โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

ผวาไทยเจอ2เด้ง เศรษฐกิจจีนชะลอฉุดส่งออก-นักท่องเที่ยวหาย

Money2Know

เผยแพร่ 15 พ.ย. 2561 เวลา 11.35 น. • money2know - เงินทองต้องรู้
ผวาไทยเจอ2เด้ง เศรษฐกิจจีนชะลอฉุดส่งออก-นักท่องเที่ยวหาย

นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ทิศทางเศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มชะละตัวช่วงปลายปี 61 หวั่นส่งผลกระทบไทย เนื่องจากส่งออกไปยังจีนสูงและการท่องเที่ยวก็มีรายได้จากนักท่องเที่ยวจีนเป็นอันดับหนึ่ง

ธนาคารกสิกรไทย จัดงานสัมมนาเรื่อง ส่องทิศทางเศรษฐกิจปีกุน” เพื่อเป็นข้อมูลให้ลูกค้าที่ประกอบธุรกิจ โดยวงเสวนาประกอบด้วย นายสมภพ มานะรังสรรค์ อธิการบดีสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์, นายศิวัสน์ เหลืองสมบูรณ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการศูนย์วิจัยกสิกรไทยและ นายกอบสิทธิ์ ศิลปะชัย ผู้บริหารงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย

จีนใช้ปัจจัยในประเทศพยุงเศรษฐกิจตัวเอง

นายสมภพ มานะรังสรรค์ กล่าวว่า จีนมีการปรับนโยบายที่ตั้งแต่ต้นมาตั้งแต่ช่วงต้นปีแล้ว เช่นการก่อหนี้ของท้องถิ่น แต่สถานการณ์ปัจจุบันมีการผ่อนผันอย่างรุนแรง ซึ่งทางจีนที่กำลังประสบปัญหาอยู่บ้างในขณะนี้จากการโจมตีของสหรัฐฯ พยายามใช้วิธีป้องกันตัวเองด้วยการใช้ตัวแปรในประเทศ

เช่นการบริโภคในประเทศมาช่วยพยุงเศรษฐกิจของตัวเองจะเห็นได้ว่าการบริโภคภายในประเทศของจีนมีอัตราการเติบโตที่สูงขึ้นมากเป็น 70% จากเมื่อก่อนที่เคยเติบโตขึ้น 50% นอกจากนี้ยังมีการใช้ภาคบริการเข้ามากระตุ้นด้วยซึ่งมีอัตราเติบโตทางภาคบริการเป็น 68% จากเดิม 51%

จากตัวเลขที่ได้กล่าวมาจะเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าจีนพยายามใช้ปัจจัยภายในประเทศของตัวเองเป็นตัวกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างหนัก นอกจากนี้รัฐบาลจีนเองยังพยายามช่วยเหลือภาคอกชนเต็มที่ เช่น รัฐบาลกระตุ้นให้ธนาคารปล่อยสินเชื่อให้กับธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กหรทอ SMEs ซึ่งกำลังขาดแคลนสภาพคล่องอยู่ขณะนี้

จากสถานการณ์ที่จีนกำลังเป็นไป ยังสามารถเชื่อต่อไปได้ว่าจะต้องตกอยู่ในสภาพนี้ไปอีกในระยะยาว ซึ่งรัฐบาลจีนเองพยายามปล่อยเงินมาเลี้ยงในระบบเศรษฐกิจอย่างหนัก และนอกจากนี้ยังเป็นการทำให้ดอกเบี้ยในประเทศถูกลงอีกด้วย ซึ่งเป็นนโยบายการเงินที่รัฐบาลจีนกำลังเอาจริงเอาจังอยู่ในขณะนี้

ในขณะที่มาตรการของการคลัง ก็มีนโยบายจะลดภาษีเพราะเห็นทางสหรัฐฯ ทำและประสบความสำเร็จ นอกจากนี้ยังจะลด VAT ให้กับประชาชน โดยบางผลิตภัณฑ์ของจีนมี VAT สูงถึง 17% ซึ่งการทำแบบนี้จะเป็นการกระตุ้นการบริโภคในประเทศให้มีการบริโภคที่เพิ่มมากขึ้น

ขณะเดียวกันทางรัฐบาลจีนก็เร่งการลงทุนของรัฐบาลด้วยเช่นกัน เช่นการสร้างรถไฟใหม่ เพื่อเพิ่มโอกาสในการจ้างงาน และเป็นการเร่งการขยายตัวของเมืองซึ่งจะช่วยให้ SMEs ให้สามารถอยู่รอดต่อไปได้ ซึ่งการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมจีนถือว่ายังคงเติบโตอยู่เรื่อยๆ

แต่การลงทุนที่จีนกำลังให้ความสนใจอยู่ในปัจจุบันคือการลงทุนกับเทคโนโลยี เช่น AI มีการเติบโตในประเทศจีนเป็นอย่างมาก สวนทางกับธุรกิจแรงงานที่จีนเริ่มไม่ให้ความสนใจเท่าไรนัก

สหรัฐฯ-จีน ต้องร่วมมือกัน เศรษฐกิจโลกถึงจะดีขึ้น

แต่สิ่งที่เป็นปัจจัยจะนำมาวิเคราะห์ว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้นไหมมีแค่การคุยกันของสหรัฐฯ กับ จีน และการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยี เท่านั้น ซึ่งปี 62 ที่จะถึงนี้ 5G กำลังจะมาถ้าสหรัฐฯ และจีนร่วมมือกันเจรจากันได้ข้อสรุปที่ลงตัว จะทำให้เศรษฐกิจโลกดีขึ้นมาก แต่ถ้าคุยกันไม่รู้เรื่องต่อให้ 5G มา ก็ไม่มีผลอะไร

ขณะเดียวกันจีนพยายามให้บริษัทชั้นนำในประเทศพัฒนาระบบเทคโนโลยีต่างๆ เป็นอย่างมาก ซึ่งถ้าจีน และ สหรัฐฯ ร่วมมือกันพัฒนาเทคโนโลยีจะยิ่งทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างมาก เพราะต่างเป็นประเทศที่มีทรัพยากร และต้นทุนในการพัฒนาเทคโนโลยีด้วยกันอยู่แล้ว

แต่ทิศทางการเจรจากันระหว่างสหรัฐฯ และจีน ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา มีแนวโน้มดีขึ้น ซึ่งจากสถิติที่ผ่านมาเมื่อ 2 ชาตินี้คุยกันได้ดีจะทำให้หุ้นในตลาดโลกขึ้นทุกครั้งทันที ฉะนั้นแล้วเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศก็เป็นเรื่องสำคัญกับการพัฒนาเศรษฐกิจด้วยเช่นกัน

คาดเศรษฐกิจจีนเริ่มชะลอปลายปี 61

ด้านนายศิวัสน์ เหลืองสมบูรณ์ เปิดเผยว่าโดยส่วนตัวคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจีนในสิ้นปี 61 นี้ มีแนวโน้มลงแรงถึง 6.2% แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรมากนัก เพราะเศรษฐกิจจีนในปี 61 ดีมาตั้งแต่ช่วงต้นปี ก็ถือว่าเป็นการเฉลี่ยกันไปกับสิ่งที่ทำมาได้ในช่วงแรก

และเมื่อเข้าสู่ปี 62 คาดว่าจะได้เห็นอะไรที่ชัดขึ้นกับตัวเศรษฐกิจจีน ซึ่งคาดว่ายังคงชะลอตัวต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้าจากปัจจัยภายนอก ซึ่งจีนมีการลดแลกแจกแถมเยอะมาก โดยมีการนำเงินเข้าไปฉีดในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น ซึ่งจะช่วยประคลองไปได้ในระยะหนึ่งเท่านั้น

ซึ่งความจริงนโยบายการเงินมักจะตามมาด้วยความเสี่ยงต่างๆ ซึ่งจีนเองก็ยังคงต้องลุ้นว่าสงครามการค้ากับสหรัฐฯ จะจบลงเมื่อไร ถ้าสงครามการค้าจบเศรษฐกิจจีนจึงจะกลับมาดีแบบจริงๆ อีกครั้ง ซึ่งเศรษฐกิจจีนมีความเปราะบางถึงแม้จะมีการเติบโตในช่วงที่ผ่านมาก็ตาม

จีนหนุนเทคโนโลยีหวังใช้สร้างความแข็งแกร่งให้กับประเทศ

ขณะเดียวกันจีนพยายามหาจุดเปลี่ยนในการที่จะทำให้เศรษฐกิจของตัวเองกลับมาดีอีกครั้ง ซึ่งก็เหมือนว่าจีนกำลังเจอสิ่งที่คิดว่าจะทำให้เศรษฐกิจของตัวเองกลับมาดีแล้วนั่นคือการเข้าไปสนับสนุนธุรกิจเทคโนโลยี แต่ว่ายังคงเป็นเรื่องที่ไม่สามารถเห็นผลทันทีหรือในระยะสั้น

เป็นห่วงเศรษฐกิจจีนแย่ทำกระทบไทย

ซึ่งปี 62 ยังคงเป็นห่วงเศรษฐกิจจีนเช่นกัน ถ้าสงครามการค้าไม่จบ การค้าของจีนอาจได้รับผลกระทบ และกำไรของบริษัทต่างๆ ก็อาจลดลงด้วยเช่นกัน ซึ่งจะลามไปถึงระบบเศรษฐกิจภายในประเทศ ซึ่งจีนก็พยายามแก้ไขด้วยการกระตุ้นให้สภาพคล่องในประเทศเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น

ซึ่งเป็นการแก้ไขปัญหาที่ดีในระยะสั้น ซึ่งถ้าจีนโดนผลกระทบประเทศไทยก็จะได้รับผลเสียตามไปด้วยเช่นกันเพราะไทย-จีน มีการทำการค้ากันเยอะ ในส่วนของการท่องเที่ยวเองก็กระทบแน่นอนเพราะไตรมาส 3 ของปีนี้ นักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามาในไทยก็ลดลงเช่นกันจากปัญหาเหตุการณ์เรือล่มที่ภูเก็ต

ทำให้รายได้การท่องเที่ยวของไทยลดลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งการท่องเที่ยวเป็นปัจจัยที่สำคัญของเศรษฐกิจไทยอีกด้วย และถ้าหากจีนเกิดผลกระทบกับเศรษฐกิจขึ้นมาจริงๆ ไทยเองก็ต้องเตรียมการรับมือเช่นกัน

นายกอบสิทธิ์ ศิลปะชัย หล่นความเห็นทิ้งท้ายไว้ว่า คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกในปี62 จะโตอยู่ที่ 3.6% ส่วนจีนคาดโตขึ้น 6.2% และสหรัฐฯ คาดว่าจะโตขึ้น 2.6% ซึ่งเป็นเทรนด์ที่ทางสหรัฐฯ รู้อยู่เต็มอกว่าเศรษฐกิจจีนจะเติบโตได้มากกว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปี 62 ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จึงพยายามสกัดจีนทุกรูปแบบ

จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจนักที่จะเกิดภาวะสงครามการค้าขึ้น และคาดว่าอาจจะลามไปจนถึงปลายปีหน้า และต้องตามดูอีกทีว่าการเจรจาของ 2 ประเทศนี้ จะจบลงอย่างไร เพราะอย่างที่หลายฝ่ายรู้อยู่เต็มอกว่าถ้าสงครามการค้าไม่จบก็จะส่งผลกระทบไปยังประทศอื่นๆ ด้วยเช่นกัน

 

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0