จากกรณีที่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบมาตรการส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศ “ชิมช้อปใช้ เฟส 3” โดยเริ่มลงทะเบียน 14-15 พ.ย. และจะกันโควตาลงทะเบียนสำหรับผู้สูงอายุเป็นพิเศษ 500,000 คน ในวันที่ 17 พ.ย. อย่างไรก็ตาม พบว่าผู้สูงอายุจำนวนมากยังไม่เข้าใจ หลายคนยังคิดว่าจะได้รับเงิน 1,000 บาท เหมือน 2 เฟสแรก
นายนิวาส คำฤาเดช อายุ 67 ปี ชาวบ้านตูม หมู่ 4 ต.บัวบาน อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ตั้งแต่ได้ข่าวมาตรการชิมช้อปใช้มาตั้งแต่เฟส 1 และ เฟส 2 เห็นลูกหลานและประชาชนทั่วไป มีความสนใจที่จะร่วมโครงการ แต่ที่ผ่านมาพบว่าหลายคนลงทะเบียนไม่ทัน จึงไม่มีโอกาสใช้สิทธิ์ ทั้งนี้จากการที่ได้ข่าวใหม่ว่าจะมีมาตรการชิมช้อปใช้ เฟส 3 โดยกันสิทธิ์ให้ผู้สูงอายุ 5 แสนราย ตนก็มีความสนใจที่จะใช้สิทธิ์นั้นด้วยคน แต่คงจะไม่มีโอกาส เนื่องจากไม่มีโทรศัพท์สมาร์ทโฟนนั้น เพราะมีเพียงโทรศัพท์ธรรมดา เล่นอินเตอร์เน็ตไม่ได้ หากจะให้ซื้อใหม่ก็ไม่มีเงินและเล่นไม่เป็น ลงทะเบียนชิมช้อปใช้ เฟส 3 ตนก็คงจะไม่มีโอกาสเข้าร่วมใช้สิทธิ์อีกเหมือนกัน
ขณะที่นายลำไย ถิ่นแก้ว อายุ 68 ปี ชาวบ้านตูม หมู่ 19 ต.บัวบาน อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่าตนกับภรรยามีโทรศัพท์สมาร์ทโฟนคนละเครื่อง เพื่อติดต่อกับลูกหลานที่ทำงานต่างจังหวัด และดูข่าวสารทางสื่อออนไลน์ได้สะดวกขึ้น แต่ในส่วนของมาตรการชิมช้อปใช้ทั้ง เฟส 1 และเฟส 2 ที่ผ่านมา ภรรยาตนเคยลงทะเบียนแต่ไม่ทัน และรู้สึกว่าจะเป็นเรื่องยุ่งยากมาก สำหรับผู้สูงอายุที่จะให้กดมือถือลงทะเบียนดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม สำหรับชิมช้อปใช้เฟส 3 ที่กันสิทธิพิเศษให้ผู้สูงอายุทั่วประเทศ 5 แสนคนนั้น ความจริงก็มีความสนใจจะร่วมโครงการ แต่ก็คิดว่าหากได้สิทธิ์ก็คงจะไม่คุ้ม เพราะต้องเดินทางไปใช้สิทธิ์ต่างจังหวัด ซึ่งจะต้องสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายเพิ่ม ทั้งค่ารถและค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีก สิทธิ์ที่จะได้ 1,000 บาท คงไม่คุ้มค่าแน่นอน โดยส่วนตัวให้ความเห็นว่าถ้ารัฐบาลจะให้ผู้สูงอายุเข้าถึงสิทธิ์ชิมช้อปใช้จริงๆ ควรที่จะโอนผ่านเข้าบัญชีหรือต่อยอดให้เบี้ยยังชีพเลย ซึ่งคงสะดวกกว่าใช้สมาร์ทโฟน เพราะผู้สูงอายุส่วนมากยังเล่นไม่เป็น
ทั้งนี้ โครงการชิมช้อปใช้ ในเฟส 3 ไม่มีการแจกเงิน 1,000 บาท เหมือนเฟส 1 และ 2 โดยมุ่งกลุ่มเป้าหมายไปที่ผู้ที่มีความสามารถในการจับจ่ายและท่องเที่ยว โดยต้องใช้เงินตัวเองผ่านแอพ เป๋าตัง และจะได้รับเงินคืนตามยอดการใช้จ่าย โดยยอดใช้จ่ายใน 30,000 บาทแรกจะได้เงิน คืน 15% เช่น ใช้จ่าย 10,000 บาท จะได้เงินคืน 1,500 บาท และยอดใช้จ่ายตั้งแต่ 30,001 - 50,000 บาท จะได้เงินคืน 20%
โดยเทียบยอดค่าใช้จ่ายกับเงินที่จะได้คืน ได้ดังนี้
ใช้ 500 บาท ได้คืน 75 บาท
ใช้ 1,000 บาท ได้คืน 150 บาท
ใช้ 10,000 บาท ได้คืน 1,500 บาท
ใช้ 20,000 บาท ได้คืน 3,000 บาท
ใช้ 30,000 บาท ได้คืน 4,500 บาท
ใช้ 40,000 บาท ได้คืน 6,500 บาท
ใช้ 50,000 บาท ได้คืน 8,500 บาท
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
