ชาวบ้านที่เชียงคำยังผวา แม้ “ผู้พันตึ๋ง” ออกมายืนยัน ช่วยโรงงานอบผลไม้ที่ถูกสั่งปิด ด้วยจิตอาสา มี "พระอาจารย์" ที่นับถือคนเดียวกัน ไม่ได้รับหน้าเสื่อมาเคลียร์
วันที่ 22 พ.ย. ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ บริษัทเจ เค ชนาธาร จำกัด ต.เชียงบาน อ.เชียงคำ จ.พะเยา ซึ่งเป็นโรงงานผลิตผลไม้แห้ง เนื่องจาก “ผู้พันตึ๋ง” หรือ พ.ต.เฉลิมชัย มัจฉากล่ำ ได้เข้าเจรจาไกล่เกลี่ยปัญหาเรื่องกลิ่นเหม็นและสิ่งแวดล้อมในชุมชน ซึ่งชาวบ้าน บ้านแวนพัฒนา ต.เชียงบาน ชาวบ้าน ต.น้ำแวน ต.ทุ่งผาสุก 3 ตำบลได้ชุมนุมประท้วงหลายสิบครั้ง ตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นมา เพื่อให้ทางโรงงานปรับปรุงแก้ปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อม ผ่านมากว่า 3 ปี ทางโรงงานก็ยังมีข้อพิพาทกับชาวบ้านมาโดยตลอด จนเมื่อ 3 เดือนก่อน อุตสาหกรรมจังหวัดพะเยาได้สั่งให้ปิดปรับปรุง และจะมีการตรวจสอบอีกครั้งในภายหลัง
จากการให้สัมภาษณ์ของ ผู้พันตึ๋ง เผยว่า ตนเองได้รับการร้องขอจาก พระมหาสุทัศน์ วชิรญาโณ (หัสดิน) สำนักสงฆ์พุทธอุทยานภูชี้ฟ้า จ.เชียงราย โดยได้รับมอบหมายเป็นหนังสือจากทางโรงงาน ให้มาเป็นผู้ประสานงานไกล่เกลี่ยข้อพิพาทนี้ ซึ่ง ผู้พันตึ๋ง กล่าวว่า การประสานครั้งนี้ ตนเองก็ไม่ได้รับเงินรับทองจากฝ่ายใด มาด้วยจิตอาสา และในการพูดคุยกับชาวบ้าน เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน เป็นการปรึกษาหารือแนวทาง เพื่อเป็นทางออกของทางโรงงานกับชาวบ้าน ซึ่งขณะนี้ทางโรงงานก็ได้ปรับปรุงแก้ไขเรื่องของกลิ่นเหม็นจากน้ำเสียของโรงงาน และทั้งยังปรับสภาพสิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้นตามลำดับ จึงอยากจะให้ทั้งชาวบ้านและโรงงานได้อยู่ร่วมกันอย่างพึ่งพาอาศัยกัน ตนเองจะเป็นตัวกลางในการจัดการปัญหาในครั้งนี้ ซึ่งในระหว่างการพูดคุยกับชาวบ้านก็ไม่ได้มีคำพูดหรือกิริยาท่าทางที่จะไปข่มขู่ และตนยังถ่ายคลิปวิดีโอไว้เป็นหลักฐานด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่มาช่วยเหลือหรือประสานงานและออกสื่อสาธารณะครั้งนี้ อนาคตจะลงเล่นการเมืองหรือไม่ ผู้พันตึ๋ง กล่าวย้ำอย่างชัดเจนว่า ตนเองจะไม่ลงเล่นการเมืองเด็ดขาด และยังย้ำอีกในช่วงท้าย
ด้าน นายสรศักดิ์ แสงศรีจันทร์ ตัวแทนชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ กล่าวว่า ผู้พันตึ๋ง ได้เข้ามาพบกับตน และผู้นำในพื้นที่ที่มีส่วน เสนอขอให้ปิดโรงงานอบลำไยและอบมะม่วง ที่สร้างปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมตลอดมา โดยผู้พันตึ๋งแจ้งว่า เป็นตัวแทนของโรงงานมาเจรจาขอให้ทางโรงงานได้เปิดดำเนินการต่อไป ไม่มีการข่มขู่แต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม ทางกลุ่มผู้นำชาวบ้านได้สะท้อนเป็นเสียงเดียวกันว่า ปัญหาสิ่งแวดล้อมเรื้อรังมานานแล้ว โรงงานจะต้องแสดงความจริงใจในการแก้ปัญหาทั้งหมด ดังนั้นการจะเปิดต่อไปหรือไม่ ณ เวลานี้เรื่องได้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของทางราชการเป็นหลัก ประชาชนคือผู้เสียหายก็ต้องขอความเห็นใจจากทางราชการ เพียงแต่การมาของ ผู้พันตึ๋งในครั้งนี้ ทำให้ตนเองและชาวบ้านหวาดกลัวและเกรงว่าจะเกิดความไม่ปลอดภัยต่อชีวิต เพราะ ผู้พันตึ๋ง ที่ผ่านมานั้นเป็นที่ทราบกันว่าเป็น “ผู้มีอิทธิพล” ซ้ำยังมีประวัติที่ด่างพร้อย ตนและชาวบ้านแปลกใจทั้งตกใจเป็นอย่างมาก อีกทั้งตั้งแต่เกิดเรื่องการประท้วงให้ปิดโรงงานมาตั้งแต่ปี 2559 ผู้พันตึ๋ง ก็ไม่เคยมาประสานงานแต่อย่างใด
"หากว่าทางโรงงานมีความจริงใจจริงๆ ทำไมไม่หาดาราท่านอื่นที่มีชื่อเสียง หรือให้คุณโน้ต อุดม แต้พานิช เข้ามาเป็นคนประสานให้ จึงเล็งเห็นว่าทางโรงงานอาจใช้อิทธิพลมืดเข้ามาทำลายทำร้ายชาวบ้าน ดังนั้นจึงได้พากันไปที่สถานีตำรวจเชียงคำเพื่อไปลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน เพื่อความปลอดภัยของตนเองและชาวบ้าน”
นายสรศักดิ์ กล่าวอีกว่า การกระทำของทางโรงงานในครั้งนี้ ตนเองและชาวบ้านจะไม่ขอพูดคุย หรือทำความเข้าใจกับทางโรงงานอีกเป็นอันขาด ชาวบ้านยืนยันให้ทางโรงงานปิดอย่างเดียวเท่านั้น"
ด้าน นายเจษฎา พีพงษ์ ปลัดอำเภอเชียงคำ และเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรม กล่าวว่า การที่ ผู้พันตึ๋ง เข้ามาในพื้นที่และพบกับชาวบ้าน ตนเองทราบเรื่องแล้ว แต่การจะขอให้ตนเองช่วยประสานเป็นตัวกลางในการประชุมกับชาวบ้านนั้น ต้องขึ้นกับชาวบ้านเองว่า จะยอมเจรจาอีกหรือไม่ จะให้ทางหน่วยงานราชการไปสั่งการก็ไม่อาจที่จะทำได้ ขณะทางโรงงานอยู่ในระหว่างการปรับปรุง และรอการตรวจสอบจากทางกรมโรงงานฯ อีกครั้ง จึงยังไม่มีข้อสรุป ต้องรอฟังผลการตรวจสอบ.
ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง
- ผู้พันตึ๋ง ย่องเงียบไปเชียงคำ เคลียร์ขอ "โรงงานมะม่วงดอง" เปิดต่อ
- หนุ่มลงทุนซื้อ "จระเข้" แก้สารพัดปัญหาในบ่อปลา ดีใจผลลัพธ์ดีเกินคาด
- พ่อจ๋ากลับบ้านเราเถอะ จมน้ำ 12 วัน พึ่งร่างทรงช่วยชี้จุด เจอศพนอนใต้น้ำปิง
ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath