โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

ผักข้างบ้าน สวนแม่หอมแดง เมืองโอ่ง

เทคโนโลยีชาวบ้าน

อัพเดต 21 พ.ย. 2562 เวลา 05.01 น. • เผยแพร่ 21 พ.ย. 2562 เวลา 05.00 น.
21 ผักข้าง

เทคโนโลยีการสื่อสารในปัจจุบันเป็นการสื่อสารที่รวดเร็วมาก ความเปลี่ยนแปลงนี้สามารถทำให้บางสิ่งบางอย่างที่เคยใช้ในสมัยก่อนต้องถูกทิ้งภายในระยะเวลาไม่นาน ดังจะเห็นธุรกิจกล้องถ่ายภาพและฟิล์มที่ดำรงอยู่ร้อยกว่าปีล่มสลายภายในไม่กี่ปีที่มีกล้องถ่ายรูประบบดิจิตอล โทรเลขที่เคยเฟื่องฟูก็ต้องยกเลิกไปเมื่อหลายปีก่อน และตู้โทรศัพท์ที่เคยมีอยู่มากมายอยู่ตามที่สาธารณะต่างๆ ก็ถูกทอดทิ้งด้วยระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่

ผู้เขียนอยู่ในกลุ่มสื่อสารในระบบเทคโนโลยีสมัยใหม่ มีกลุ่มต่างๆ มากมายเกี่ยวกับการเกษตร พบว่ามีคนส่วนหนึ่งที่เป็นมนุษย์เงินเดือนอยากกลับมาทำการเกษตรที่บ้าน แต่ความฝันของเขายังไม่เป็นจริง เพราะมีปัจจัยต่างๆที่ยังไม่พร้อม มีคนที่ออกจากมนุษย์เงินเดือนมาทำเกษตรต้องประสบความผิดหวังหลายราย แต่คนที่ประสบความสำเร็จก็มีอยู่จำนวนหนึ่ง

คุณเอ๋ หรือ คุณมนธิดา อยู่หนู แห่งสวนแม่หอมแดง เป็นชาวจังหวัดราชบุรีโดยกำเนิด จบปริญญาตรี ด้านคหกรรมศาสตร์ ได้เข้าทำงานในบริษัทโรงงานอาหารแห่งหนึ่งในจังหวัดราชบุรี ในตำแหน่งพนักงานแผนกพัฒนาผลิตภัณฑ์ จนกระทั่งปี 2546 วันหนึ่งเห็นแม่บ้านอายุ 60 ปี ได้เกษียณอายุจากโรงงาน ป้าแม่บ้านบอกว่าพอมีที่ทางอยู่บ้าง แต่ก็กลับไปทำไร่ทำสวนไม่ไหว เพราะอายุมากแล้ว แต่โชคดีร้านอาหารในโรงงานได้จ้างให้มาช่วยงานในร้าน ป้าบอกว่าโชคดีที่เขาจ้าง ถ้าไม่จ้างก็ไม่รู้จะทำงานอะไรได้ เลยกลับมาคิดถึงตัวเองว่า ถ้าทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือนจนเกษียณอายุ 60 ปี จะมีใครจ้างต่อเหมือนป้าที่โชคดีไหม จึงได้คิดเรื่องการลาออกมาทำงานเกษตรเพื่อเป็นนายตัวเอง

จากพื้นที่เพียง 1 ไร่ ข้างบ้าน ที่มีแม่และป้าเป็นเจ้าของ คุณเอ๋ จึงนำชื่อแม่แดงและป้าหอมมาเป็นสวนแม่หอมแดง คิดว่าจะทำอย่างไรที่เป็นการเกษตรแล้วมีรายได้ตลอดปี เพราะสวนที่ว่านี้เป็นสวนป่าไผ่รวกหวาน ที่มีรายได้จากการตัดหน่อไม้เพียงปีละครั้ง ก่อนหน้านี้ได้กลับมาช่วยแม่และป้าตัดหน่อไม้และนำไปขายในหมู่บ้านตอนวันเสาร์อาทิตย์ ได้มีโอกาสสัมผัสวิถีชุมชน ก็เริ่มคิดทำการเกษตร พอดีเห็นพันธุ์ต้นขจรพื้นบ้านในสวน ก็ลองนำกิ่งมาฝังดิน ต้นมันก็งอกผลิดอกออกผลให้ เมื่อได้กลับมาทำเกษตรก็เลยเอาดงไผ่ออกทั้งหมด ซื้อกิ่งพันธุ์ดอกขจรมาปลูก 100 กิ่ง รอดเพียง 40 กิ่ง ในช่วงนั้นก็ปลูกผัก คะน้า กวางตุ้ง ผักบุ้ง ผักชี ไปด้วย ขายให้ชาวบ้านในชุมชน และได้ขยายต้นขจรไปเรื่อยๆ จนปัจจุบันขจรมีทั้งหมด 8 แถว โดยแต่ละแถวยาว 60 เมตร พอมีผลผลิตก็เอามาขายที่ตลาดนัด สัปดาห์ละ 2 วัน ต่อมาก็ปลูกผักสลัดเอาไปขายด้วย

ในปี 2560 ลมพัดค้างล้ม จึงคิดตอนกิ่งพันธุ์เอามาขาย ในราคากิ่งละ 10 บาท แต่ก็มีปัญหาเรื่องการขนส่งกิ่งพันธุ์เสียหายมาก และลูกค้าต้องจ่ายค่าขนส่งแพง จึงคิดตัดขายกิ่งสด ในราคากิ่งละ 2 บาท สั่งอย่างน้อย 50 กิ่งขึ้นไป ค่ากิ่ง 100 บาท ค่าขนส่ง 65 บาท รวมเป็น 165 บาท ปัจจุบันกิ่งที่มีอยู่ไม่พอส่ง เพราะจำเป็นต้องเหลือไว้ให้เก็บดอกขายด้วย ราคาดอกขจรหน้าสวน ขายปลีก ขีดละ 10 บาท ขายส่ง กิโลกรัมละ 70 บาท

วิธีการปลูกต้นขจร

กิ่งพันธุ์ต้นขจรที่ได้มา จะยาวประมาณ 5-7 นิ้ว ก่อนชำให้แช่น้ำยาเร่งรากก่อน 1 ชั่วโมง แล้วนำออกมาพักให้แห้ง ใช้ถุงดำ ขนาด 2×6 นิ้ว ต่อ 1 กิ่ง ดินที่ใช้ควรเป็นดินพร้อมปลูกธรรมดา ยังไม่ควรใช้ปุ๋ยมูลสัตว์ใดๆ เข้ามาร่วม เนื่องจากรากจะไม่เดิน นำไปไว้ใต้หลังคา ไม่ให้โดนฝน และห้ามรดน้ำทุกวัน ควรรดน้ำ 5-7 วัน ต่อครั้ง ใช้เวลา 2 เดือน ต้นจะแข็งแรงเต็มที่พร้อมปลูกที่สวนแม่หอมแดง ใช้เสาปูนหน้า 3 สูง 2.5 เมตร ฝังลงในดิน 50 เซนติเมตร ความสูงจึงเหลือ 2 เมตร ระยะเสาห่างกัน 6 เมตร ในช่องกลางปักท่อพีวีซี 1 นิ้ว จำนวน 3 เสา เพื่อพยุงต้น ใช้ตาข่ายที่สำหรับปลูกแตงกวาขึงยาวไป แล้วจึงเอากิ่งชำที่พร้อมแล้วมาลงดิน

ในช่วงแรกยังไม่ควรใส่ปุ๋ย ให้เวลาผ่านไปประมาณ 1 เดือน จึงเริ่มใส่ปุ๋ย แต่ที่สวนแม่หอมแดงจะใช้น้ำหมักขี้วัวรดแทน โดยจะใช้ขี้วัว 1 กระสอบ ใส่ถัง 200 ลิตร ใส่น้ำให้เต็มและใส่จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง 3 ลิตร หมักไว้ในที่ร่ม 1 เดือน จึงจะนำมาใช้ได้ ในการใช้รด ใช้น้ำหมัก 100 ซีซี ต่อ น้ำ 15 ลิตร ใช้รด ต้นละ 100 ซีซี 7-15 วันครั้ง โดยจะรดน้ำธรรมดาให้ชุ่มก่อน แล้วจึงใช้น้ำหมักเจือจางรด
ใช้เวลาประมาณ 3 เดือน จากวันที่ปลูก ต้นดอกขจรจะเริ่มให้ผลผลิต สามารถปลูกได้ทุกฤดู และพันธุ์ดอกขจรนี้จะออกดอกทั้งปี ดอกจะมีขนาดใหญ่ ในช่วงหน้าหนาวดอกจะออกน้อยกว่าฤดูอื่น ในฤดูฝนดอกจะออกมากกว่าฤดูอื่น

ศัตรูพืชของต้นขจรคือ เพลี้ยไฟ ไรแดง เพลี้ยแป้ง เพลี้ยอ่อน ถ้ามีปรากฏในแปลงจะใช้น้ำหมักใบยาสูบและน้ำหมักใบสะเดา หมักไว้ 1 คืน แล้วนำมาฉีดในช่วงเวลาเย็นที่ไม่มีแดดแล้ว ดอกขจรจะเก็บขายได้ทุก 2 วัน เนื่องจากปลูกจำนวนไม่มาก หลังจากต้นมีอายุ 1 ปี จะต้องตัดแต่งกิ่ง โดยตัดต้นให้สูงจากดิน ประมาณ 50 เซนติเมตร กิ่งซ้ายขวาจะตัดนำออกมาขายเป็นกิ่งพันธุ์

ผักสลัดบนโต๊ะ

สวนแม่หอมแดง จะปลูกสลัดบนโต๊ะที่มีความยาว 4 เมตร กว้าง 1 เมตร ความสูงของหลังคา วัดจากพื้น 2 เมตร ปลูกโดยใช้วัสดุปลูกเป็นหญ้าที่เก็บออกจากสวนมาหมักสลับกับขี้วัวแห้ง แล้วรดน้ำให้ชุ่มโดยไม่พลิกกอง ใช้เวลาอย่างเร็วที่สุด 2 เดือน เมื่อกองปุ๋ยหมักได้ที่ก็จะนำมาผสมกับขุยมะพร้าวรวมกัน แล้วนำขึ้นบนโต๊ะ รดน้ำให้ชุ่มปูหน้าดินด้วยใบไผ่ เนื่องจากฟางแถบนี้หาค่อนข้างยาก เอาต้นกล้าที่เพาะไว้ประมาณ 15 วัน มาปลูก ใช้สายยางรดน้ำ สาเหตุที่เอาใบไผ่ปูหน้าดินเนื่องจากเมื่อใช้สายยางฉีดดินจะไม่กระเด็นออกจากโต๊ะ ช่วงนี้จะรดจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง สัปดาห์ละ 2 ครั้ง และไม่จำเป็นต้องใส่ปุ๋ยอะไรเข้าไปเพิ่ม ผักสลัดจะต้องพรางแสงให้ด้วย เนื่องจากผักสลัดไม่ชอบแสงจ้ามากเกินไป น้ำที่รดจะเป็น 2 รอบ เช้ากับบ่าย ถ้าในหน้าร้อนจะรดถึง 4 รอบ ใช้เวลาประมาณ 25-30 วัน ก็จะเริ่มเก็บผักขาย

ผักสลัดที่ปลูกได้ส่วนใหญ่ จะมีลูกค้ามาสั่งไว้เป็นประจำ เนื่องจากปริมาณโต๊ะยังไม่เพียงพอ ราคาขายผักสลัดในปัจจุบัน กิโลกรัมละ 100 บาท ส่วนดอกขจรก็จะมีแม่ค้ามารับไปขายตามตลาดนัด สำหรับกิ่งพันธุ์ขายกันอยู่หน้าเพจ ซึ่งปัจจุบันยังไม่พอขาย เนื่องจากพื้นที่มีน้อย แต่ว่าสวนแม่หอมแดงมีพื้นที่เพียง 1 ไร่ ข้างบ้านก็สามารถทำรายได้จากผลผลิต 3 อย่าง คือผัก ดอกขจร และกิ่งพันธุ์ดอกขจร โดยเฉลี่ยเดือนละ 12,000 บาท ซึ่งอาจจะไม่มากนัก แต่ด้วยแรงงานของผู้หญิงคนเดียวและมีพื้นที่จำกัด ยังสามารถทำรายได้ขนาดนี้ถือว่าเป็นเรื่องไม่ธรรมดา เพราะฉะนั้นท่านที่มีเนื้อที่ทำเกษตรหลายไร่น่าจะมีรายได้ได้ดีกว่า ด้วยการปลูกพืชที่มีตลาดจำหน่ายแน่นอน ไม่ซ้ำกับพืชของเกษตรกรในพื้นที่

คุณเอ๋ ฝากถึงมนุษย์เงินเดือนที่ต้องการทำการเกษตรว่า “การทำการเกษตรต้องพร้อมทั้งใจและกาย การทำเกษตรไม่ใช่เห่อไปตามเขา เพราะมีความเสี่ยงมากกว่าการทำงานประจำ เราจะต้องพร้อมเรียนรู้กับการปลูกพืชนั้นๆ มีการทดลองทำจริง ไม่ใช่คิดจะทำก็ออกมา ต้องมีทุน มีที่ดิน มีความรู้ เพื่อจะได้ง่ายต่อการเริ่มต้นทำเกษตร ถ้าสนใจอยากแบ่งปันความรู้ทางด้านนี้ สามารถติดต่อได้ที่ เบอร์โทรศัพท์ 089-744-9592 ID Line :suanmaehomdang เฟซบุ๊ก Aey Monthita หรือสวนแม่หอมแดง หมู่บ้านรางพลับ ตำบลกรับใหญ่ อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี”

การปลูกต้นขจรและการปลูกสลัดไม่ใช่เรื่องที่ผู้เขียนต้องการนำเสนอ เพราะมีคนเขียนกันมากมายแล้ว แต่ที่ต้องการนำมาเผยแพร่คือ ความคิดของผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งรักความเป็นเกษตรกรและต้องการมีอาชีพอิสระอย่างยั่งยืน บนพื้นที่เพียง 1 ไร่ อันน้อยนิด บางคนบอกว่า ตัวเองมีพื้นที่เป็นหลายสิบไร่ยังเอาตัวไม่รอด ยังเป็นหนี้เป็นสินเลย ผู้เขียนพูดมาตลอดเรื่องการทำการตลาดก่อนทำการเกษตร เพราะนั่นจะทำให้มีความมั่นคงในอาชีพเป็นเกษตรกร และวันนี้ก็ยังคงยืนยันคำเดิม

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0