โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

บันเทิง

ฝีมือพิสูจน์คน! โดม จารุวัฒน์ เล่าเส้นทางความดัง กว่าจะมีวันนี้เคยโดน Bully หนักมาก!

TrueID - Music

อัพเดต 22 ต.ค. 2561 เวลา 14.41 น. • เผยแพร่ 22 ต.ค. 2561 เวลา 14.31 น. • TrueID
ฝีมือพิสูจน์คน! โดม จารุวัฒน์ เล่าเส้นทางความดัง กว่าจะมีวันนี้เคยโดน Bully หนักมาก!
ฝีมือพิสูจน์คน! โดม จารุวัฒน์ เล่าเส้นทางความดัง กว่าจะมีวันนี้เคยโดน Bully หนักมาก!

เป็นนักร้องหนุ่มที่มีความสามารถก้าวเข้ามาในวงการจากเวทีประกวด สำหรับ “โดม จารุวัฒน์” ที่ต้องยอมรับเลยว่า เสียงของเจ้าตัวทรงพลังมาก ๆ จนทำให้หนุ่มโดม คว้าแชมป์ เดอะสตาร์ 8 มาครองได้สำเร็จ แต่เส้นทางกว่าจะมาถึงดวงดาวของหนุ่มโดมมันไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เจ้าตัวต้องฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ มากมาย ทั้งพ่อป่วยหนัก อ้วนดำ หน้าตาไม่ดีจนคิดอยากออกจากวงการ รวมไปถึงคบผู้หญิงบังหน้า เพราะแท้จริงแล้วหนุ่มโดมเป็นเกย์ ล่าสุด หนุ่มโดม ได้มาเปิดใจถึงเรื่องราวทั้งหมดแบบหมดเปลือก 

 

 

ชีวิตตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?

 

โดม : ก็ดีครับ ปีนี้เป็นอีกหนึ่งปีที่ได้ทำงานเยอะแยะมาก แล้วก็เป็นปีที่เราได้ทำงานที่เราใฝ่ฝันมาตลอดชีวิต นั่นก็คือการเล่นละครเวที ก็เรียกว่าได้รับโอกาสที่ดีครับ คือเราคิดว่าละครเวทีเป็นศาสตร์ที่น่าสนใจดี แล้วเราก็อยากทำมันมาตลอด หลังจากที่เข้าวงการบันเทิงมาสักพักหนึ่งปีนี้แหละเป็นปีแรกที่ได้เล่นละครเวทีครับ

 

 

เห็นว่าสิ่งหนึ่งที่อยากทำคือการพาคุณพ่อคุณแม่มาอยู่กับด้วยที่กรุงเทพฯ ตอนนี้สำเร็จแล้วหรือยัง?

 

โดม : จริงๆก็มีซื้อบ้านเอาไว้ครับ แต่ด้วยแบบบางทีเราทำงาน ถ้าเกิดว่าขึ้นมาอยู่ปั๊บแล้วอาจจะไม่ได้มีคนดูแลเขาขนาดนั้น กลัวเขาเหงา พอมาอยู่ที่นี่เขาก็ไม่รู้จะทำอะไร คืออยู่บ้านที่ภูเก็ต อย่างน้อยเขาก็จะมีคนแถวบ้านหรือญาติๆมาหาอะไรแบบนี้ ก็ยังรู้สึกว่าไม่เหงา แต่ว่าถ้าคิดถึงหรืออยากจะดูคอนเสิร์ต หรือละครเวทีของเรา ก็จะมีการขึ้นมาหาผมครับ เป็นกรณีไป หรือผมก็จะไปหาที่บ้านบ้าง ก็ผลัดๆกันครับ

 

ทราบมาว่าคุณพ่อป่วย ตอนนี้อาการท่านเป็นยังไงบ้าง?

 

โดม : อาการตอนนี้ก็ดีขึ้นครับ คือดีขึ้นจากช่วงแรกๆเลย แล้วก็ผมว่าสิ่งที่มันเห็นและพัฒนาได้อย่างชัดเจน ก็คือ อารมณ์ สุขภาพจิต จากเดิมที่เขารู้สึกแย่เพราะว่า จากคนที่เคยสามารถทำอะไรได้เอง เดินเหินได้ปกติ อยากจะไปไหนก็ได้ไปอะไรแบบนี้ แต่ว่าพอเป็นอัมพฤกษ์ปั๊บ เขาจะไม่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างตามใจแล้ว ก็จะมีความหงุดหงิด ฉุนเฉียว แต่ว่าพอมันผ่านระยะเวลามาช่วงนึง เขาก็จะเริ่มเข้าใจ หรือปล่อยวางได้บ้างแล้ว

 

 

ย้อนเหตุการณ์ตอนนั้นที่เส้นเลือดในสมองแตกหน่อยเกิดอะไรขึ้น ผ่านมากี่ปีแล้ว?

 

โดม : ผ่านมา 8-9 ปีแล้วครับ คือวันนั้นจริงๆผมไม่ได้อยู่บ้านไปทำงานครับ คือต้องบอกว่าคุณพ่อเป็นคนดูแลสุขภาพนะ ออกกำลังกาย ตื่นเช้ามาจะวิ่งทุกวัน แต่ว่าช่วงนั้นอาจจะทำงานหนัก ไม่ได้พักผ่อนเท่าที่ควร อยู่ๆก่อนจะนอนเขาก็ปวดหัวขึ้นมา แล้วก็ปวดตา แล้วก็รู้สึกเหมือนจะเป็นลม แม่เห็นท่าไม่ดีก็เลยเรียกรถพยาบาลมา คือผมจะตามไปจากทำงานเสร็จ พอไปถึงโรงพยาบาลผมก็เห็นเขานอนอยู่ แล้วคุณหมอก็เดินออกมาบอกว่า "คนไข้จะอยู่ได้อีกแค่ 2 วันเท่านั้น" ตอนนั้นผมก็ช็อคและอึ้งไปเลย ไม่รู้จะทำอะไรต่อดีเพราะว่าเราเคยชินกับการที่อยู่เป็นครอบครัว แม่ก็ร้องไห้ตั้งตัวไม่ทัน มันก็เป็นช่วงเวลา 2 วันที่ทรมาน หมอบอกว่าเส้นเลือดในสมอง ที่อยู่แกนกลางสมองมันระเบิดออกมา เกิดเลือดคลั่งทับสมองส่วนที่ควบคุมการหายใจ คุณหมอก็ใช้เครื่องช่วยหายใจยื้อไปเรื่อยๆ จังหวะนั้นคือนั่งข้างเตียงลุ้นมาก แต่พอผ่าน 2 วันนั้นมาได้เราก็ค่อยๆตั้งสติตัวเอง ก็เห็นว่าเขายังอยู่กับเรา ยังไม่ไป ก็ผ่านมาเรื่อยๆ เขาสลบไปประมาณ 24 วันครับ แล้วก็ฟื้นขึ้นมา ก็ถือเป็นปาฏิหาริย์ครับ

 

 

หลังจากคุณพ่อป่วย ชีวิตเราตอนนั้นเป็นยังไง?

 

โดม : เราก็เริ่มเห็นแล้วว่าพอคุณพ่อป่วยปั๊บ คนที่จะต้องขึ้นมาเป็นเสาหลักมันก็ต้องเป็นเรา เพราะเราเป็นพี่ชายคนโต คุณแม่เขาก็อาจจะทำงานค้าขาย แต่ก็มันก็คงไม่ได้ช่วยเหลือในการเลี้ยงดูได้มากๆแน่ เพราะฉะนั้นเราเองก็ต้องเริ่มรู้สึกแล้วว่าเราจะต้องเป็นเสาหลัก เราก็เลยต้องหาเส้นทางที่มันมั่นคงสำหรับชีวิตเรา ก็เลยเลือกเรียนนิติศาสตร์ จากตอนแรกที่เคยมีความฝันว่าอยากจะเรียนนิเทศศาสตร์เพื่อเป็นผู้กำกับ ก็เลยต้องเปลี่ยนตัวเอง เพราะว่าอันนี้เป็นสิ่งที่คุณพ่ออยากให้เรียน เขาก็คงเห็นว่าเราน่าจะไปทางนี้ได้ เราเองก็มีความชอบในด้านนี้อยู่ และเราก็คิดว่ามันต้องมั่นคงแน่ๆ ก็เลยเลือกเรียนนิติศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

 

          View this post on Instagram                  

"ขอแลกทุกอย่างที่มี…เพื่อวินาทีของเธอ" #สามแยกปากหวาน ดูย้อนหลังได้แล้วจ้าาาาา

A post shared by Dome Jaruwat (@domejaruwat) on Apr 21, 2018 at 9:50pm PDT

 

แล้วเข้ามาประกวดรายการเดอะสตาร์ได้ยังไง?

 

โดม : สมัครเพราะว่า ตอนนั้นเกิดเหตุการณ์น้ำท่วม เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมปี 54 แล้วมหาวิทยาลัยก็ปิด ไม่สามารถทำการเรียนการสอนได้ ผมก็เลยต้องกลับไปอยู่ที่ภูเก็ต แล้วก็เป็นช่วงที่เราว่าง แล้วก็เห็นว่ามีเดอะสตาร์มารับสมัครที่ภูเก็ต ซึ่งปีก่อนๆหน้านั้นเราก็เคยไปสมัครมาแล้ว แต่ก็ไม่ได้เข้ารอบ ก็หาประสบการณ์ให้ตัวเอง แล้วพอช่วงเวลามันพอดี ครั้งนี้ผ่านเข้ารอบครับ ก็ผ่านเข้ามาเรื่อยๆ จนมันไปไกลกว่าที่เราคิดไว้มากๆ กลายเป็น 8 คนสุดท้าย แล้วก็คว้าแชมป์มาเป็น The Star 8 ครับ

 

          View this post on Instagram                  

รักนะสมุยเฟส 2018 ขอบคุณทุกคนที่มาเฮริมทะเลไปด้วยกันนะครับ ;))

A post shared by Dome Jaruwat (@domejaruwat) on Sep 26, 2018 at 10:38pm PDT

 

หลังได้แชมป์ก็มีดราม่าเรื่องหน้าตา เล่าให้ฟังหน่อย?

 

โดม : คือตอนที่อยู่ในบ้านจะไม่ได้รับรู้อะไรเพราะเขาไม่ให้ใช้มือถือ ไม่ให้รับกระแสใดๆเลย แต่พอออกจากบ้านเราก็เปิดดูว่าที่ผ่านมาเป็นยังไงบ้าง คอมเม้นท์ต่างๆใน YouTube อะไรแบบนี้ ก็เห็นว่ามันหนักกว่าที่เราคิดเอาไว้ สมัยก่อนเราอึ้งมาก รู้สึกแบบจุก มันขนาดนี้เลยเหรออะไรแบบนี้ เราอาจจะไม่ได้ทำให้เขามีความสุขขนาดนั้น ก็ขอโทษ เราทำอะไรไม่ได้เลย เพราะหน้าที่ของเราหมดแล้ว หน้าที่ของเราคือ ทำงานให้ดีที่สุด แล้วผู้เสพจะรู้สึกยังไงมันก็เป็นสิทธิ์ของเขา เราไม่มีสิทธิ์ไปบังคับใครได้

 

 

เคยท้อ ถึงขนาดคิดอยากจะออกจากวงการไหม?

 

โดม : ไม่มี มันรู้สึกว่าสุดท้ายแล้ว ผมยังมั่นใจว่าวงการนี้ยังมีที่ให้กับคนที่มีความสามารถ มีที่ให้กับคนที่มั่นใจ มีที่ให้กับทุกๆคนเสมอ ผมมั่นใจอย่างนั้น แล้วก็ เราก็พร้อมที่จะเป็นกำลังใจให้กับทุกๆคน ที่อาจจะไม่มั่นใจในตัวเอง เป็นกำลังใจให้เขาลุกขึ้นมาสู้ ถ้าเราทำได้ผมมั่นใจว่าคุณก็ต้องทำได้เหมือนกัน

 

สิ่งที่ทำให้เราผ่านคอมเม้นต่างๆมาได้ คืออะไร?

 

โดม : ครอบครัวครับ แฟนคลับ คือแฟนคลับเราจะเป็นพวกเรียบร้อย อ่านแล้วก็มาฟ้องเบาๆอะไรแบบนี้ แล้วเขาก็จะไม่ได้เข้าไปถล่มหรืออะไร สิ่งเหล่านี้แหละครับ ด้วยครอบครัวและแฟนคลับ คือกำลังใจที่ทำให้เรารู้สึกว่า อยากจะทำงานต่อไป

 

 

อยากจะบอกอะไรกับคนที่ชอบตัดสินคนอื่นที่รูปร่างหน้าตามากกว่าความสามารถบ้างบ้าง?

 

โดม : จริงๆมันก็เป็นสิทธิ์ของทุกคนอยู่แล้ว ในเรื่องของรสนิยม ชอบหรือไม่ชอบ งานศิลปะมันไม่มีถูกผิด มันจะมีแค่คำว่าชอบหรือไม่ชอบ ผมถือว่าเรามีหน้าที่ทำงานศิลปะชิ้นหนึ่งให้กับคุณผู้ชม ถ้าเกิดคุณผู้ชมชอบหรือไม่ชอบอันนี้ก็จะเป็นความรู้สึกส่วนตัวของแต่ละคน หน้าที่ของเรามันหมดแล้วครับ มันหมดตั้งแต่เป็นผู้ส่งสาร ส่งความรู้สึกดีๆ ส่งงานดีๆให้กับทุกคน เราเต็มที่กับงานแค่นี้พอแล้ว

 

ติดตามรายการ คุยแซ่บShow ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ 14.00-15.00น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama

 

 

อัพเดทข่าวสารวงการเพลงไทยและสากล พร้อม Scoop เจาะลึกในมุมมองที่น่าสนใจ ติดตาม Music.trueid.net ได้อีกช่องทางที่ TrueID App หรือร่วมพูดคุยกันผ่านทาง Line @TrueID

 

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0