จากกรณีการปรับราคาขายแก๊สหุงต้มหรือแอลพีจีขนาดถัง 15 กก. จากถังละ 353 บาท เป็นถังละ 395 บาท หรือปรับขึ้นถังละ 42 บาท ทำให้เกิดการแสการขึ้นราคาสินค้าต่าง ๆ กันอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะราคาอาหารที่ต้องอาศัยแก๊สหุงต้มเป็นหลัก อย่างไรก็ตามภาครัฐได้พยายามออกมาให้ข่าวว่า ยังไม่ควรขึ้นราคาสินค้าเพราะเนื่องจากต้นทุนในการทำอาหารจากค้าแก๊สนั้นไม่ถึง 1 บาท
เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว เมื่อวันที่ 23 พ.ค. ผู้สื่อข่าวได้สอบถามพ่อค้า-แม่ค้าขายอาหาร ที่ต้องใช้ก๊าซหุงต้มเป็นเชื้อเพลิงในการประกอบอาหารในหลายพื้นที่ ส่วนใหญ่ให้ความเห็นว่า เตรียมจะปรับราคาอาหารเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีภาระต้นทุนค่าใช้จ่ายจากราคาก๊าซหุงต้มที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่ราคาผักก็มีราคาสูง เพราะช่วงนี้หน้าฝนทำให้ผักในบางพื้นที่เพาะปลูกได้รับความเสียหาย ขณะเดียวกันมีพ่อค้าแม่ค้าบางรายที่ยังไม่ขอปรับขึ้นราคาค่าอาหาร แต่จะปรับเมนูอาหาร เลือกใช้วัตถุดิบราคาไม่แพง เพื่อลดต้นทุน หรือบางรายรอดูสถานการณ์ไปก่อนหากไม่ไหวจริงถึงจะขึ้นราคา
ด้าน นายณัฐพงศ์ แหลมเพชร อายุ 42 ปี ชาว จ.ชุมพร เจ้าของร้านอาหารทะเล "โก้เหลียง" พื้นที่ อ.หลังสวน จ.ชุมพร หลังจากแก๊สขึ้นราคาทำให้ต้นทุนอาหารสูงขึ้น แต่เพราะเห็นใจลูกค้าจะยังไม่ปรับราคาขึ้น แต่หากมีปัจจัยอื่น ๆ อย่างเช่นเครื่องปรุง และต้นทุนอาหารสดอื่น ๆ ปรับขึ้นทั้งหมดก็ต้องดูสถานการณ์อีกสัปดาห์ก่อนโดยทางร้านอาจต้องปรับราคาอาหารเพิ่มขึ้นจากเดิมอีก 20%
ส่วน น.ส.รัศมี ลือไม้ทองหลาง อายุ 48 ปี ชาวจ.ชุมพร เจ้าของร้านอาหารตามสั่งและอาหารอีสาน "เจ๊รำพึงสัมตำโคราช" ระบุว่า จะรอดูสถานการณ์อีกประมาณ 1 สัปดาห์ ก่อนว่ามีอะไรขึ้นหรือไม่ ถ้าเป็นไปได้ก็จะยันราคาเดิมไปเรื่อย ๆ.