‘พงศ์เทพ’ แฉ มีพรรคใหญ่เป็นอีแอบ หนุน ‘บิ๊กตู่’ แต่ไม่กล้าบอก เพราะกลัวคนไม่เลือก
วันนี้ (22 ก.พ.) ที่บริเวณที่ทำการพรรคเพื่อไทย ถนนเพชรเกษม – หนองเสือ ต.เกาะหลัก อ.เมือง เขตเลือกตั้งที่ 1 จ.ประจวบคีรีขันธ์ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา อดีตรองนายกรัฐมนตรี ผู้สมัครส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 13 พรรคเพื่อไทย ขึ้นปราศรัยว่า การเลือกตั้งครั้งนี้มีการวางแผนสืบทอดอำนาจของกลุ่มบุคคลที่ยึดอำนาจนาน 5 ปี โดยเขียนรัฐธรรมนูญให้มี 250 ส.ว.ที่มาจากการแต่งตั้ง ดังนั้น การเลือกตั้งครั้งนี้ประชาชนจะต้องตัดสินใจเลือกพรรคการเมืองที่หนุนขั้วประชาธิปไตย ไม่เอาพล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี ถ้าไม่อยากเห็นลุงออก ทีวี ไม่อยากปิดทีวีทุกวันศุกร์ ก็ขอให้เลือกพรรคเพื่อไทยที่มีจุดยืนชัดเจน ขณะที่มีพรรคการเมืองใหญ่บางพรรคเป็นพรรคอีกแอบต้องการหนุนการสืบทอดอำนาจ ไม่กล้าหาเสียงบอกว่าจะหนุนพล.อ.ประยุทธ์ เพราะกลัวประชาชนไม่เลือก ทั้งที่วางแผนเพื่อต้องการจะไปเข้าร่วมรัฐบาล ดังนั้นขอให้ประชาชนตัดสินใจเลือกพรรคที่มีประสบการณ์เพื่อแก้ปัญหาปากท้องและวิกฤตเศรษฐกิจ
“ต้องยอมรับว่า รัฐบาลปัจจุบันไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่น เพราะนักลงทุนส่วนใหญ่เอาเงินไปลงทุนในต่างประเทศ ทำให้การใช้จ่ายเงินของภาครัฐไม่กระตุ้นเศรษฐกิจตามเป้าหมาย เนื่องจากรัฐบาลมุ่งมั่นนำงบไปซื้ออาวุธ ไปซื้อเรือดำน้ำจากจีน ทั้งที่องทัพเคยซื้ออาวุธหลายประเภททั้งที่ไม่ได้ใช้และใช้ไม่ได้ โดยเฉพาะเรือเหาะในภาคใต้แต่ไม่สามารถใช้การได้ ซื้อจีที 200 เพื่อตรวจระเบิด ตรวจยาเสพติด ซื้อเครื่องละ 8 แสน ถึง 1 ล้านบาท แต่ โดยมีรัฐมนตรีที่เคยเป็นนายทหารระดับสูงที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อในรัฐบาลไม่เคยออกมาแสดงความรับผิดชอบ” นายพงศ์เทพ กล่าว
นายพงษ์เทพ กล่าวอีกว่า วันนี้สับปะรดที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์มีปัญหามาก จากราคาตกต่ำ เนื่องจากการผลิต 90% ส่งออกไปขายที่สหภาพยุโรป สมัยตนเป็นรองนายกรัฐมนตรีทราบว่าประเทศไทยมีสิทธิพิเศษทางภาษีและจะหมดลงในปี 2557 จะต้องมีการเจรจาทำการค้าเสรี เพื่อได้สิทธิส่งออกไปยุโรปในอัตราภาษีเท่าเดิม แ ต่เมื่อมีการยึดอำนาจ ทำให้สหภาพยุโรปไม่เจรจากับรัฐบาลปัจจุบัน ทำให้ประเทศไทยต้องเสียภาษีสินค้าในการส่งออกสูงกว่าประเทศเพื่อนบ้านสับปะรดจากไทยต้องสูญเสียโอกาสในการแข่งขัน สับปะรดจึงมีราคาตกต่ำ อีกกลุ่มที่เดือดร้อนคือการทำประมง ทำให้อาหารทะเลที่คนไทยบริโภคต้องนำเข้า เนื่องจากเรือประมงไทยมีปัญหาจากการบังคับใช้กฎหมายที่เกิดจากรัฐบาลขุดปัจจุบันบริหารประเภทไม่เอาอ่าว ทั้งที่ไทยมีสิทธิผ่อนปรนตามที่สหภาพยุโรปแนะนำ โดยประวิงเวลาได้นาน 10 ปี โดยไม่ต้องรีบทำทันที
