โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ฝ่ายปชต.เสียท่า-อียูฟื้นสัมพันธ์ปกติรัฐบาล”ลุงตู่” !!

Manager Online

เผยแพร่ 15 ต.ค. 2562 เวลา 18.51 น. • MGR Online

เมืองไทย 360 องศา

จะเรียกว่าเป็นการพลาดท่าเสียทีครั้งใหญ่สำหรับฝ่ายที่อ้างตัวว่าเป็น “ฝ่ายประชาธิปไตย” ในบ้านเรา ที่เคลื่อนไหวในนามพรรคร่วมฝ่ายค้าน อันประกอบด้วยพรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่ และพรรคขนาดเล็กอีกจำนวนหนึ่ง ขณะเดียวกันก็ได้กล่าวหาอีกฝ่ายเป็นพวกสืบทอดอำนาจเผด็จการ คสช.ที่ให้การสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี

ที่ผ่านมาฝ่ายที่อ้างตัวว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตยดังกล่าวมีการเคลื่อนไหวต่อต้านมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในและต่างประเทศ โดยในต่างประเทศนั้นเคยมีแม้กระทั่งมีระดับหัวหน้าพรรค เช่น ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่นำคณะเดินทางไปล็อบบี้ หรือรายงานสถานการณ์ในประเทศไทยว่าไม่มีความเป็นประชาธิปไตยอย่างไรบ้าง โดยหยิบยกเอาเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชนในไทยมาตั้งแต่ยุครัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่ชาติ(คสช.) โดยครั้งนั้นเขาได้พยายามเข้าพบกับระดับเจ้าหน้าที่ของสภาพยุโรป รวมไปถึงให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศอีกด้วย

อย่างไรก็ดีแม้ว่าการเดินทางไปเยือนที่ตั้งสหภาพยุโรป(อียู) ในกรุงบรัสเซลส์ ของเบลเยียมในช่วงใกล้เลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา จะถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในทำนองกล่าวหาหรือบิดเบือนสถานการณ์ให้ผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริงหรือในความหมาย “ชักศึกเข้าบ้าน”ก็ตาม แต่ขณะเดียวกันกลับมีสัญญาณที่ไม่ค่อยได้รับเสียงตอบรับเท่าใดนัก เมื่อสังเกตได้จากบุคคลที่เข้าพบหรือสนทนาล้วนเป็นเจ้าหน้าที่ระดับล่างๆ หรือแม้แต่สื่อต่างประเทศอย่างบีบีซี ก็เป็นบีบีซีไทยที่มีความคุ้นเคย อีกทั้งในเวลาต่อมาก็ยังมีการเปิดเผยข้อมูลตามมาอีกว่ามีการว่าจ้างบริษัทล็อบบี้ยิสต์เพื่อให้ข้อมูลในด้านปัญหาสิทธิมนุษยชนในไทย รวมไปถึงมีเหตุการณ์ชาวต่างชาติจำนวนหนึ่งชูป้ายประท้วง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรฐมนตรีขณะเดินทางไปร่วมประชุมสหประชาชาติ(ยูเอ็น) ที่นครนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา เมื่อเดือนก่อน ซึ่งก็มีการกล่าวหาว่าเชื่อมโยงกับบริษัทล็อบบี้ยิสต์ต่างชาติดังกล่าวนี้ด้วย

สำหรับท่าทีล่าสุดของอียูดังกล่าวมีการแถลงผ่านทางเว็ปไซต์เมื่อวันที่ 14 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยสรุปสาระสำคัญก็คือชี้ให้เห็นถึงการพัฒนาการทางการเมืองในทุกด้านทั้งเรื่องสิทธิมนุษยชน เสรีภาพขั้นพื้นฐาน ในด้านประชาธิปไตยผ่านการเลือกตั้ง และประกาศฟื้นฟูกระชับความสัมพันธ์ในระดับปกติระดับ “หุ้นส่วน” ให้แน่นแฟ้นทุกด้าน พร้อมกันนี้ได้ย้ำว่าพร้อมที่จะกลับมาเจรจาเขตการค้าเสรีหรือ เอฟทีเอ ไทย-อียู ต่อไป ในเร็วๆนี้

แน่นอนว่านี่คือการประกาศของอียูอย่างเป็นทางการสำหรับการกระชับความสัมพันธ์กับไทยในขั้นปกติหลังจากหยุดชะงักไปจากการรัฐประหารเมื่อ 22 พฤษภาคม 2557 อย่างไรก็ดีในช่วงก่อนการเลือกตั้งทางฝ่ายอียูก็ได้ส่งสัญญาณปรับความสัมพันธ์กับไทยมาอย่างต่อเนื่อง มีการเดินทางเยือนไทยของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของอียูหลายครั้ง และที่สำคัญได้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐอเมริกากับไทยที่กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง มีการขายอาวุธให้ไทย อีกทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และยังเป็นหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ในเวลานั้นก็ยังได้รับเชิญจาก ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ไปเยือนทำเนียบขาวมาแล้ว

อย่างไรก็ดีหากพิจารณาจากสถานการณ์ความเป็นจริงการกลับมาฟื้นฟูความสัมพันธ์กับไทย สาเหตุสำคัญที่รับรู้กันอยู่ว่าเป็นเพราะผลประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจ ความมั่นคงในภูมิภาคเป็นหลักมากกว่าจะเป็นเรื่องประชาธิปไตยตามที่กล่าวอ้างบังหน้า และที่ผ่านมาไทยก็ได้มีความใกล้ชิดกับมหาอำนาจอื่น เช่น จีน และอีกหลายประเทศ เข้ามาแทนที่ ทำให้ประเทศทางตะวันตกเหล่านั้นต้องเสียประโยชน์

เมื่อวกกลับมาที่การเมืองในประเทศไทยเมื่อมีการแถลงปรับความสัมพันธ์อย่างเป็นทางการของอียูกับไทยแบบนี้ย่อมส่งผลกระทบต่อฝ่ายที่อ้างว่าเป็นพวกประชาธิปไตย อย่างแน่นอน อย่างน้อยก็เป็นเครื่องยืนยันว่า การล็อบบี้ของพวกเขาล้มเหลว ไม่สามารถโน้มน้าวให้ทางอียูเชื่อถือได้ หรืออีกด้านหนึ่งทางฝ่ายอียูได้เล็งเห็นผลประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจโดยการกระชับความสัมพันธ์กับรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

อีกทั้งยังเป็นการการันตีให้เป็นอย่างดีว่านี่คือรัฐบาลประชาธิปไตยที่ผ่านทางการเลือกตั้ง ซึ่งอย่างหลังนี่แหละที่จะส่งผลทำให้การสร้างกระแสโจมตีในเรื่องความไม่ชอบธรรม หรือเรื่องเผด็จการสืบทอดอำนาจต้องเงียบเสียงลงไป

ขณะเดียวกันยังเป็นการชี้ให้เห็นแล้วว่า การแอบอ้างประชาธิปไตยนั้นเป็นเพียงวาทกรรม ที่ไม่มีจริง เป็นเพียงความพยายามสร้างเงื่อนไขเพื่อช่วงชิงอำนาจทางการเมืองของอีกฝ่ายเท่านั้น ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้เห็นสัญญาณบวกมาจากฝ่ายสหภาพยุโรปหรืออียูมาอย่างต่อเนื่อง เพียงแต่ว่าครั้งนี้เป็นการแถลงออกมาอย่างเป็นทางการเท่านั้น

สำหรับรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นั้นท่าทีแบบนี้ถือว่า เป็นเรื่องที่น่ายินดี เพราะสามารถปลดเงื่อนเงื่อนไขจากภายนอกลงไปได้อย่างสิ้นเชิงแล้ว !!

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0