วันที่ 20 เม.ย. 62 ผู้สื่อข่าว รับแจ้งว่ามีชายโรคจิตออกอาละวาด ในพื้นที่บ้านเฉลียงลับหมู่ที่ 3 ต.นาป่า อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ โดยมีพฤติกรรมขี่รถจักรยานยนต์ ประกบหญิงสาวพร้อมทั้งขอมีเพศสัมพันธ์ด้วย ล่าสุดได้ฉุดเด็กหญิงวัย 12 ปี ขณะเดินอยู่ข้างถนนบังคับให้ขึ้นรถจักรยานยนต์ขับไปในที่เปลี่ยว บังคับให้ถอดเสื้อผ้าแล้วใช้นิ้วแหย่อวัยวะเพศ จากนั้นได้ขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป ทำให้ชาวบ้านต่างห่วงใยลูกหลานที่เป็นผู้หญิง ไม่กล้าปล่อยให้ไปไหนมาไหนเพียงลำพัง ต้องคอยดูแลไม่ให้ห่างสายตาจึงเดินทางไปตรวจสอบ
โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 17 เม.ย. ด.ญ.เอ (นามสมมุติ) อายุ 12 ปี กำลังเดินไปซื้อของจากร้านที่อยู่ห่างกันเพียง 100 เมตร และอยู่ในแหล่งชุมชน ขณะที่ ด.ญ.เอ กำลังเดินอยู่นั้น คนร้ายได้ขี่รถจักรยานยนต์ สีน้ำเงินขาว สวมหมวกกันน็อกแบบเต็มใบ มาประกบพร้อมทำทีถามหาบ้านคน และให้ ด.ญ.เอ พาไป แต่ ด.ญ.เอ ปฏิเสธ
จากนั้นคนร้ายได้กระชากตัว ด.ญ.เอ ขึ้นรถจักรยานยนต์ด้านหน้า แล้วขี่รถจักรยานยนต์ลัดเลาะไปจนถึงที่เปลี่ยว ก่อนจะจอดรถบังคับให้ ด.ญ.เอ ถอดเสื้อผ้าจนหมด แล้วใช้นิ้วแหย่อวัยวะเพศของ ด.ญ.เอ จากนั้นก็ใส่เสื้อผ้าขับรถจักรยานยนต์หลบหนีไป ส่วน ด.ญ.เอ เมื่อคนร้ายหนีไปแล้วได้ใส่เสื้อผ้าและวิ่งออกไปขอความช่วยเหลือ
นายอดุลย์ นนทะโคตร ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 3 ต.นาป่า อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นในพื้นที่หมู่บ้านของตนและใกล้เคียง โดยคนร้ายจะสวมหมวกกันน็อกแบบเต็มใบ ใส่แมสปิดปาก สวมเสื้อคลุมสีดำ กางเกงยีน ขี่รถจักรยานยนต์ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน จากนั้นก็จะขี่ตระเวนในพื้นที่ เมื่อพบผู้หญิงที่มาเพียงคนเดียว ก็จะขี่รถประกบพร้อมทั้งขอมีเพศสัมพันธ์ หากพบว่ามีหญิงสาวอยู่บ้านเพียงลำพัง ก็จะจอดรถและทำทีขอเข้าห้องน้ำ จากนั้นก็จะขอมีเพศสัมพันธ์ด้วย สร้างความหวาดกลัวให้กับชาวบ้านเป็นอย่างมาก จนทุกวันนี้ไม่มีใครกล้าปล่อยลูกหลานที่เป็นผู้หญิงอยู่บ้าน หรือออกไปเล่นข้างนอกเพียงลำพัง
ทั้งนี้ ตนได้พาครอบครัวผู้เสียหาย แจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองเพชรบูรณ์ พร้อมทั้งนำ ด.ญ.เอ ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลเพชรบูรณ์ ซึ่งต้องใช้เวลาประมาณ 3-4 วัน ถึงทราบผล โดยได้ประกาศเตือนชาวบ้านให้สอดส่องดูแลบุตรหลาน รวมทั้งสังเกตผู้ที่ขี่รถจักรยานยนต์ ฮอนด้า สีน้ำเงินขาว สวมหมวกกันน็อกแบบเต็มใบ หากพบให้แจ้งผู้ใหญ่บ้านหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยเร็ว เพื่อจะได้ตรวจสอบว่าเป็นคนร้ายหรือไม่
น.ส.บี (นามสมมติ) ผู้เสียหายอีกราย เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า เมื่อวันที่ 27 มี.ค. ที่ผ่านมา ระหว่างที่ตนกำลังขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้าน ก็มีรถจักรยานยนต์ของคนร้าย ขับตามมาตลอดเส้นทางกลับบ้าน ในตอนนั้นตนไม่ได้เอะใจอะไร แต่เมื่อถึงบ้าน ชายคนดังกล่าวก็จอดรถที่หน้าบ้านเช่นกัน และเดินลงมาเคาะประตูหน้าบ้าน โดยอ้างว่าโดนพี่สาวของตนขับรถชน จึงจะมาขอเจรจาเกี่ยวกับค่าเสียหาย และจะขอเข้าไปพูดคุยในบ้านอย่างเดียว และพยายามที่จะเดินเข้าบ้าน แต่ตนไม่ยอม
น.ส.บี กล่าวต่อว่า ตอนนั้น ยังไม่เชื่อคำพูดของชายคนดังกล่าว จึงถามถึงลักษณะของพี่สาวตน ที่คนร้ายอ้างว่าไปขับรถชน ปรากฏว่าคนร้ายบอกลักษณะไม่ตรงกับพี่สาวตน ตนจึงรู้ทันทีว่าโดนหลอก จึงรีบปิดประตูบ้านและล็อกกลอน ก่อนจะวิ่งหนีออกไปทางหลังบ้าน เพื่อขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้าน
นายประจบ แก้วใหญ่ อายุ 62 ปี เพื่อนบ้านที่ น.ส.บี วิ่งมาขอความช่วยเหลือ เปิดเผยว่า หลังจากที่ น.ส.บีมาขอความช่วยเหลือ ตนก็วิ่งออกมาดู พบว่าคนร้ายกำลังจะขี่รถจักรยานยนต์หลบหนี ตนจึงรีบวิ่งไปดักก่อนที่จะถามว่ามาทำอะไร ซึ่งคนร้ายก็ยังอ้างเหมือนเดิมว่ามาขอตกลงค่าเสียหาย คนได้ยินจึงบอกให้คนร้ายรอ และตนจะเป็นคนกลางในการตกลงชดใช้ค่าเสียหายในครั้งนี้เอง พร้อมกับตะโกนบอกให้ลูกชาย โทรศัพท์ไปแจ้งผู้ใหญ่บ้าน และตำรวจ เพื่อมาเป็นตัวกลางในการตกลง ปรากฏว่าคนร้ายใช้จังหวะที่ตนเผลอ รีบขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไปอย่างรวดเร็จ จึงอยากวอนเจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งล่าตัวคนร้ายมาดำเนินคดี เพราะชาวบ้านในพื้นที่ไม่กล้าจะออกไปไหนเพียงลำพัง
