทั้งหมด ส่งออกประมาณ 32% ที่เหลือเป็นสตอกคงเหลือแต่ละปี หากมีความต้องการส่งออกเพิ่มขึ้นก็ไม่มีผลกระทบต่อปริมาณข้าวบริโภคในประเทศ เพราะการบริโภคในประเทศจะสูงขึ้นบ้าง จากการที่ประชาชนกักตัวอยู่บ้าน แต่ลดลงในส่วนของจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาไทยลดลง ทำให้มีการบริโภคข้าวลดลงตามไปก็ตาม และไทยจะมีปริมาณการบริโภคข้าวภายในประเทศได้อย่างเพียงพอแน่นอน

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0