“เสรี” ชี้ แก้รัฐธรรมนูญไม่ง่าย เเตกต่างจากสมัยส.ส.ร. หยัน สาดโคลนบิ๊กตู่-ส.ว.ปิดประตูรื้อแก้ทั้งฉบับ
เมื่อวันที่ 22ก.ย. นายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) อดีตรองประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญปี 50 (ส.ส.ร.) และอดีตสภาร่างรัฐธรรมนูญปี 39 กล่าวถึงกรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ยืนยันจะรณรงค์ให้เกิดการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยการแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับว่า
บรรยากาศขณะนี้แตกต่างจากสมัยตนเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ ที่ขณะนั้นสังคมรวมถึงทุกพรรคการเมืองเห็นพ้องให้มีการยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ เพื่อให้เกิดการปฏิรูปการเมือง โดยกลไกการแก้ไขรัฐธรรมนูญขณะนั้น ไม่ได้สลับซับซ้อนจนแก้ไขได้ยากเหมือนรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน จึงขอย้ำว่าตนไม่ได้ขวางแก้รัฐธรรมนูญ
แต่ทั้งนี้จะสำเร็จได้ต้องเกิดจากความเห็นพ้องของทุกฝ่าย ทั้งวิธีการ เงื่อนไขเเละหลักการ รวมถึงต้องมีมติของมหาชนในบางเรื่องด้วย เพราะรัฐธรรมนูญผ่านการทำประชามติมา จะชอบหรือไม่ชอบก็เป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศไปแล้ว การแก้ไขดังกล่าวต้องมีเหตุผลประเด็นปัญหาที่เเสดงให้เห็นว่ารัฐธรรมนูญมีปัญหาอย่างไร ต้องดูเงื่อนไขวิธีการแก้ไขตามรัฐธรรมนูญปัจจุบันบัญญัติเอาไว้ด้วย ซึ่งตนยอมรับว่าแก้ไขยาก
เช่น มติที่ต้องใช้เสียงส.ส.และส.ว.รวมให้ได้กึ่งหนึ่ง กล่าวคือต้องมีเสียงส.ว.ประกอบด้วยไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 คือ 85 เสียง ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ข้อสำคัญในบางประเด็นการแก้ไขอาจจะต้องทำประชามติอีก ดังนั้น การเสนอแก้ไขนั้นทำได้ แต่จะสำเร็จได้ต้องเป็นความเห็นพ้องของทุกฝ่าย
แต่หากฝ่ายค้านมาเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ยังพูดหรือนำประเด็นมาโจมตีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม หรือพูดว่าจะแก้ไขเพื่อให้ส.ว.ไม่มีอำนาจหน้าที่เหมือนที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ยิ่งเป็นประเด็นความขัดเเย้ง ทำให้สังคมยิ่งจะมองออกชัดเจนว่า หากฝ่ายค้านยังใช้การโจมตีแบบนี้อยู่ จะทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่สำเร็จ และจะเกิดความขัดเเย้งมากขึ้น
กลายเป็นสร้างประเด็นการเมืองเพื่อหาเสียงให้ฝ่ายตัวเองมากกว่าโดยไม่จริงใจ ตั้งใจแก้รัฐธรรมนูญอย่างที่พูดมา เพราะผลปรากฏชัดเจนเเล้วบนความขัดเเย้งดังกล่าวไม่สามารถแก้รัฐธรรมนูญได้ และถ้าพูดว่าจะเเก้ทั้งฉบับ ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะมาแก้ด้วยวิธีการระดมโจมตีแบบนี้ แก้ไม่ได้อยู่เเล้ว ถ้าแก้ไม่สำเร็จก็จะโยนบาปเคราะห์ให้อีกฝ่าย
