โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

"ป้อง ณวัฒน์" ซัด “ซุปหูฉลามตุ๋นหม้อดิน”สยบรอยร้าวพรรคร่วมรัฐบาล คนรณรงค์แทบตาย แต่รัฐบาลไม่สนใจ **ฟังความจากใจของ "งูเห่า" ที่ร่วมแสดงตนให้องค์ประชุมครบ สภาฯไม่ล่มรอบ 3

Manager Online

เผยแพร่ 05 ธ.ค. 2562 เวลา 22.01 น. • MGR Online

ข่าวปนคน คนปนข่าว

**อายมั้ยล่ะ เป็นผู้นำทำเสียเอง! พระเอกดัง "ป้อง ณวัฒน์" ซัด “ซุปหูฉลามตุ๋นหม้อดิน”สยบรอยร้าวพรรคร่วมรัฐบาล คนรณรงค์แทบตาย แต่รัฐบาลไม่สนใจ #ฉลองไม่ฉลาม

โลกโซเชียลฯ ลุกฮือเข้ามาให้กำลังใจและสนับสนุนพร้อมกับแห่ติดแฮชแท็ก #ฉลองไม่ฉลาม หลัง "ป้อง" ณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์ พระเอกชื่อดัง โพสต์ภาพและข้อความลงไอจี จวกรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ที่จัดเมนู "ซุปหูฉลามตุ๋นหม้อดิน" เสิร์ฟในวงดินเนอร์ สานสัมพันธ์พรรคร่วมรัฐบาล

ฉลองยังต้องมีฉลามกันอีกหรือ ?

"ป้อง" นอกจากเป็นนักแสดงยังอยู่ในฐานะทูตองค์กรไวลด์เอด โครงการปกป้องประชากรฉลามโลกที่กำลังถูกคุกคามจากการค้า และการบริโภคเมนูฉลาม ระบุว่า คนรณรงค์ ก็รณรงค์กันไป รัฐบาลก็ไม่สนใจ จะปาร์ตี้สยบรอยร้าวหรืออะไรก็ทำไปครับ… แต่ฉลามไม่ได้รู้เรื่องด้วย หยุดทำร้ายฉลาม ทำลายระบบนิเวศในท้องทะเล ช่วยเป็นตัวอย่างที่ดีหน่อยครับ…

เห็นข่าวงานเลี้ยงพรรคร่วมรัฐบาล ที่ 1 ในเมนูอาหารค่ำ คือ "ซุปหูฉลามตุ๋นหม้อดิน" ถือเป็นเสียงสะท้อนที่ดีว่า ความพยายามในการรณรงค์ให้คนไทยเห็นความสำคัญของการเลิกบริโภคหูฉลาม อาจยังไปไม่ถึงบรรดาผู้นำในรัฐบาล ท่านจึงกลายเป็นผู้บริโภคเสียเอง…

เมื่อปี 2012 หรือ 7 ปีก่อน รัฐบาลจีนประกาศแบนการเสิร์ฟหูฉลามในงานเลี้ยงของรัฐ โดยให้เหตุผลว่า เพื่อสร้างบรรทัดฐานในการปกป้องสัตว์ที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ ขณะที่ล่าสุดเมื่อกลางปีนี้ ประเทศแคนาดา เป็นประเทศแรกในกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำและกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ หรือ G20 ที่ผ่านกฎหมายจำกัดการค้าหูฉลาม ด้วยการแบนการส่งออกและนำเข้าหูฉลามในประเทศ สะท้อนความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องปกป้องประชากรฉลามโลกที่กำลังเผชิญภาวะวิกฤต ที่ถูกคุกคามจากการค้า ความต้องการบริโภคหูฉลาม และการทำประมงเกินขนาด

ทุกปี "ฉลาม 73 ล้านตัว" ถูกนำไปทำเป็นซุปหูฉลามในงานรื่นเริงต่างๆ เพียงเพราะค่านิยมที่ว่า ซุปหูฉลาม คือ อาหารราคาแพงที่แสดงถึงฐานะทางสังคมของเจ้าภาพได้ ทั้งๆ ที่ ซุปหูฉลามแต่ละถ้วยได้มาจากการฆ่าสัตว์ที่มีความสำคัญต่อระบบนิเวศ และใน 15 ปีที่ผ่านมา ประชากรปลาฉลามบางสายพันธุ์ ลดลงมากราว 90-98%

ฉลามมีบทบาทสำคัญในท้องทะเลที่ไม่เหมือนปลาอื่น เป็นผู้รักษาความสมดุลของมหาสมุทรที่เป็นบ้านของสัตว์ทะเลเหมือนเสือในป่า หากไม่มีฉลามระบบนิเวศทางทะเลอาจถูกทำลาย การบริโภคหูฉลามและเมนูจากฉลามอื่นๆ จึงไม่ใช่การบริโภคที่ยั่งยืน

วิธีง่ายๆ ที่ทุกคนสามารถช่วยฉลาม คือการ " #ฉลองไม่ฉลาม" … ผมขอเรียกร้องให้รัฐบาลร่วมกันสร้างบรรทัดฐานใหม่ในการปกป้องฉลามด้วยการเลิกเสิร์ฟ เลิกทานหูฉลามในงานเลี้ยงของรัฐในอนาคต เพราะหยุดกินหูฉลาม เท่ากับหยุดฆ่า ร่วม #ฉลองไม่ฉลาม กันเถอะนะครับ"

มีคนเข้ามาแสดงความเห็นในโพสต์ของพระเอกดังจำนวนมาก โดยเห็นด้วยที่จะ #ฉลองไม่ฉลาม

นี่ต้องโทษทีมนายกฯ ทีมจัดงานของ3ป. หรือจะเป็นฝ่ายลุงๆ เรียกร้องเอง หรือปกติจะรับประทานเมนูนี้จนชิน ก็ไม่อาจจะทราบได้ แต่เอาเป็นว่า ไม่ตระหนักรู้ ไม่ละเอียด ขาดความรอบคอบ…

ครั้นจะบอกว่า ไม่รู้คงไม่ได้ การรณรงค์ "กินหูฉลาม=ฆ่าฉลาม" เรื่องนี้ทั่วโลกทำต่อเนื่องกันมานานเป็นแคมเปญระดับโลกที่คนเขาตื่นรู้กันแล้ว

มิหนำซ้ำ "ลุงตู่" เองก็เคยพูดช่วยรณรงค์เรื่องนี้มาเอง เรื่องนี้ทำเอา "องครักษ์พิทักษ์ลุง" ไปไม่เป็นเหมือนกัน ได้แต่โพสต์โต้กระแสโซเชียลฯ ในทำนองประชดประชันว่า "กลุ้ม" … "นายกฯ กินหูฉลามก็ผิด" คนรณรงค์ #ฉลองไม่ฉลาม มาจับผิดกันด้วยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ทำไม…

แทนที่จะขอให้ " 3ป." ช่วยเป็นตัวอย่างที่ดีหน่อย คิดหาหนทางกลับสวยๆ เช่น คราวหน้าจะไม่มีอีกแล้วเมนูนี้ หรือ ออกมาขอโทษประชาชนบ้าง ดันจะพาลุงๆ ดำดิ่งให้คนเขาด่าได้อีก ว่า "ไร้สำนึกสิ้นดี"…

ไม่รู้ป่านนี้เรื่องจะถึงหู "พี่น้อง3 ป." หรือยัง…เรื่องแบบนี้ อย่าทำเป็นเล่นไป ประเมินความรู้สึกหัวจิตหัวใจประชาชนต่ำไป

คิดว่าทุกเรื่อง รัฐบาลมี 3ป.แล้วลำพอง "ฮึกเหิม" ว่าจะไม่เป็นไร … ระวังไว้ "ซุปหูฉลาม" ที่คล่องคอ ทำให้ต่างหัวเราะร่า จะพากันน้ำตาริน … แล้วจะหาว่าหล่อไม่เตือน !

**ฟังความจากใจของ "งูเห่า" ที่ร่วมแสดงตนให้องค์ประชุมครบ สภาฯไม่ล่มรอบ 3 และ ส.ส.ประชาธิปัตย์ ที่โหวตสวนมติพรรค ในการตั้ง กมธ.เช็กบิล ม.44 ของคสช.

เป็นที่รับรู้รับทราบกันไปแล้วว่า การประชุมสภาฯเมื่อวันที่ 4ธ.ค.ที่ผ่านมา สภาฯไม่ล่ม เพราะมี ส.ส.จากพรรคฝ่ายค้านที่มาร่วมแสดงตนในช่วงนับองค์ประชุม 10 คน ทั้งที่มติจากวิปฝ่ายค้านให้ "วอล์กเอาต์" ด้วยไม่ยอมรับให้มีการ "นับคะแนนใหม่" ในญัตติตั้ง กมธ.ศึกษาปัญหาการใช้มาตรา 44 ที่ฝ่ายรัฐบาลแพ้โหวตไปก่อนหน้านั้น

10 ส.ส.ฝ่ายค้านดังกล่าวจึงถูกตีตราว่าเป็น "งูเห่า" แถมยังถูกตั้งข้อสงสัยจากสังคมว่าได้ไป "รับแจกกล้วย" จากฝ่ายรัฐบาลมาหรือไม่ …ซึ่งประกอบด้วย ส.ส.จากพรรคเพื่อไทย 3 คน คือ นายขจิตร ชัยนิคม ส.ส. อุดรธานี , น.ส.พรพิมล ธรรมสาร ส.ส.ปทุมธานี, นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ส.ส.กทม., พรรคอนาคตใหม่ 2 คน ได้แก่ นายจารึก ศรีอ่อน และ พ.ต.ท.ฐนภัทร กิตติวงศา จาก จ.จันทบุรี , พรรคเศรษฐกิจใหม่ หรือ"พรรคลุงมิ่ง" 4 คนได้แก่ นายภาสกร เงินเจริญกุล นายมนูญ สิวาภิรมย์รัตน์ นางมารศรี ขจรเรืองโรจน์ นายสุภดิช อากาศฤกษ์ ซึ่งทั้ง 4 คนเป็นส.ส.บัญชีรายชื่อ และจากพรรคประชาชาติ 1 คนได้แก่ นายอนุมัติ ซูสารอ ส.ส.ปัตตานี…

แน่นอนว่า ส.ส.เหล่านี้ อาจถูกพรรคสอบสวน หรือมีมาตรการลงโทษตามมาในฐานะที่ฝืนมติวิปฝ่ายค้าน … แต่ลองมาฟังเหตุผลดูว่า ทำไมเขาจึงทำเช่นนั้น

"ขจิตร ชัยนิคม" ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย บอกว่าไม่ได้ตั้งใจเป็นงูเห่า และไม่เคยปันใจให้ฝ่ายรัฐบาลเลย แถมยังไม่พอใจเสียด้วยซ้ำที่พรรคเพื่อไทยบอกว่าจะ "เปิดซักฟอก" รัฐบาลในเดือนธ.ค.นี้ แต่สุดท้ายก็เลื่อนออกไปไม่มีกำหนด… แต่ที่เป็นเช่นนั้นเพราะหลังจากลงชื่อว่ามาประชุมสภาฯแล้ว ก็รับบัตรประจำตัวแล้วเอาไปเสียบคาช่องแสดงตนไว้ โดยที่ผ่านมาก็ทำเช่นนี้ตลอด… จากนั้นก็ออกไปประชุม กมธ.งบประมาณปี 63 เนื่องจากเป็นประธาน อนุกมธ.พิจารณางบฯ กระทรวงศึกษาธิการ … เมื่อประธานในที่ประชุมให้แสดงตนเพื่อนับองค์ประชุม ตัวเขาก็ยังอยู่ในห้องประชุมกมธ.พิจารณางบประมาณ ไม่ได้กลับมาเข้าห้องประชุมสภาฯ เลย… เป็นเพราะบัตรประจำตัวที่เสียบคาช่องแสดงตนอยู่แท้ๆ เลยทำให้ต้องถูกตราหน้าว่าเป็น "งูเห่า" … "ขจิตร" ทิ้งท้ายว่า…ปัญหาแค่นี้ ผมไม่วอรี่

"จารึก ศรีอ่อน" ส.ส.จันทบุรี พรรคอนาคตใหม่ เป็นอีกคนที่ไม่ได้วอล์กเอาต์ ไปตามมติฝ่ายค้าน บอกว่า ที่ทำแบบนี้ เพราะอยากให้สภาฯ เดินหน้าไปได้ ก็วอล์กเอาต์มาแล้วถึง 2 ครั้ง จะให้วอล์กเอาต์กันอีกกี่ที … 5 ปีที่ผ่านมาเราไม่มีสภาฯ เราไม่มีผู้เเทน เราก็เรียกร้องกัน แต่พอมีสภาฯ แล้วก็มาวอล์กเอาต์ ผมว่ามันไม่ใช่ ทำแบบนี้ ประชาชนก็เลยเบื่อการเมือง จึงตัดสินใจอยู่ร่วมในองค์ประชุม… ยืนยันไม่ได้รับแจกกล้วยจากฝ่ายรัฐบาล

"ผมยืนขึ้นมาด้วยความมั่นใจเลยว่า ผมจะอยู่ และงดออกเสียง ไม่อยากให้ประชาชนที่เขาเลือกเราเข้ามาเห็นว่านักการเมืองเอาแต่ทะเลาะกัน ไม่ทำเพื่อผลประโชน์ของประชาชน จะเอาแต่ชนะคะคานกัน ผมไม่ชอบ ทุกสิ่งทุกอย่างเราต้องแก้ไขกันในสภาฯ"

ส่วนที่ถูกคนมองว่าเป็นงูเห่า…"จารึก" บอกว่า…ช่างมันเถอะ ไม่เป็นไร … ส่วนเรื่องมติพรรคนั้น …ผมไม่รู้ เพราะไม่ได้ทำกิจกรรมกับพรรค แค่ทำประโยชน์ให้ประชาชนได้ ก็พอใจแล้ว !!

ขณะที่ "พ.ต.ท.ฐนภัทร กิตติวงศา" ส.ส.จันทบุรี พรรคอนาคตใหม่ ก็บอกเช่นกันว่า ต้องการให้สภาฯเดินหน้าไปได้จึงอยู่แสดงตนตอนที่นับองค์ประชุม

"ผมไม่เห็นด้วยกับการวอล์กเอาต์ การจะแพ้หรือชนะ ก็ต้องยอมรับกันตามกระบวนการของสภาฯ การทำงานในสภาฯ ก็ต้องยึดหลักของสภาฯ ให้ทุกอย่างจบที่สภาฯ… เมื่อสภาฯเดินหน้าไปได้ ประเทศก็จะเดินหน้าไปได้ เพื่อที่ทุกฝ่ายจะเอาเวลาไปช่วยแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนในเรื่องอื่นๆ ที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก"

แม้ว่าส.ส.จันทบุรี ทั้งสองคนจะแสดงตนช่วยให้สภาฯไม่ล่ม แต่เมื่อถึงเวลาโหวต ตั้งกมธ.ศึกษาปัญหาการใช้ ม.44 ทั้งคู่ งดออกเสียง !!

คราวนี้มาฟังเหตุผลของ ส.ส.ประชาธิปัตย์ ที่โหวตสวน มติพรรค เพื่อให้ตั้ง "กมธ.เช็กบิล ม.44" ซึ่งก่อนหน้านั้น มี ทั้งหมด 6 เสียง แต่การโหวตครั้งนี้ มี 4 เสียงที่ยัง "โหวตสวน" คือ เทพไท เสนพงศ์ , สาทิตย์ วงศ์หนองเตย, อันวาร์ สาและ , นายพนิต วิกิตเศรษฐ์

"เทพไท เสนพงศ์" ยกอุดมการณ์พรรคนำหน้ามาก่อนเลยว่า … 73 ปีที่มีให้ไว้กับประชาชน อุดมการณ์ของพรรค สำคัญที่สุดสำหรับคนเป็นสมาชิกพรรค ผมได้ลงมติเห็นด้วยกับญัตติการตั้ง กมธ.ศึกษาผลกระทบของ ม.44 ด้วยเหตุผล 3 ข้อ คือ 1. เป็นญัตติของพรรคได้ผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุมพรรคและมีอดีต รมต. 7 คน ลงชื่อเป็นเจ้าของญัตติ 2. ได้อภิปรายสนับสนุนญัตตินี้ในสภาฯ อย่างชัดเจน 3. เป็นญัตติที่ตรงกับอุดมการณ์ของพรรคที่ประกาศมา 73 ปีแล้ว ผมขอยืนยันในจุดยืนเดิม 1 ใน 5 เสียง ที่โหวตหนุนให้ตั้งกมธ. คือเสียงของผมเองครับ…

ส่วน "พนิต วิกิตเศรษฐ์" บอกว่า แม้ประกาศ และคำสั่งคสช.หลายฉบับจะออกมาเพื่อแก้ไขปัญหาเร่งด่วนบางประการ แต่ในช่วงก่อนการเลือกตั้งนั้น ไม่มีส.ส.ที่เป็นตัวแทนประชาชน ไปทำหน้าที่ตรวจสอบอย่างรอบคอบว่า กฎหมายเหล่านั้น จะมีผลกระทบต่อประชาชนอย่างไรบ้าง… ดังนั้นเมื่อสถานการณ์ทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม เปลี่ยนแปลงไป ก็สมควรจะต้องปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ …การตัดสินใจครั้งนี้ ไม่ใช่ด้วยเหตุผลทางการเมือง หรือเหตุผลอื่น แต่เป็นการยืนยันว่า กฎหมายที่มีผลกระทบต่อประชาชน ต้องได้รับการตรวจสอบ อย่างรอบคอบโดยส.ส.ที่มาจากการเลือกตั้ง … นี่เป็นอุดมการณ์การทางเมืองของผม !!

แม้การ "โหวตสวน" ของ 4 ส.ส.ประชาธิปัตย์ จะไม่มีผลทำให้ตั้ง กมธ.มาเช็กบิลคสช.ได้ แต่การฝืนมติพรรค คงต้องเป็นการบ้านของผู้บริหารพรรค ที่ต้องมีเรื่องให้พูดคุยกันแน่ .

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0