โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

สุขภาพ

ผลการทดลอง…..เมื่อทานน้ำตาลต่อเนื่องเป็นเวลาหนึ่งเดือนพบว่าทำให้สมองถูกทำลาย

AKERU

อัพเดต 09 ก.พ. 2562 เวลา 11.04 น. • เผยแพร่ 09 ก.พ. 2562 เวลา 11.04 น.
ผลการทดลอง…..เมื่อทานน้ำตาลต่อเนื่องเป็นเวลาหนึ่งเดือนพบว่าทำให้สมองถูกทำลาย
ข่าวร้ายสำหรับคนที่ชอบทานขนมหวาน เพราะจากการศึกษาล่าสุด …

ข่าวร้ายสำหรับคนที่ชอบทานขนมหวาน เพราะจากการศึกษาล่าสุดนั้นแสดงให้เห็นว่าน้ำตาลสามารถทำลายสมองได้

นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียพบว่า ฟรุกโตส (fructose) ซึ่งก็คือน้ำตาลทางธรรมชาติชนิดหนึ่งที่พบในผลไม้และผัก และยังสามารถพบในเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ผสมอยู่ (Soft Drinks) และพวกขนมหวานได้ด้วยนั้น เป็นอันตรายต่อเซลล์สมองและอาจนำไปสู่โรคอื่นๆอีกมากมาย จากโรคเบาหวานและโรคหัวใจ ไปจนถึงโรคอัลไซเมอร์และการขาดน้ำ

นักวิทยาศาสตร์ให้อาหารหนูกลุ่มหนึ่งเป็นเวลา 6 สัปดาห์ด้วยฟรุกโตสกับน้ำ (เทียบเทากับปริมาณน้ำอัดลมหนึ่งลิตรที่คนเราดื่มในแต่ละวัน) จากนั้นพวกเขาได้นำหนูกลุ่มนั้นใส่ในเขาวงกต โดยข้างๆกันเป็นหนูที่ดื่มแต่น้ำเปล่าเท่านั้น กลุ่มหนูที่ได้กินฟรุกโตสใช้เวลาในเขาวงกตได้เป็นสองเท่าของหนูที่ดื่มแต่น้ำเปล่า ทั้งๆที่หนูทั้งสองกลุ่มได้รับการฝึกที่อยู่ในระดับเดียวกัน แสดงให้เห็นว่าความจำของพวกมันถูกทำให้บกพร่อง

                                                                         source: www.belladivalifestyle.com
                                                                         source: www.belladivalifestyle.com

อย่างไรก็ตามยังมีผลลัพธ์ดีๆจากการทดลองนี้เกิดขึ้น นั้นก็คือกรดไขมันโอเมกา-3 ที่เรียกว่า กรดโดโคซาเฮกซาอีโนอิก (Docosahexaenoic Acid) หรือ DHA ที่ดูเหมือนจะตรงกันข้ามกับการเปลี่ยนแปลงซึ่งเป็นอันตรายที่ถูกสร้างขึ้นจากฟรุกโตส

ในหนูกลุ่มที่3 ซึ่งถูกเลี้ยงโดยน้ำมันเมล็ดแฟลกซ์ (Flaxseed Oil) ที่อุดมไปด้วยโอเมกา-3 และเช่นเดียวกับน้ำผสมฟรุกโตส มันได้ควบคุมการเดินทางในเขาวงกตของหนู โดยผลที่ออกมาพบว่าหนูกลุ่มที่3 ทำเวลาได้เร็วพอๆกับกลุ่มหนูที่ดื่มแค่น้ำเปล่าอย่างเดียว

DHA ถูกพบได้ตามธรรมชาติในปลา (โดยเฉพาะแซลมอน), ถั่ว, และผักบางชนิด

ig0708_salmon2_lg
ig0708_salmon2_lg

source: coreevolutionpb.com

เซี่ยหยาง นักเขียนอาวุโสท่านหนึ่งจากการศึกษานี้กล่าวว่า “DHA ไม่ได้เปลี่ยนแปลงแค่ยีนหนึ่งหรือสองชนิดเท่านั้น ดูเหมือนว่ามันยังช่วยผลักดันให้ยีนทั้งหมดกลับมาเป็นปกติ ซึ่งเป็นเรื่องไม่ธรรมดาเลย”

ที่มา: telegraph 

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0