กว่างโจว, 28 ม.ค. (ซินหัว) -- จงหนานซาน (Zhong Nanshan) ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินหายใจของจีน ซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะผู้มีผลงานต่อสู้กับโรคซาร์สเมื่อปี 2003 ให้สัมภาษณ์พิเศษกับสำนักข่าวซินหัว เมื่อวันอังคาร (28 ม.ค.) ว่าการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่อาจพุ่งขึ้นถึงจุดสูงสุดภายใน 1 สัปดาห์หรือประมาณ 10 วัน
จงหนานซาน วัย 84 ปี เป็นหัวหน้าทีมผู้เชี่ยวชาญระดับชาติ ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อควบคุมและป้องกันโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ และเป็นนักวิชาการประจำสถาบันบัณฑิตวิศวกรรมศาสตร์แห่งชาติจีน
"ยากที่จะประเมินว่าการระบาดจะขึ้นไปถึงจุดสูงสุดเมื่อไร แต่ผมคิดว่าราว 1 สัปดาห์หรือประมาณ 10 วัน มันจะระบาดถึงขั้นสุด แล้วจะไม่มีการขยายตัวขนานใหญ่อีก" จงกล่าว "กุญแจสำคัญ 2 ดอกในการจัดการกับโรคระบาดคือ 'ตรวจพบ' และ 'คัดแยก' ผู้ติดเชื้อโดยเร็ว ขั้นตอนเหล่านี้เป็นวิธีการดั้งเดิมและมีประสิทธิภาพมากที่สุด"
จงระบุว่า "อาการไข้และอ่อนเพลียยังคงเป็นอาการจำเพาะของผู้ป่วยโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสฯ"
การคัดแยกและการสังเกตอาการนาน 10 - 14 วัน เป็นกรอบเวลาที่เหมาะสม เนื่องจากเป็นจุดสิ้นสุดระยะฟักตัวของเชื้อไวรัสฯ โดยผู้ที่ล้มป่วย ณ ช่วงเวลาดังกล่าวก็จะได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ส่วนผู้ที่ไม่มีอาการก็ถือว่าสบายดี จงแนะนำว่าโรงพยาบาลควรมีผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อและผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาผู้ป่วยหนักประจำอยู่ เพื่อการรักษาคนไข้ที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
อนึ่ง คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน (NHC) รายงานว่าจำนวนผู้ป่วยโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสฯ รวมอยู่ที่ 5,974 ราย และจำนวนผู้ป่วยที่เสียชีวิตอยู่ที่ 132 ราย เมื่อนับถึงสิ้นวันอังคาร (28 ม.ค.) โดยผู้ป่วย 3,554 ราย อยู่ในมณฑลหูเป่ยทางตอนกลางของจีน ซึ่งเป็นศูนย์กลางการระบาดของเชื้อไวรัสฯ
จงเสริมว่าจากการศึกษาทางระบาดวิทยา เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่มีลักษณะคล้ายคลึงกับเชื้อไวรัสที่ค้นพบในค้างคาวชนิดหนึ่งเมื่อปี 2017 และอาจมีโฮสต์กึ่งกลางเป็นสัตว์ป่าชนิดหนึ่ง
"การระบาดของโรคซาร์ส (โรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง) กินเวลาประมาณ 6 เดือน แต่ผมไม่เชื่อว่าการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่จะกินเวลานานขนาดนั้น" จงกล่าว "ไม่น่าเกิดการติดเชื้อขนานใหญ่ในช่วงผู้คนเดินทางกลับจากวันหยุดยาวเนื่องในเทศกาลตรุษจีน แต่ก็ยังต้องดำเนินมาตรการคัดกรองและตรวจหาเชื้อไวรัสฯ ต่อไป"
จีนดำเนินมาตรการทรงพลังชุดใหญ่ โดยเฉพาะการตรวจหาและการคัดแยกผู้ป่วยแต่เนิ่นๆ ทำให้ "เรามีความมั่นใจเพียงพอในการป้องกันการระบาดขนานใหญ่หรือการระบาดซ้ำตราบเท่าที่มาตรการตรวจหาและคัดแยกยังคงอยู่ แม้เราต้องทำการวิจัยทางวิทยาศาสตร์อีกมากก็ตาม"
จงชี้ว่ากุญแจดอกสำคัญของอู่ฮั่นคือแสวงหาทางลดการติดเชื้อภายในโรงพยาบาล โดยจงสนับสนุนการก่อสร้างโรงพยาบาลชั่วคราว เพื่อควบคุมโรคระบาด พร้อมกับการประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระดับสูงสุด เพื่อลดโอกาสการติดเชื้อไวรัสฯ
ส่วนการพัฒนาวัคซีนอาจต้องใช้เวลา 3-4 เดือนหรือนานกว่านั้น ปัจจุบันคณะนักวิทยาศาสตร์กำลังเร่งวิจัยการตรวจหาแอนติบอดีกลางของเชื้อไวรัสฯ ซึ่งต้องใช้เวลา
"ด้วยความช่วยเหลือจากทั่วประเทศ 'อู่ฮั่น' เมืองวีรชน จะผ่านพ้นภัยครั้งนี้ไปได้" จงกล่าวปิดท้าย
