โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ผู้การฯกองปราบฯฮึ่มลูกศิษย์ช่วยเหลือให้ที่พัก “ 2 เจ้าคุณ ยันซุกหมอนวดเรื่องจริง

Manager Online

อัพเดต 27 พ.ค. 2561 เวลา 04.30 น. • เผยแพร่ 27 พ.ค. 2561 เวลา 04.30 น. • MGR Online

MGR Online - ผบก.ป.ขู่ใครช่วยเหลือ 2 พระชั้นผู้ใหญ่ให้ที่พักพิง มีสิทธิ์ติดคุก 2 ปี ยอมรับมีพระมั่วหมอนวดเรื่องจริง ต้องประจาน ชงเรื่องให้ มส. ปลดจากตำแหน่ง แฉเปิดบริษัทนอมินี หจก. ดีดี ทวีคูณ รับงานทำหนังสือ แผ่นวีซีดีแผ่พระพุทธศาสนา ใช้แม่ค้าลูกชิ้นถือหุ้นทำธุระกรรมการเงินเบิกจ่ายเงินวัดสระเกศ

ที่ กองปราบปราม พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ป.กล่าวถึงการติดตามตัว พระพรหมสิทธิ เจ้าอาวาสวัดสะเกศและ พระพรหมเมธี สองผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีว่า ขณะนี้ในส่วนของกองปราบยังไม่ได้รับการติดต่อมอบตัวมาอย่างเป็นทางการ ได้มอบหมายให้ชุดสืบสวนตามล่าตัวและกดดันอย่างต่อเนื่อง ในส่วนของ “พระพรหมสิทธิ” นั้นจากแนวทางการสืบสวนเชื่อว่าจะยังซ่อนตัวอยู่ในกรุงเทพฯ ไม่ได้หนีไปไหนไกล ส่วน “พระพรหมเมธี” เจ้าหน้าที่ก็ยังคงแกะรอย ยืนยันว่าทั้งคู่ยังอยู่ในเมืองไทย และคาดว่าจะได้ตัวในเร็วๆ นี้

"ขอเตือนไปยังคนสนิทของผู้ต้องหารวมทั้งผู้ที่คิดว่าจะให้ความช่วยเหลือ เพราะการให้ความช่วยเหลือเพื่อให้ที่ซุกซ่อนผู้ต้องหานั้นถือว่าเป็นการกระทำความผิดตามกฎหมายอาญามาตรา 189 ที่ระบุว่า ผู้ใดช่วยผู้อื่นซึ่งเป็นผู้กระทำความผิด หรือเป็นผู้ต้องหาว่ากระทำความผิด เพื่อไม่ให้ต้องโทษ โดยให้พำนักแก่ผู้นั้น โดยซ่อนเร้นหรือโดยช่วยผู้นั้นด้วยประการใดเพื่อไม่ให้ถูกจับกุม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ"ผบก.ป.กล่าว

พล.ต.ต.ไมตรี ยังกล่าวถึงกรณีที่ข้อมูลแนวทางการสืบสวนพบว่าพระผู้ใหญ่บางคนที่พฤติกรรมที่มั่วสีกานั้นยอมรับว่า เป็นเรื่องจริงที่พบจากแนวทางการสืบสวนแต่ตำรวจไม่สามารถที่จะบอกได้ว่าเป็นพระผู้ใหญ่รูปไหน ซึ่งในกรณีนี้แม้ว่าจะไม่เป็นการกระทำความผิดอาญาแต่ตำรวจก็จะทำเป็นบันทึกการสืบสวนเพื่อเสนอไปยังสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติให้ทราบถึงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมควรประจานให้สังคมรู้ ซึ่งขั้นตอนต่อไปสำนักพุทธฯ ก็จะเสนอไปยังมหาเถระสมาคมเพื่อเป็นข้อมูลพิจารณาในการปลดพระสงฆ์ที่มีพฤติกรรมดังกล่าวจากตำแหน่งต่างๆ รวมถึงสมนะศักดิ์ที่ได้รับมาก่อนหน้านี้ด้วย ซึ่งการปลดนั้นจะเป็นมติของมหาเถระสมาคมที่จะพิจารณาต่อไป

ด้าน พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ ผกก.1 บก.ป. กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีการติดตามตัวพระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขญาโณ) ว่า เท่าที่ทราบตัวผู้ถูกกล่าวหา น่าจะหลบออกจากวัดไปตั้งแต่วันที่ 23 พ.ค. หลังกลับมาจากไปทำกิจของสงฆ์ที่ พุทธมณฑล ต.ศาลายา อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม แล้วมาฉันภัตตาหารเพลที่วัด เสร็จแล้วก็กลับมายังกุฏิ ก่อนที่จะหายตัวไป ซึ่งก็คาดว่าน่าจะใช้เวลาในช่วงดังกล่าวหลบออกจากวัดหลบหนีไปกับลูกศิษย์คนสนิทที่ไว้ใจได้

ขณะนี้กำลังให้ฝ่ายสืบสวนตรวจสอบทางเทคนิคเพื่อหาความเคลื่อนไหว ร่วมทั้งเบาะแสความเคลื่อนไหวล่าสุด โดยเชื่อว่าไม่น่าจะหลบหนีไปไหนได้ไกล เพราะตัวท่านเองก็ยังถือว่าเป็นพระสงฆ์รูปหนึ่ง ที่ไม่สามารถจะปลอมตัวได้เหมือนกับเพศฆราวาส ซึ่งก็คาดว่าน่าจะหลบอยู่แต่ในบ้านของลูกศิษย์คนใดคนหนึ่งก็เป็นได้

รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับเบื้องหลังการออกหมายจับกุมพระเถระชั้นผู้ใหญ่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามครั้งนี้ ได้มีการส่งเจ้าหน้าที่สืบสวนหาข่าวมาตั้งแต่เมื่อปลายปีที่แล้ว หลังได้รับข้อมูลเชิงลึกว่าพระเถระชั้นผู้ใหญ่ประพฤติตัวไม่เหมาะสม โดย พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. ได้สั่งการให้ตำรวจในสังกัดทั้ง บก.ป. บก.ปอท. บก.ปปป. ตรวจสอบข้อมูลทั้งหมดที่ได้มาว่ามีความจริงแค่ไหน โดยให้ บก.ปปป.และ บก.ปอท. รวบรวมเกี่ยวกับเรื่องเส้นทางการเงิน และ บก.ป. ดำเนินการสืบสวนในเรื่องพฤติกรรมที่ทำตัวไม่เหมาะสมแล้วนำข้อมูลทั้งหมดมารวบรวมเพื่อตกผลึก

รายงานข่าวแจ้งอีกว่า นอกจากการสืบสวนสอบสวนหารายละเอียดในด้านเส้นทางการเงินของแต่ละบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเงินทอนวัดแล้ว เจ้าหน้าที่ยังได้สืบสวนเชิงลึกเกี่ยวกับพฤติกรรมของบุคคลต่างๆ ที่พบในคดีนี้ว่า มีความเกี่ยวข้องกับพระเถระชั้นผู้ใหญ่ที่ถูกออกหมายจับเป็นในลักษณะใดกันบ้าง จนข้อมูลทั้งหมดเริ่มชัดเจน จึงได้เปิดปฏิบัติการตรวจค้นผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด

เริ่มจากกลางเดือนพฤษภาคม พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ป.พ.ต.อ.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผบก.ป. พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ ผกก.1.บก.ป.พร้อมเจ้าหน้าที่ปปง.นำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 265/154 หมู่บ้านสีวลีรามคำแหง ถ.ราษฎร์พัฒนา (ซอยมิสทีน) แขวงและเขตสะพานสูง บ้านของนางฑัมม์พร นิพนธ์พิทยา แต่ขณะที่เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นไม่อยู่ พบแต่ ร.ท.ฐิติทัตน์ นิพนธ์พิทยา เจ้าหน้าที่ทหารในสังกัดศูนย์รักษาความปลอดภัย กองบัญชาการกองทัพไทย อยู่กับภรรยา และน.ส.นุชรา สิทธินอก อายุ 32 ปี ชาว จ.บุรีรัมย์ แม่ค้าตลาดสี่มุมเมือง ที่มาคอยทำหน้าที่เป็นแม่บ้าน

จากแนวทางการสอบสวนเส้นทางการเงินพบน.ส.นุชรา ได้ไปเบิกแคชเชียร์เช็คจากพระวิจิตรธรรมาภรณ์ หรือเจ้าคุณเทอด ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศวรวิหาร 5 ครั้ง ครั้งละ 5 ล้านบาท โดยจัดทำเป็นงบทำหนังสือและแผ่นวีซีดีเผยแผ่พระพุทธศาสนา ที่วัดสระเกศได้งบประมาณมาจากสำนักพุทธฯ 30 กว่าล้านบาท โดยมีนายธีระพงษ์ พันธ์ศรี ซึ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพระภายในวัดสระเกศ นำ น.ส.นุชรา ซึ่งถูกตั้งให้เป็นผู้จัดการ หจก. ดีดี ทวีคูณ ไปรับเช็ค 5 ครั้ง รวม 25 ล้านบาท เข้าบัญชี น.ส.นุชรา ก่อนที่ นายธีระพงษ์ จะพา น.ส.นุชรา ไปเบิกเงินออกมาจากธนาคาร ครั้งละ 1.8 ถึง 1.9 ล้านบาท โดยไม่ยอมเบิกเงินเกิน 2 ล้านบาท เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่รัฐ

จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินของเจ้าหน้าที่พบว่า หลังจากได้เงินดังกล่าวมาแล้วได้ต่อยอดไปถึงนางฑัมม์พรอีกที สำหรับเงินอีก 5 ล้านบาท จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่าอยู่ที่นายธีระพงษ์ เป็นผู้รับในส่วนนี้ไป จากหลักฐานทั้งหมดที่พบ จึงนำไปสู่การขอออกหมายจับฆาราวาส 4 ราย ที่พัวพันกับการฟอกเงินครั้งนี้

สำหรับนางฑัมม์พร นิพนธ์พิทยา อายุ 50 ปี เคยเป็นเจ้าของ ห้างหุ้นส่วนจำกัด ดีดี ทวีคูณ รับงานประชาสัมพันธ์ต่างๆ ให้กับวัดสระเกศ จดทะเบียนตั้งขึ้นเมื่อปี 2552 มีความสนิทสนมส่วนตัวกับพระพรหมสิทธิ เจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ จนได้รับงานจัดทำหนังสือและวีดีโอเผยแผ่พุทธศาสนาให้กับวัดสระเกศ รวมทั้งรายการ วิถีไทย วิถีพุทธ ก่อนจะถอนหุ้นออกมาเมื่อปี 2560 จากนั้นได้มี น.ส.นุชรา สิทธินอก แม่ค้าขายลูกชิ้นที่ตลาดสี่มุมเมือง เข้ามาถือหุ้น 14.29 เปอร์เซ็น ร่วมกับนายกนกศักดิ์ ภูทองอูบ ที่ถือหุ้น 85.71 เปอร์เซ็น นอกจากนั้นยังตั้งให้น.ส.นุชรา เป็นผู้จัดการ ดูแลเรื่องการเบิกเงินจากวัดสระเกศทั้งหมดด้วย

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0