โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

พลิกดู "สมุดใต้หมอน" จดเคล็ด-ท่วงท่าแห่งรัก สะท้อนคติทางเพศในราชสำนักจีนโบราณ

ศิลปวัฒนธรรม

อัพเดต 29 ม.ค. เวลา 09.25 น. • เผยแพร่ 29 ม.ค. เวลา 03.53 น.
ภาพปก-จีน
ภาพประกอบเนื้อหา - ภาพเขียนหญิงชาวจีน เขียนขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 19 (ภาพจาก Walters Art Museum ไฟล์ public domain)

หากในอินเดียมี ตำรากามสูตร (Karma Sutras) ในญี่ปุ่นมี ชุงกะ (Shunga) จีน ก็มีแหล่งบันทึกข้อมูลในเชิงคำแนะนำ ซึ่งเป็นที่รู้จักในนาม “สมุดใต้หมอน”

เรื่องราวและองค์ความรู้ว่าด้วยพฤติกรรมทางเพศ อาจเป็นเรื่องที่คนยุคปัจจุบันจำนวนไม่น้อยรู้สึกเขินอายเมื่อจะเอ่ยถึงเรื่องนี้ แม้จะอยู่กันสองต่อสองแล้วก็ตาม แต่ต้องยอมรับว่า ในสมัยโบราณ มโนทัศน์เกี่ยวกับเรื่องพฤติกรรมทางเพศเป็นเรื่องที่กลุ่มชนฝั่งตะวันออกให้ความสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นอินเดีย ญี่ปุ่น จีน (หรือแม้แต่ไทยเอง) ในครั้งนี้ เราจะพูดถึงเรื่องทางเพศในวัฒนธรรมจีนในแง่มุมที่หลายคนอาจเคยได้ยินมาอย่างเรื่อง “สมุดใต้หมอน” (Pillow Books)

บริบทเรื่องแนวคิดทางเพศ

ในสังคมจีนมีรากฐานแนวคิดเรื่องหยิน-หยาง ขั้วตรงข้ามของสรรพสิ่งเป็นพื้นฐาน สำหรับสายขงจื๊อ จะนิยมสังคมแบบชายเป็นใหญ่และมีลักษณะอำนาจนิยม ขณะที่กลุ่มที่ยึดถือแนวคิดแบบเต๋า จะเปิดกว้างต่อการแสดงออกจากทางจิตวิญญาณแบบจีนตามธรรมชาติของมนุษย์ ความเชื่อต่อธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตโดยทั่วไปมากกว่าการเชื่อในสติปัญญาของมนุษย์ ทำให้มุมมองต่อพฤติกรรมทางเพศของกลุ่มนิยมแนวคิดแบบเต๋าค่อนข้างเป็นส่วนหนึ่งในวิถีชีวิตมากกว่า

ด้วยแนวโน้มและมุมมองที่มีต่อพฤติกรรมทางเพศอันเป็นไปตามแบบธรรมชาติ โดยไม่นำไปผูกกับเรื่องสำนึกและความละอายในทางจารีต บริบทนี้กลายเป็นรากฐานของทัศนคติรูปแบบหนึ่งในสังคมจีน

อย่างไรก็ตาม สภาพสังคมที่มีสำนักคิดที่แตกต่างกันก็ไม่ได้เป็นปัญหานักสำหรับการใช้ชีวิตของปัจเจก เนื่องมาจากสำนักคิดเหล่านี้ไม่ได้อยู่ในสถานะศาสนาตามมุมมองแบบตะวันตก ชาวจีนไม่ได้ถูกจำกัดควบคุม หรือปิดกั้นพฤติกรรมจากวิธีคิดเรื่องการให้รางวัลหรือลงโทษบุคคลจากพระเจ้าตามลักษณะพฤติกรรม

ภาพที่สะท้อนให้เห็นในแง่การปฏิบัติอันสืบเนื่องมาจากบริบทนี้ อาจยกตัวอย่างได้ถึง สภาพของครอบครัวชนชั้นกลางแบบลัทธิขงจื๊อที่มี “ภรรยา” ฝ่ายหญิงจะเป็นผู้ควบคุมดูแลกิจกรรมในครัวเรือน ดูแลบุตรหลาน และได้รับความเคารพ แต่ไม่ค่อยมีพื้นที่ทางสังคม ไม่ค่อยออกมาพบปะคนแปลกหน้า ในขณะเดียวกัน “ภรรยารอง” จะเป็นฝ่ายที่ตอบสนองความต้องการในชีวิตตามธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตแบบเต๋า ภรรยารองเป็นฝ่ายเอาอกเอาใจและตอบสนองเรื่องบนเตียง ให้ความบันเทิงสหายของหัวหน้าครอบครัว

สมุดใต้หมอน

“สมุดใต้หมอน” เป็นบันทึกชนิดหนึ่งของจีน ที่มักได้ยินชื่อพัวพันกับเรื่องในราชสำนักจีนกัน สมุดเล่มนี้แตกต่างจากข้อมูลในตำราแบบอาหรับ อินเดีย และญี่ปุ่น บันทึกลักษณะนี้ประกอบไปด้วย “ข้อแนะนำ” ซึ่งถูกแปรมาเป็นภาพหรือข้อมูลจัดเก็บในรูปแบบ “หนังสือ” หรือ “ม้วนตำรา”

ภายใน “ข้อแนะนำ” เหล่านี้ ประกอบไปด้วยท่วงท่าการร่วมรักหลากหลายแบบ ชาร์ลส ฮูมานา และ หวัง อู่ นักเขียนที่ศึกษาเกี่ยวกับเรื่องเพศของจีนโบราณ บรรยายว่า ส่วนใหญ่แล้ว บันทึกเหล่านี้มักถูกเก็บเป็นม้วนตำราแบบยาว เมื่อเปิดแล้วก็จะสามารถทัศนาตัวเลือกต่างๆ

นักวิชาการส่วนใหญ่ยอมรับกันว่า ม้วนหนังสือเหล่านี้มีแพร่หลายอยู่มากมาย แม้ว่าส่วนใหญ่แล้วจะไม่ได้ถูกหยิบมาแสดงเนื้อหาเมื่อออกจากนอกห้องนอนแล้ว แต่มันย่อมทำให้เกิดการผลิตซ้ำของท่วงท่าต่างๆ แม้ว่าในบันทึกจะไม่ได้ให้ชื่อเรียกหรือบรรยายถึงท่วงท่าแบบละเอียดซับซ้อนอะไรนัก บางครั้งอาจมีกลอนหรือคำแนะนำเขียนอยู่บ้าง อักษรที่พบก็จะมีสำนวนที่รื่นรมย์ ไม่ได้สื่อสารที่ให้ความรู้สึก “หยาบคาย” และดูเหมือนว่า ชาวจีนน่าจะระลึกถึง “การใช้งานจริง” และข้อจำกัดเรื่องสรีระร่างกายมนุษย์ด้วย เมื่อพิจารณาจากท่วงท่าที่ปรากฏในบันทึกนั้น “ส่วนใหญ่” ก็ไม่ได้ล้ำไปกว่าศักยภาพด้านสรีระร่างกายมากนัก

สำหรับผู้ที่สงสัยว่า เหตุใดจึงเรียก “สมุดใต้หมอน” ชาร์ลส บรรยายว่า ชื่อนี้ไม่ได้เป็นแค่นิยามที่สวยหรูหรือตั้งแบบเปรียบเทียบเท่านั้น แต่ม้วนบันทึกลักษณะนี้มักถูกวางไว้ในที่ส่วนตัว เพื่อจะได้ร่วมกันปรึกษาหารือและบันทึกให้ตรงกับรายละเอียดมากที่สุด

ในบันทึกไม่ได้ปรากฏแค่รายละเอียดเกี่ยวกับคู่รัก แต่มักพบเห็นบุคคลที่สามอยู่ด้วย อาจเป็นหญิงรับใช้ หรือคนรักอีกราย แม้ว่าบางท่วงท่าที่มีผู้เข้าร่วมแบบ“3 ประสาน” อาจดูน่าตื่นตาตื่นใจอยู่บ้าง แต่เรื่อง “3 ประสาน” ไม่ได้เป็นเรื่องแปลกหรือไม่สมเหตุสมผลในจีนโบราณ ผู้ชายจะถูกตั้งเป็นศูนย์กลางของซีนอยู่แล้ว หญิงสาวอีกรายรับบทบาทเป็นฝ่ายตอบสนองโอนอ่อนต่อความต้องการ ขณะเดียวกันก็ส่งผ่าน “ความต้องการ” ของฝ่ายหนึ่งไปกระตุ้นผู้หญิงรายที่ 3 ผ่านกิริยาในลีลาการร่วมรัก

แม้จะไม่ค่อยได้ถูกนำออกมาเผยแพร่ภายนอกมากนัก ภาพเหล่านี้ก็ยังได้รับความนิยมแพร่หลายกันในราชสำนักหรือครัวเรือนภายใน หลังจากศตวรรษที่ 17 เป็นต้นไปก็ยังมีการพิมพ์แบบสีด้วย

ในบรรดาผู้ที่ศึกษางานบันทึกลักษณะอีโรติกจากราชวงศ์หมิง อาร์เอช ฟาน กูลิค (R.H. Van Gulik) คัดเลือกภาพกว่า 300 ชิ้น นำมาประมวลสถิติเกี่ยวกับท่วงท่าต่างๆ พบว่า 1 ใน 4 ของภาพทั้งหมดมีลักษณะเป็นฝ่ายชายอยู่บน หรือไม่ก็เป็นฝ่ายชายคุกเข่าอยู่หน้าต้นขาของพวกเธอ โดยที่ขาของฝ่ายหญิงพาดบนไหล่ฝ่ายชาย แขนของฝ่ายหญิงโอบเอวอีกฝ่าย หรืออีกแบบคือไม่ได้สัมผัสร่างของฝ่ายชาย

ภาพท่วงท่าที่ได้รับความนิยมรองลงมาคือ ฝ่ายหญิงอยู่ด้านบน แต่ภาพที่ได้รับความนิยมมากอีกกลุ่มคือในสัดส่วนประมาณ 1 ใน 7 เข้าข่ายท่วงท่าที่เป็นพฤติกรรมทางเพศตามแบบที่จีนนิยม ในลักษณะฝ่ายหญิงนั่งบนเก้าอี้ ขาแต่ละข้างวางบนที่วางแขน เตรียมรับอีกฝ่ายที่มักอยู่ในท่วงท่านั่งหรือคุกเข่า และภาพที่พบเห็นบ่อยคือ “ความรักจากหลังภูเขา” ฝ่ายหญิงคุกเข่าด้านหน้าผู้ชาย หรือโค้งตัวเหนือโต๊ะ หรือนั่งบนตักฝ่ายชาย

อีกลักษณะที่พบเห็นได้ส่วนหนึ่ง คิดเป็นสัดส่วนได้ประมาณร้อยละ 8 เป็นภาพลักษณะกระตุ้นความรู้สึกทางเพศด้วยปาก

กูลิค แสดงความคิดเห็นว่า จากการสำรวจนี้อาจพอกล่าวได้ว่า “ผู้ที่ศึกษาเรื่องเพศอาจเห็นด้วยว่า…โต๊ะเป็นอุปกรณ์ที่สะท้อนให้เห็นถึงการบันทึกเกี่ยวกับพฤติกรรมทางเพศที่ดีต่อสุขภาพ”

ความสำคัญของสมุดใต้หมอนในวัฒนธรรมจีน ไม่ได้เป็นเพียงแค่ข้อมูลสำหรับความสุขทางเพศเท่านั้นตามบริบททางสังคมดังที่กล่าวถึงข้างต้นแล้ว แต่ยังสะท้อนถึงมุมมองของชาวจีนที่มองว่า การบรรยายด้วยภาพถูกใช้เป็นสื่อในถ่ายทอดบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับวิถีชีวิตในประเด็นที่เหมือนจะ “หยาบคาย” จากการรับรู้ผ่านงานเขียน

ในกรณีนี้สะท้อนจากเนื้อเรื่องในวรรณกรรมของ หลี่ อวี๋ กวีและนักเขียนนวนิยายอีโรติก เจ้าของผลงานลือลั่นในศตวรรษที่ 17 ในชื่อ “โรวผูถวน” (Jou-pu-t’uan) ชื่อภาษาอังกฤษว่า “The Carnal Prayer Mat” สำหรับชาวไทยรู้จักในนาม “บัณฑิตก่อนเที่ยงคืน”

“บัณฑิตราตรี” ในเรื่องเพิ่งแต่งงานกับหญิงที่เคร่งในศีลธรรมจรรยา และพบว่าเธอเตรียมพร้อมมาสำหรับแค่ร่วมรักในท่วงท่าตามธรรมเนียมนิยมดั้งเดิมเท่านั้น เขาจึงต้องพยายามร่าง “สมุดใต้หมอน” ขึ้น เพื่อให้ภรรยาของเขาสบายใจว่า กิจบนเตียงที่จะมีเรื่องหลากหลายขึ้นสักเล็กน้อยไม่ได้เป็นเรื่องผิดจารีต แต่การจะพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องที่ถูกรับรู้ว่าไม่น่าพิสมัยนักก็ต้องดำเนินการอย่างละเอียดอ่อนถึงที่สุด

สำหรับในด้านศิลปะการวาดภาพแล้ว ชาร์ลส บรรยายว่า ศิลปินจีนล้มเหลวในแง่การสร้างแรงบันดาลใจหรือจินตนาการที่ช่วยเรื่องอารมณ์ความต้องการ และแสดงความคิดเห็นว่า มันเป็นผลให้ฝ่ายชายไม่มีรสนิยม หรือไม่สามารถถูกกระตุ้นด้วยร่างกายส่วนบนของสตรี นอกเหนือจากพื้นที่ที่เรียกว่า “พื้นที่ 1 ตารางนิ้ว” ของสตรี ขณะที่ภาพเปลือยในแง่ศิลปะ นอกเหนือจากแหล่งอย่างสมุดใต้หมอนแล้ว กรณีอื่นก็แทบถูกมองข้ามไป

รากฐานแนวคิดหยินและหยางจะเป็นรากฐานสำคัญที่มีผลต่อวิถีชีวิตของชาวจีน เช่นเดียวกับเรื่องเพศ ลักษณะที่แตกต่างของเพศชายและหญิงล้วนมีจุดเด่นและเอกลักษณ์เฉพาะตัวว่าด้วยเรื่องศักยภาพการใช้งานและความงาม อย่างไรก็ตาม ในส่วนร่างกายของสตรีแล้ว ไม่ค่อยได้รับความสำคัญมากนัก ชาร์ลส บรรยายว่า ฝ่าย “หยาง” (หมายถึงชาย) แบบจีนจะให้ความสนใจกับ “พื้นที่ 1 ตารางนิ้ว” มากกว่า

คัมภีร์เพศศาสตร์อีกแบบ

นอกเหนือจากเรื่องบันทึกที่แสดงให้เห็นถึงทัศนคติที่มองพฤติกรรมทางเพศเป็นเรื่องสำคัญ ในกระบวนการเลือกคู่สังวาสก็ยังมีความประณีตเช่นกัน ตำราวัฒนธรรมจีนมีทั้งที่เอ่ยถึงลักษณะองคชาตที่เป็นคุณและโทษ ตัวอย่างของเนื้อหา อาทิ

“ถ้าองคชาตโตและยาวไม่ดีอาภัพ ถ้าองคชาตเรียวและเกลี้ยงสวยมีเสน่ห์ ปลายองคชาตมีไฝดำหรือแดงก็ดี จะมีเกียรติยศประกอบด้วยทรัพย์สมบัติมาก องคชาตเป็นเหลี่ยมถือว่าดี ถ้าเม็ดอัณฑะมีลูกเดียวโทนซึ่งเรียกว่าทองแดง เป็นคนใจคอแกล้วกล้า เป็นทหารดีมาก” (พลูหลวง (นามแฝง), ปุจฉา-วิสัชนา โหราศาสตร์ พิธีกรรม กับนรลักษณ์)

คำว่าทองแดงนี้ อภิลักษณ์ เกษมผลกูล บรรยายในหนังสือ “ผูกนิพพานโลกีย์” ว่า สำหรับวิถีชาวบ้านจะมีคำเรียกว่า “กระโปกทองแดง” เชื่อว่า ชายที่มีลักษณะนี้จะฟันแทงไม่เข้า

ตำราเพศศาสตร์ในราชสำนักจีนที่บ่งชี้ถึงมาตรฐานและแนวทางยังมี คัมภีร์ซู้นึ้งเก็ง ของ ซู้นึ้ง สมัยพระเจ้าอึ้งเต้ อันมีข้อมูลเกี่ยวกับเพศหญิงกับธาตุทั้งห้า ระเบียบการร่วมรสรัก หรือตัวอย่างบทสนทนาระหว่าง “จักรพรรดิเหลือง” หรือหวงตี้ กษัตริย์และวีรบุรุษในตำนานจีนกับปรมาจารย์หญิง ไปจนถึงนวนิยายสมัยราชวงศ์เช็ง

จะเห็นได้ว่า มีตัวอย่างตำราทางเพศศาสตร์ในวัฒนธรรมจีนมากมายหลายด้าน แต่ตำราที่เผยแพร่มาในไทยนั้น อภิลักษณ์ เกษมผลกูล บรรยายว่า มักเป็นตำรากลุ่มยาจีนที่เสริมสร้างสมรรถภาพทางเพศเสียมากกว่า

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่

อ้างอิง :

Humana, Charles., Wang Wu. Chinese Sex Secrets : A Look Behind the Screen. Hong Kong: CFW Publications Limited, 1998

พลูหลวง (นามแฝง). ปุจฉา-วิสัชนา โหราศาสตร์ ภาคพิธีกรรม กับนรลักษณ์. พระนคร : เกษมบรรณกิจ, ม.ป.ป.)

อภิลักษณ์ เกษมผลกูล. ผูกนิพพานโลกีย์. กรุงเทพฯ : มติชน, 2550.

เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 26 มิถุนายน 2562

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : พลิกดู “สมุดใต้หมอน” จดเคล็ด-ท่วงท่าแห่งรัก สะท้อนคติทางเพศในราชสำนักจีนโบราณ

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.silpa-mag.com

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0