โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ผัวซ้อม โหดเมียสาว จับหัวโขกผนัง กลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา สลด!ลูกถามแม่ไปไหน

Khaosod

อัพเดต 15 ธ.ค. 2562 เวลา 04.01 น. • เผยแพร่ 15 ธ.ค. 2562 เวลา 04.01 น.
ซ้อมเมีย

ผัวซ้อม โหดเมียสาว จับหัวโขกผนัง กลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา สลด!ลูกถามแม่ไปไหน เผยอาการเป็นตายเท่ากัน ต้องผ่าเปิดกะโหลก เอาเลือดคั่งออก เจาะคอช่วยหายใจ 

ผัวซ้อม / เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. กรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งร้องเรียนว่า ญาติถูกสามีทำร้ายจนโคม่า อาการสาหัส ซึ่งผ่านไปกว่า 4 วัน ยังเป็นเจ้าหญิงนิทรา ล่าสุดที่โรงพยาบาลศูนย์นครปฐม จ.นครปฐม ซึ่งเป็นที่พักรักษาตัวของ น.ส.สุพิชญา เดชจินดา อายุ 29 ปี ผู้ได้รับบาดเจ็บที่รักษาตัวในห้องไอซียู ไม่มีสติ เป็นเจ้าหญิงนิทรา เนื่องจากสมองถูกผ่าเปิดกะโหลกฝั่งซ้าย เอาเลือดคั่งออก เพราะได้รับความกระทบกระเทือน ซึ่งแพทย์ระบุว่าหากฟื้นมาแล้วอาจจะไม่เหมือนเดิม อีกทั้งยังมีรอยช้ำที่ใต้คาง และช้ำไหล่ขวา ซึ่งยังรอแพทย์มาเจาะคอ เพื่อช่วยหายใจในวันพรุ่งนี้

กดติดตามไลน์ ข่าวสด official account ได้ที่นี่

เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน

ห้องที่เกิดเหตุ
ห้องที่เกิดเหตุ

น.ส.บิว (นามสมมุติ) อายุ 23 ปี ญาติผู้บาดเจ็บ เปิดเผยว่า น.ส.สุพิชญา ญาติของตน และนายนิวัฒน์ คบหากันมาประมาณ 4 ปี มีลูกสาววัย 3 ขวบด้วยกัน 1 คน โดย น.ส.สุพิชญามีอาชีพเป็นแคตดี้สนามกอล์ฟ

ส่วนนายนิวัฒน์ว่างงาน ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมาผู้ได้รับบาดเจ็บมักจะเอาลูกสาวมาฝากให้อาเป็นคนเลี้ยง 3-4 วันต่อสัปดาห์ ตอนแรกญาติก็ไม่เข้าใจว่า สามีเขามีเวลาว่าง แต่ทำไมถึงไม่ยอมเลี้ยงเอง ซึ่งญาติญาติก็ได้มารู้ภายหลังจากเพื่อนข้างห้องว่า ทั้งคู่มักจะมีปากเสียงทะเลาะกัน และไม่อยากให้เด็กเห็นความรุนแรง ซึ่งที่ผ่านมาตนก็พอจะทราบว่าทั้งคู่ทะเลาะกันบ้าง แต่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นเหตุรุนแรงแบบนี้

น.ส.บิว เล่าย้อนกลับไปเมื่อช่วงประมาณ ตี 2-3 ของเช้ามืดวันที่ 9 ธ.ค. ที่ผ่านมาว่า นายนิวัฒน์พาน.ส.สุพิชญาส่งโรงพยาบาล และโทรศัพท์มาบอกอาของตนว่า น.ส.สุพิชญาถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล แต่ตำรวจได้โทรศัพท์มาอีกรอบให้ไปรับหลานวัย 3 ขวบ ที่สภ.นครไชยศรี เพราะนายนิวัฒน์ถูกจับไปแล้ว

ซึ่งตนก็มาทราบภายหลังว่า พยาบาลที่โรงพยาบาลหลอกถามลูกสาววัย 3 ขวบว่าเกิดเหตุอะไรขึ้น โดยเด็กบอกพยาบาลว่า “พ่อเอาขวดตีหัวแม่” พยาบาลได้ยินดังนั้นจึงแจ้งตำรวจมาจับนายนิวัฒน์ ซึ่งตนก็ได้สอบถามพยานแวดล้อมให้ข้อมูลว่า ในคืนเกิดเหตุนั้นได้ยินเสียงน.ส.สุพิชญา กรีดร้องเสียงดัง เพราะนายนิวัฒน์จับหัวน.ส.สุพิชญา โขกกับกำแพงหลายครั้ง จนคนรอบๆ ห้องได้ยิน

น.ส.บิว กล่าวว่า ตอนนี้น.ส.สุพิชญามีอาการเป็นตายเท่ากัน เพราะสมองกระทบกระเทือนมาก และจะมีการเจาะคอเพื่อช่วยในการหายใจ ซึ่งหลานสาววัย 3 ขวบ ก็ได้แต่ถามว่าแม่ไปไหน ตนก็ได้แต่หวังว่าน.ส.สุพิชญา จะกลับมามีชีวิตและหายกลับมาดูแลลูก ไม่ว่าเขาจะฟื้นกลับมาในสภาพไหน

อย่างไรก็ตาม ตนทราบว่านายนิวัฒน์ถูกจับและแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ก็ได้รับประกันตัวไป จากนั้นเขาก็โทรศัพท์มาสอบถามอาการ และจะช่วยค่ารักษาพยาบาล แต่ญาติของตนไม่ต้องการแบบนั้น เพราะอยากให้ผู้ก่อเหตุถูกแจ้งข้อหาพยายามฆ่า และตนก็กลัวไม่ได้รับความเป็นธรรม เนื่องจากหลังเกิดเหตุตำรวจก็ไม่ได้เข้ามาดูอาการพี่สาวของเพื่อทำสำนวนคดีเลย

ด้าน พ.ต.ท.ประสพ พันแจ้ง รอง ผกก.สอบสวน สภ.นครไชยศรี ให้ข้อมูลว่า เบื้องต้นสามารถแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนบาดเจ็บสาหัสกับ นายนิวัฒน์ ปิ่นตบแต่ง เท่านั้น ซึ่งก็ได้รับการประกันตัวในชั้นศาลด้วยหลักทรัพย์ 12,000 บาท ส่วนข้อหาพยายามฆ่านั้น ต้องรอความเห็นจากแพทย์ว่าจะแจ้งข้อหาเพิ่มเติมได้หรือไม่ เนื่องจากในที่เกิดเหตุไม่มีอาวุธร้ายแรง เช่น มีด ปืน อีกทั้งศีรษะของคนเจ็บก็ไม่ได้เป็นแผลฉกรรจ์ จึงไม่สามารถแจ้งข้อหาพยายามฆ่าได้ในทันที

ขณะที่ นางอร (นามสมมติ) อายุ 45 ปี น้าของผู้ก่อเหตุ กล่าวว่า หลานถูกจับและได้รับการประกันตัวด้วยหลักทรัพทย์จำนวน 12,000 บาท หลังจากนั้นก็หายไปจากพื้นที่เลย และจะเป็นฝ่ายที่โทรศัพท์กลับมาเอง ซึ่งเขาเล่าว่า คืนเกิดเหตุนั้นเจ้าตัวอยู่ในอาการเมา ส่วนภรรยานอนหลับอยู่ เจ้าตัวไปเช็กโทรศัพท์ของภรรยา และพบว่าภรรยาคุยแชทกับชายคนอื่น จึงเกิดการหึงหวงและโมโห จึงปลุกภรรยาที่กำลังนอนหลับขึ้นมาตบตีโดยไม่ทันคิด

นางอร กล่าวต่อว่า หลังเกิดเหตุญาติของฝ่ายหญิงไม่ให้นายนิวัฒน์เข้าไปเยี่ยมภรรยาเลย ซึ่งนายนิวัฒน์เองก็ต้องไหว้วานให้ตนไปเยี่ยมแทนเขาเสมอ และจะฝากเงินครั้งละ 2,000 บาท เพื่อเป็นค่ารักษา แต่อีกฝ่ายกลับไม่รับเงินนี้เลย นายนิวัฒน์บนบานว่าถ้ามีปาฏิหาริย์ น.ส.สุพิชญามีอาการดีขึ้นก็จะบวชให้ ซึ่งตนเห็นสภาพของฝ่ายหญิงแล้ว ก็รู้ว่าคงกลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่ได้ และเมื่อไปบอกกับนายนิวัฒน์ เจ้าตัวเองก็รู้สึกผิดจนจะผูกคอตาย เพราะเขาก็เครียดและร้องไห้ตลอดเวลา ตนเห็นแล้วก็ต้องโกหกไปว่าฝ่ายหญิงมีอาการดีขึ้นตามลำดับ เพื่อไม่ให้หลานชายของตัวเองคิดสั้น

นางอร กล่าวว่า นายนิวัฒน์เองก็รู้ตัวว่า ถ้าหากผู้ได้รับบาดเจ็บเสียชีวิตนั้น เจ้าตัวอาจจะต้องถูกแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเป็นฆ่าผู้อื่น ซึ่งเขาก็ยินยอมที่จะติดคุก และยืนยันว่าจะไม่หนีไปไหนแน่นอน อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่านายนิวัฒน์ไม่ใช่คนโมโหร้าย ตนจึงไม่เข้าใจเช่นกันว่าทำไมถึงก่อเหตุรุนแรงแบบนี้

ต่อมาผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ห้องเช่าที่เกิดเหตุใน อ.นครไชยศรี จ.นครปฐม พบว่ายังมีคราบเลือดที่พื้นห้องน้ำ และคราบเลือดที่ถูกล้างแล้วที่กำแพงห้อง และพื้นห้อง โดย น.ส.ดาว (นามสมมติ) ชาวบ้านในพื้นที่ เปิดเผยว่า ในคืนเกิดเหตุนั้น เวลาประมาณตี 2-3 ตนได้ยินเสียง น.ส.สุพิชญาและนายนิวัฒน์ทะเลาะถกเถียงกันเสียงดัง

ซึ่งตอนแรกก็ไม่คิดอะไร เพราะทั้งคู่มักจะทะเลาะกันเป็นประจำทุกวันอยู่แล้ว พอหายโกรธกันก็รักกันดี ไปไหนมาไหนด้วยกัน แต่ในคืนเกิดเหตุนั้นตนรู้สึกได้ว่าเขาเริ่มทะเลาะรุนแรงกันมากขึ้น เริ่มได้ยินเสียงดังเหมือนคนกระแทกกับกำแพงหลายครั้ง และเสียงเตะ รวมถึงได้ยินเสียงน.ส.สุพิชญาร้องไห้ กรีดร้องตลอดเวลา จนสุดท้ายเสียงเงียบไป และหลังจากนั้นเหมือนกับนายนิวัฒน์จะโทรศัพท์ ตามเพื่อนให้มาช่วยพาตัวแฟนส่งโรงพยาบาล

น.ส.ดาว กล่าวต่อว่า ตนพอจะทราบว่าทั้งคู่ทะเลาะกันเรื่องฝ่ายชายเช็กโทรศัพท์ฝ่ายหญิง แล้วเจอแชทที่ฝ่ายหญิงคุยกับเพื่อนผู้ชาย แต่ตนก็ไม่ทราบรายละเอียดเชิงลึก แต่ตนมองว่าฝ่ายชายดูเป็นคนที่น่ากลัว ตนรู้สึกสงสารฝ่ายหญิงและสลดใจมากๆ คิดว่าฝ่ายชายไม่น่าจะทำรุนแรงขนาดนี้

 

ที่มา รายการทุบโต๊ะข่าว อมรินทร์ทีวี

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0